“ยิ่งลักษณ์” อัด “บิ๊กตู่” กล่าวเท็จในสภาฯ กรณีหนี้จำนำข้าว ชี้ ฟังมา 7 ปีแล้ว หัดโทษตัวเองบ้าง เหน็บ ชายชาติทหารไม่ทำแบบนี้ แจงยิบ 5 ข้อที่ทำให้หนี้สูงขึ้น
วันที่ 2 มิ.ย. 2564 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กชี้แจงตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีหนี้จำนำข้าว ว่า วานนี้ (1 มิ.ย.) ได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในสภาฯ ว่า หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะมีหนี้จำนำข้าวในลักษณะที่เป็นการพาดพิงมา โดยอ้างว่าใช้หนี้ไปแล้ว 7.05 แสนล้านบาท และเหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้อีก 12 ปีถึงจะหมดนั้น ขอยืนยันว่า “คุณประยุทธ์กล่าวเท็จในสภาฯ” พร้อมระบุเพิ่มเติม 5 ข้อดังนี้
1. เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหารยึดอำนาจ ยอดหนี้สาธารณะของโครงการฯ เป็นภาระค้ำประกัน และมียอดไม่ถึง 5 แสนล้านบาท และโครงการยังมีสต๊อกข้าวสารหลายแสนล้านบาท ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปสอบถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดู เสียดายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยปละให้มีการทุจริต นำข้าวดีๆ ไปจัดเกรด ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อน มีผลให้นำไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง เป็นอาหารสัตว์บ้าง เป็นพลังงานบ้าง ถ้าขายข้าวอย่างสุจริต ภาระคงค้างที่เกิดจากภารกิจช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจังในครั้งนั้นก็ย่อมจะไม่มาก และโครงการก็มีความคุ้มค่าต่อภารกิจ และเศรษฐกิจโดยรวม ตามรายงานของสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อีกด้วย
2. ส่วนคำกล่าวหาในลักษณะที่ว่ารัฐบาลดิฉันสร้างหนี้มาก ข้อมูลจริง คือในช่วง 3 ปีงบประมาณ (2555-2557) ที่บริหารงาน การกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลลดลงต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 400,000 ล้านบาท เป็น 300,000 ล้านบาท และ 250,000 ล้านบาท (และวางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นงบประมาณสมดุล ในปี 2560) รวมยอดหนี้ฯ 3 ปีงบประมาณ เท่ากับ 950,000 ล้านบาท
...
3. มาดูฝีมือสร้างหนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นอย่างไร การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่กำลังลดลงและควรจะลดลงอีกกลับทะยานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 มียอดเงินกู้ 250,000 ล้านบาท ปรากฏว่ามีการกู้เงินที่มียอดสูงขึ้นในช่วงเวลาอีก 4 ปี ต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้ง (2559-2562) เป็น 390,000 ล้านบาท / 552,921.7 ล้านบาท / 550,358 ล้านบาท และ 450,000 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นช่วงก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อมาพอปี 2563 และ 2564 ก็ยิ่งกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 683,000 ล้านบาท และ 623,000 ล้านบาท โดยใน 2 ปีนี้ยังออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อภารกิจโรคระบาดอีก 2 ฉบับ ปี 2563 กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 เมื่อไม่กี่วันก่อนก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท ยังไม่รวมที่กำลังเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่ต้องกู้ชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท รวมเป็นยอดเงินกู้ถึง 5.699 ล้านล้านบาท หนี้ขนาดนี้ใช้นานเท่าไรจะหมด
4. ส่วนดอกเบี้ยจ่าย ก็พอจะบอกได้ว่าหนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อไว้สร้างภาระแค่ไหน งบประมาณปี 2565 ที่กำลังอภิปรายกันอยู่ มียอดรวม 3.1 ล้านล้านบาท ต้องจัดเตรียมไว้จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 182,988 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาลดิฉัน ในปีงบประมาณ 2557 ก่อนรัฐประหาร งบจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 109,511 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงขึ้นมากเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ กู้เงินมากมาย
5. รัฐบาลดิฉันวางระบบชำระคืนหนี้สาธารณะก้อนโตที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังลดยอดหนี้สาธารณะลงไปหลายแสนล้านบาทโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลก่อน กลับเอาแต่โทษโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเบี่ยงเบนความเสียหายที่ก่อขึ้น
“วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกค่ะ”.