เพื่อไทย เตรียมอภิปรายในการประชุมสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 อัด “บิ๊กตู่” ลดงบกระทรวงศึกษาธิการ ตอกย้ำไม่แยกแยะความสำคัญของการพัฒนาประเทศ จี้ปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยอย่างจริงจัง
วันที่ 30 พ.ค. 2564 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และประธานอนุกรรมการนโยบายด้านสวัสดิการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย. 2564 ที่จะมีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งการจัดสรรงบประมาณในหลายด้านของรัฐบาลยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับคนไทย ทั้งการระบาดของโควิด-19 และวิกฤติเศรษฐกิจ
ในส่วนของงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ รัฐบาลได้ตัดงบประมาณลงถึง 2.45 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 6.75% ทั้งที่การศึกษาเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดงบประมาณด้านการศึกษาลงอย่างมาก เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่ารัฐบาลไม่สามารถแยกแยะความสำคัญของการพัฒนาประเทศได้ ทั้งที่การศึกษาเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาให้เด็กไทยมีความรู้ความสามารถมากขึ้นเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา คุณภาพการศึกษาของไทยตกต่ำ อยู่อันดับท้ายๆ ของกลุ่มประเทศในอาเซียน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยจัดอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน ตามหลังเวียดนาม ขณะที่ระดับอุดมศึกษาอยู่อันดับ 8 ตามหลังกัมพูชาและฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าอับอายมาก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับนิ่งเฉยไม่แก้ไขแล้วยังจะตัดงบประมาณลงอีก จนห่วงว่าจะยิ่งทำให้คุณภาพของการศึกษาไทยตกต่ำลง
น.ส.ธีรรัตน์ ระบุต่อไปว่า ในอดีตสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีโครงการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียน ป.1 ทุกคน ซึ่งเป็นแนวคิดเพื่อที่จะปรับปรุงและปฏิรูปการศึกษาและยังเป็นการเตรียมความพร้อมเด็กนักเรียน รวมถึงผู้ปกครองให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งตอนที่พรรคเพื่อไทยคิดโครงการนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้ใช้วิสัยทัศน์มองล่วงหน้าว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของโลกจะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นในอนาคต และปัจจุบันก็พิสูจน์แล้วว่าเศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวและเติบโตอย่างมากตามที่พรรคเพื่อไทยคาดการณ์ไว้ และหากไม่มีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในปี 2557 และไม่มีการยกเลิกโครงการดังกล่าว การพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยคงไปได้ไกลกว่านี้ อาจมีบริษัทเทคโนโลยีระดับยูนิคอร์นแล้วหลายบริษัท
...
“ปัญหาการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาและความผิดพลาดในการบริหารการศึกษาต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ พรรคเพื่อไทยจะหยิบยกมาอภิปรายในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 อย่างแน่นอน ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยอย่างจริงจัง เพื่อให้เท่ากันการพัฒนาและทิศทางการสร้างงานของโลก เพื่อยกระดับความสามารถของแรงงานและพัฒนาตลาดแรงงานรองรับนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้มีแผนในการพัฒนาและการสร้างงานรองรับการศึกษาอย่างครบวงจรแล้ว”