“บิ๊กป้อม” ปรามเด็ก ภท.ไปคิดดู ควรหรือไม่ควรโพสต์ตำหนินายกฯ โยนเรื่องของบุคคลไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมฯ “เสี่ยเฮ้ง” กรีด “ภราดร” อย่าสักแต่พูดหาคะแนนโกยเสียงเชียร์ “แรมโบ้” สวดลงเรือลำเดียวกัน ผิดหรือถูกต้องรับผิดชอบร่วม “ก้าวไกล” ได้ทีเสี้ยม ภท.-ปชป.วอล์กเอาต์ทิ้งเรือแป๊ะ “วิโรจน์” จ่อดาบหั่นแหลกงบกองทัพ พท.เฉ่งรัฐบาลกู้หนี้บานหว่านเงินสร้างฐานเสียง “วิสาร” จวกผลาญงบฯหาประโยชน์การเมืองมากกว่าช่วย ปชช. ฝ่ายค้านเห็นพ้องโหวตคว่ำ พ.ร.บ.งบฯปี 65 หวดเห็นซื้ออาวุธจำเป็นกว่ารักษาชีวิตคน “พิชัย” ขยี้ส่อไม่โปร่งใสเงินกู้ก้อนเก่าละเลงเหี้ยน 1 ล้านล้าน แต่ไร้ผล
จากกรณีนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองและโฆษกพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.สั่งเบรกการให้วอล์กอินเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นตัวถ่วงทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนล่าช้า จนเกิดกระทบกระทั่งตอบโต้ เป็นแผลทางใจซ้ำซากภายในพรรคร่วมรัฐบาล
“บิ๊กป้อม” ไม่ยุ่งปัญหาวอล์กอินฉีดวัคซีน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 พ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายต่อแรงงานจังหวัดและสำนักงานในแรงงานต่างประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้บริหารกระทรวงเข้าร่วม ถึงการฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนว่า ไม่มีอุปสรรค อะไร เราเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว เตรียมจุดฉีดไว้ถึง 45 จุด ใน กทม.และปริมณฑล 9 จังหวัด เมื่อถามถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีนแบบวอล์กอิน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกฯตนไม่ตอบ เมื่อถามว่าควรให้ลงทะเบียนหน้างานแบบออนไซด์สำหรับประชาชนทั่วไปตามที่นายกฯเปลี่ยนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ ศบค.ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นจะพิจารณาให้เป็นแบบใด
...
ไปคิดดูควรหรือไม่เด็ก ภท.เฉ่งนายกฯ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิการจัดระบบการฉีดวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.อาจทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนล่าช้า พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็น แต่สมควรหรือไม่ก็ไปคิดดูกันเอง เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล การบริหารจัดการวัคซีนอยู่ที่ ศบค.ดำเนินงาน ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไร
ระบุเรื่องบุคคลไม่ทำพรรคร่วมฯร้าว
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความขัดแย้งกันของพรรคร่วมรัฐบาล รองนายกฯกล่าวว่า“ไม่มีๆเรื่องขัดแย้ง เป็นเรื่องของบุคคล” เมื่อถามว่าจะต้องกำชับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ปรามลูกพรรคหรือไม่ว่าอะไรควรไม่ควร พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ไม่ต้องกำชับ เขาเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรไม่ควร” เมื่อถามว่าสมาชิกพรรคพลังประชารัฐก็ออกมาตอบโต้อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของโฆษกพรรคพลังประชารัฐ มีความเห็นอย่างไรก็ว่าไป
“เสี่ยเฮ้ง” กรีด “ภราดร” จ้อหาเสียง
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายภราดรตำหนินายกฯเป็นตัวถ่วงกระจายวัคซีน รู้หรือยังว่าจะได้วัคซีนเท่าไหร่จึงจะเปิดให้วอล์กอินได้ จะพูดเอามันไม่ได้ เป็น ส.ส.ต้องมีวุฒิภาวะ พูดอะไรต้องมีความคิด ขอให้นำความจริงมาพูดกัน ไม่ขอก้าวล่วงว่ามีผู้ใหญ่ในพรรครู้เห็นหรือไม่ แต่ขอเตือนเป็น ส.ส.จะพูดอะไรต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง เมื่อถามว่านายภราดรต้องการปกป้องนายอนุทินที่ถูกนายกฯเบรกเรื่องวอล์กอินฉีดวัคซีนหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่าจะปกป้องอะไรต้องมีวุฒิภาวะไม่อยากทะเลาะเพราะรู้จักกันทั้งนั้น แต่ไม่พูดไม่ได้ เพราะตนกำลังจะกระจายฉีดวัคซีนใน กทม.กระทรวงแรงงานจัด 45 จุดและมีการบริหารข้อมูล ผู้ประกันตนนัดเวลาล่วงหน้าไม่ใช่ออกมาพูดเอาคะแนนเสียง
พูดให้คนเชียร์แต่ไม่รู้จุดจบ
ทวงสามัคคีต้องรับผิดชอบร่วมกันนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวว่า แผนบริหารวัคซีนนายกฯและนายอนุทินวางแผนร่วมกันตลอด ขอร้องให้ช่วยคุยกับหัวหน้าพรรคบ้างจะเข้าใจมากขึ้นจะได้ไม่ออกมาตำหนินายกฯและรัฐบาล สุดท้ายเหมือนตำหนิ รมต.สาธารณสุข ตำหนิพรรคตัวเองด้วย เราเป็นรัฐบาลร่วมกันอยู่ในรัฐนาวาลำเดียวกัน ถูกหรือผิดต้องรับผิดชอบด้วยกันมิใช่หรือ ต้องสามัคคีกันจับมือไว้ให้แน่น ฝ่ายค้านจ้องหัวเราะเยาะเย้ยถากถางพวกเราอยู่ อย่าให้เขาเห็นว่าพวกเราแตกแยกเด็ดขาด ปล่อยให้ฝ่ายค้านฝันค้างกลางวันที่อยากล้มรัฐบาลอยากกลับมามีอำนาจรัฐจะดีกว่า
“แบต” เผย หน.เข้าใจขอระวังท่าที
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองและโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หลังเกิดกระแสจากการที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เตือนให้ระมัดระวังท่าทีหลังจากนี้ในการแสดงความคิดเห็นบางอย่าง แต่บอกว่าเข้าใจเจตนารมณ์ที่ตนต้องการสื่อสาร เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น
กก.เสี้ยม ปชป.–ภท.วอล์กเอาต์ทิ้ง รบ.
