รัฐบาลถอยกรูด ยอมปรับลดวงเงินกู้เหลือ 5 แสน ล. จากเดิมตั้งไว้ 7 แสน ล. “สุพัฒนพงษ์” ยันเหลือแหล่แก้โควิด “อาคม” ฟุ้งกระตุ้นจีดีพีโต 1.5-2.5% วางแผนงานการใช้เงิน 3 กรอบ ทุ่มหน้าตัก 3 แสน ล. จ่ายชดเชย-เยียวยา จ่อเอาเข้าผ่านกรรมวิธีสภา 7 มิ.ย. “เสธ.อู้” โชว์ป๋าเสนอแจกไปเลยหัวละ 5 พัน “บิ๊กตู่” รับ “ตะเคียนทอง” ศักดิ์สิทธิ์ จาก ทส. แต่ดำดินงดแถลงข่าว 3 สัปดาห์ติดแล้ว พท.จี้สำนึกใช้เงินภาษีประชาชน ก้าวไกลจวก “ชัยวุฒิ” ว่างมากไล่ฟ้อง ปชช.

หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักต่อการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ของรัฐบาลมาดำเนินการแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออก พ.ร.ก.กู้เงินมาแล้ว 1 ล้านล้านบาท ล่าสุดคณะรัฐมนตรียอมปรับลดวงเงินลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท พร้อมยืนยันว่าเพียงพอต่อการแก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤติขณะนี้

“อาคม” ตีมึนไม่ตอบ พ.ร.ก.กู้เงิน

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เป็นวาระลับเมื่อวันที่ 18 พ.ค. จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยรัฐบาลมอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ก่อนการประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามรายละเอียดใน พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท แต่นายอาคมปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยชี้นิ้วแสดงท่าทีรีบขึ้นประชุม ครม. เมื่อถามย้ำว่าจะชี้แจงเมื่อใด นายอาคมไม่ยอมตอบ

...

“บิ๊กตู่” รับ “ตะเคียนทอง” ศักดิ์สิทธิ์

ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เชื่อมไปยังห้องรองนายกฯและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ทั้งนี้ก่อนประชุม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะเข้าพบนายกฯเพื่อมอบกล้าไม้ต้นตะเคียนทอง เนื่องในวันต้นไม้ประจำปี คือวันที่ 26 พ.ค. รวมถึงต้นกล้าไม้อื่นให้รองนายกฯและรัฐมนตรีนำไปปลูกต่อไป โดยต้นกล้าไม้นี้ได้ผ่านพิธีเจริญพระพุทธมนต์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับประชาสัมพันธ์โครงการกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายใต้ชื่อ “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน”

ดำดินงดแถลงข่าว 3 สัปดาห์ติด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ยังคงไม่ยอมแถลงข่าวเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อซักถามที่สื่อมวลชนส่งไปให้ก่อนหน้านี้แทน ทั้งนี้คำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัญหาโควิด ความชัดเจนเรื่องวัคซีน เหตุผลการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท การวิพากษ์วิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 กรณีครบ 7 ปีรัฐประหาร และเหตุปืน AK จำนวน 28 กระบอก หายไปที่ จ.นราธิวาส พร้อมมอบให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้แจงเรื่อง พ.ร.ก.กู้เงินฯแทน

กำชับ ครม.ชี้แจงไปทางเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำในที่ประชุมถึงการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโควิด-19 การกระจายวัคซีน กำชับให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลมากขึ้น ไม่ต้องเร่งรีบให้ชัดเจนก่อน เพราะถ้าพูดไปแล้วคนจะมีความคาดหวังมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ฝ่ายนโยบายต้องตามชี้แจง และให้แต่ละกระทรวงประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเอง ว่าช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปแล้วบ้างให้ประชาชนรับรู้ ไม่จำเป็นต้องออกมาตอบโต้แต่ให้นำข้อเท็จจริงมานำเสนอ

โชว์ผลงานจัดการพวกเห็นต่าง

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังหารือถึงการเตรียมความพร้อมประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2565 โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอความร่วมมือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล กำชับ ส.ส.ให้เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง และช่วงท้ายการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ยังอ่านรายงานผลการแจ้งความดำเนินคดีผู้กระทำผิดเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง บิดเบือนข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ระบุว่าการดำเนินคดีจะมุ่งเน้นไปที่ผู้มียอดคนติดตามจำนวนมาก เล่นพวกตัวใหญ่เป็นหลัก เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

ลดกรอบวงเงินกู้เหลือ 5 แสน ล.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือตั้งแต่วันนี้ (25 พ.ค.) เป็นต้นไป หรือเรียกว่าเป็น พ.ร.ก.กู้เงินฉบับที่ 2 กรอบวงเงิน ไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ที่ต้องมีการลงนามในสัญญา เงินกู้ หรือออกตราสารหนี้ภายในวันที่ 30 ก.ย.2565 พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกมาเพื่อรับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ร้อยละ 1.5 จากที่คาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 ส่วนการกู้เงินจะทยอยกู้ตามความจำเป็น ไม่ได้กู้มาในคราวเดียว สำนักงานบริการหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินการกู้เงินอย่างระมัดระวัง ดูตลาดเงิน ตลาดตราสารหนี้ และประมาณการว่าหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบที่ร้อยละ 58.56 ต่อจีดีพี แต่ถ้าเศรษฐกิจเติบโตตัวเลขหนี้สาธารณะจะดีขึ้น

วางแผนงานการใช้เงิน 3 กรอบ

นายอาคมกล่าวว่า สำหรับ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท กำหนดการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ 3 แผนงาน ได้แก่ 1.แก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 วงเงิน 30,000 ล้านบาท 2.ช่วยเหลือเยียวยา และชดเชย แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด วงเงิน 300,000 ล้านบาท และ 3.ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด วงเงิน 170,000 ล้านบาท ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นสามารถปรับแผนงานการใช้จ่ายได้ โดย พ.ร.ก. ฉบับนี้จะเข้าไปเสริมตามแผนงาน พ.ร.ก.ฉบับที่ 1 (พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) ที่เน้นเข้าไปดูแลใน บางเรื่อง เช่น เอสเอ็มอี ไมโครเอสเอ็มอี ผู้ประกอบธุรกิจรายเล็กรายน้อย เป็นต้น

แจงเหตุปรับลดเหลือ 5 แสน ล.

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การปรับลดวงเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงินโควิด ฉบับที่ 2 จากเดิม 7 แสนล้านบาท มาเหลือ 5 แสนล้านบาท เพราะเห็นว่าวงเงินจำนวน 5 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอรองรับช่วงท้ายๆ ของการระบาดโควิด-19 และขณะนี้มีวัคซีนเริ่มทยอย ฉีดแล้ว ฉะนั้นกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของเงินกู้เดิม 1 ล้านล้านบาท น่าจะเพียงพอ แต่เราต้องไม่ประมาท ที่ผ่านมาเห็นแล้วว่ามีการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นได้ ต้องมีอะไรเตรียมรองรับ ไว้ในปี 2565 ให้มั่นใจว่ารัฐบาลคิดรอบคอบ หาก ไม่เกิดการระบาดอีก ไม่ต้องเบิกเงินกู้เลยจะดีที่สุด

เลี่ยงตอบโต้แจงปมที่สังคมคาใจ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ เชื่อมั่นในรัฐมนตรีทุกคนว่าจะชี้แจงความจำเป็นของแผนงานในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2565 ได้ และให้เป็นแนวทางว่า ไม่อยากให้เป็นการตอบโต้ แต่ให้สร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ชี้ให้เห็นถึงแผนงานรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต มีแผนการค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างทางสังคม ประเด็นใดที่สังคมมีข้อสงสัยขอให้ชี้แจงให้ครบ ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานผลประชุมวิป 3 ฝ่ายต่อ ครม. ถึงกรอบเวลาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2565

พท.จี้หนักเปลี่ยนอาวุธเป็นวัคซีน

นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของรัฐบาล ไม่ได้มองถึงความต้องการประชาชน นายกฯต้องคิดถึงประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้คือการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข แต่รัฐบาลมองเพียงแค่การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ สนองความต้องการตัวเอง ใช้ภาษีประชาชนโดยไม่สามารถตรวจสอบได้ รัฐบาลต้องกล้าตัดงบจัดซื้ออาวุธทั้งหมด ภาวะวิกฤติเช่นนี้ไม่มีผู้นำประเทศใดใช้เงินซื้ออาวุธมากกว่าเวชภัณฑ์การแพทย์ รัฐบาลต้องเร่งหาวัคซีนฉีดให้ประชาชน ส่วนที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ควรมีรายละเอียดมากกว่านี้ ต้องสำนึกว่าเงินที่กู้มาเป็นภาษีประชาชน ไม่ใช่เงินของ พล.อ.ประยุทธ์ การใช้เงินกู้ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสียสละตัวเอง การอยู่ในตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ

“เสธ.อู้” ชงแจกไปเลยหัวละ 5 พัน

เมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. หารือพร้อมข้อเสนอการใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาทว่า รัฐบาลควรพิจารณาการใช้เงินกู้ 7 แสนล้านบาทนี้ให้ดี ขอเสนอให้ส่วนหนึ่งเป็นเงินสดแจกประชาชนคนละ 5,000 บาท ไปใช้ในสิ่งที่ต้องการ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลต้องคิดถึงความต้องการประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ฝากถึงนายกฯ และ รมว.คลัง พิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชน ให้ตรงเป้าตรงใจผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง

“เสี่ยแฮงค์” ปัดทีมงานกร่าง

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวระบุว่าผู้ติดตามรัฐมนตรีบางคนทำตัวไม่เหมาะสมเบ่งใส่แพทย์และพยาบาลระหว่างการฉีดวัคซีนที่รัฐสภาว่า คุยกับผู้ติดตามแล้วทุกคนไม่ทราบเรื่อง วันที่ 23 พ.ค. ไม่มีทีมงานของตนอยู่ที่รัฐสภาล้านเปอร์เซ็นต์ หากมีทีมงานเป็นแบบนั้นจะตัดปากทิ้ง และให้ไปกราบเท้าขอโทษ ไปอยู่ที่ไหนก็เชิญไม่ยอมให้เกิดขึ้น ใครไปคุยกับหมอแล้วพบเป็นทีมงานตน จะให้เงินเดือน 5 เดือนเป็นรางวัลเลย ปัจจุบันมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวลอยๆ เรื่องนี้ได้สอบถามทีมงานของประธานสภาฯแล้ว บอกว่านายชวนพูดค่อนข้างทีเล่นทีจริง ไม่ได้ซีเรียสจริงจัง ไม่ได้ระบุชื่อใคร

จวก “ชัยวุฒิ” ว่างมากไล่ฟ้อง ปชช.

ด้าน น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมา-นุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ไล่ฟ้องคดีประชาชนหลายรายว่า หากย้อนดูดีๆหน่วยงาน รัฐเคยแจ้งข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เช่น กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข บอกให้ประชาชนวอล์กอินเข้าไปฉีดวัคซีนโควิดได้ แต่นายกฯให้ระงับ นี่คือตัวอย่างข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของรัฐ ถ้าฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็ควรฟ้องหน่วยงาน รัฐด้วย รมว.ดีอีเอสขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชน ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าเอาใจนายไปวันๆ หากว่างมาก พอควรไปปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือพัฒนาแอปใหม่ๆให้มีประสิทธิภาพจะดีกว่า

“จตุพร” บุกทำเนียบฯจี้ลาออก

ช่วงสายที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล (ก.พ.เดิม) กลุ่มไทยไม่ทน “คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยื่นหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ลาออก มีนายสมพาส นิลพันธุ์ รองปลัดประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับหนังสือ นายจตุพรกล่าวว่า 7 ปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้งบฯไป 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ พล.อ.ประยุทธ์อ้างอยู่เพื่อปกป้องสถาบันฯแต่ไม่เคยออกมาปกป้อง เกิดข่าวลือต่างๆก็ยังนิ่งเฉยปล่อยปละละเลยไม่ออกมาชี้แจง และยังใช้มาตรา 112 มุ่งทำลายปฏิปักษ์ทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก ให้ดูตัวอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ทั้งหมด รู้จักพอ

“แรมโบ้” หนีหน้าไม่มารับเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปกติแล้วทำหน้าที่เป็นผู้รับหนังสือจากผู้ที่มายื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ไม่ออกมารับหนังสือของกลุ่มไทยไม่ทน ทำให้นายจตุพรกล่าวถึงนายเสกสกลว่า คิดว่านายเสกสกลน่าจะประเมินแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตนมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาไล่นายเสกสกล ขอให้นายเสกสกลรัก พล.อ.ประยุทธ์นานๆ เหมือนกับที่รักนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ภาคีเซฟบางกลอยบี้ “ธรรมนัส”

ขณะที่นายธัชพงศ์ แกดำ และนายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร นำแนวร่วมภาคีเซฟบางกลอยประมาณ 50 คน โดยมี น.ส.ชญาธนุส ศรทัตต์ หรือเฌอเอม นางแบบชื่อดัง และอดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 มาร่วมยื่นหนังสือต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้เร่งแก้ปัญหา นายพงษ์ศักดิ์อ่านแถลงการณ์ว่า เรียกร้องให้ สภ.แก่งกระจาน ชะลอดำเนินคดี และยุติแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับชาวบ้าน 28 คน ให้เร่งประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหากฎหมาย และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความด่วน และให้ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ยุติการดำเนินการใดๆในระดับพื้นที่ รวมทั้งชี้แจงกรณีเฮลิคอปเตอร์ของ ทส.ถูกยิงตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ

อัยการฟ้อง “แอมมี่” หมิ่นสถาบัน

วันเดียวกันที่ศาลอาญา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ อายุ 32 ปี เป็นจำเลย ฐานความผิดร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91,112, 217 พ.ร.บ.การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 โดยไม่ต้องนำตัวจำเลยมา เนื่องจากอยู่ในความควบคุมตามอำนาจศาลที่ขอฝากขังไว้ และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยจำเลยกับพวกอีก 2 คน บังอาจร่วมกันวางเพลิงและจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. มีการนำเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นภาพที่ไฟกำลังลุกไหม้ โดยศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.1199/2564 เพื่อพิจารณานัดจำเลยมาสอบคำให้การต่อไป