ที่พรรคก้าวไกล นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ว่า การให้ข้อมูลกลับไปกลับมาหลายครั้งจนประชาชนขาดความมั่นใจการบริหารจัดการปัญหาของรัฐบาลอย่างรุนแรง เป็นนัยสะท้อนความไม่เป็นเอกภาพระหว่างพรรคพลังประชารัฐ แกนหลักของรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดนข้ามหัวมาตลอด ในสถานการณ์เช่นนี้ประชาชนต้องการเห็นเอกภาพในการวางแผนร่วมกันพาประชาชนข้ามผ่านความเลวร้ายไปให้ได้ คิดว่าการที่ให้วอล์กอินไม่ได้ ทั้งที่เป็นเรื่องต้องใช้ทุกองคาพยพของรัฐบาลสนับสนุนทำให้เป็นจริง คงยากแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลจะทำผลงานตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ได้ แนะนำให้ทั้ง 2 พรรควอล์กเอาต์ออกมาดีกว่า ไม่ควรไปเดินตามตัวถ่วงประเทศ ตอนนี้ศักดิ์ศรีนักการเมืองยังเหลือกันอยู่หรือไม่ จะอุ้มเขาต่อหรือจะเป็นตัวของตัวเองต้องตัดสินใจได้แล้ว อย่าไปรอกินน้ำใต้ศอกใคร อย่างน้อยประชาชนที่เลือกท่านมาคงคาดหวังจะเห็นความเด็ดเดี่ยวและสง่างามในตัวผู้แทนของเขา
เล็งหั่นแหลกงบกองทัพผิดกาลเทศะ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะหารือกันในการประชุม ส.ส.สัปดาห์หน้า แรกเริ่มเดิมทีจะอภิปรายทั่วไป แต่มีการหารือว่าในสถานการณ์ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น การอภิปรายต้องไม่ใช่อภิปรายทั่วไป แต่ต้องเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจและที่เห็นผลว่าควรจะไม่ไว้วางใจ ส่วนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2565 ตอนนี้เห็นตรรกะอธิบายไม่สมเหตุสมผล คือการบอกว่ากองทัพลดงบฯลงมาแล้ว หลายกระทรวงก็ได้งบเพิ่มขึ้นแล้ว การจัดสรรงบฯที่แท้จริง คือถ้าเรายังเห็นว่างบฯอะไรของกองทัพยังไม่ถูกกาลเทศะ ไม่สมควรแก่เหตุในสถานการณ์โควิด-19 อธิบายไม่ได้ว่าจะซื้อยุทโธปกรณ์มาเพื่อการใดที่จะเชื่อมโยงกับประโยชน์ และคุณภาพชีวิตของประชาชนต้องปรับลดลงอีก ถ้ายังเห็นว่าอะไรปรับลดได้อีกควรทำ ส่วนกรณีรัฐบาลพยายามปรับการวอล์กอินฉีดวัคซีนมาเป็นออนไซด์หรือลงทะเบียน ณ จุดบริการนั้น การบริหารจัดการสต๊อกวัคซีนต้องทำด้วยความเข้าใจ ให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน และการวอล์กอินจะเป็นมาตรการเสริมในภายหลัง หรือควบคู่กัน ถ้ามั่นใจว่าจะมีสต๊อกวัคซีนเพียงพอ แต่ต้องควบคุมความหนาแน่นด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดคลัสเตอร์ที่ขำไม่ออก และเป็นตลกร้ายเพราะเป็นคลัสเตอร์จุดฉีดวัคซีน
พท.ฉะ รบ.กู้หว่านปูพรมขยายฐานเสียง
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท กล่าวถึงการที่ ครม.เห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้าน ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มขึ้น เงินกู้ที่ผ่านมาตรวจสอบยากมาก และเกิดปัญหาคอร์รัปชัน เงินกู้ส่วนใหญ่ถูกใช้ไปสร้างฐานการเมืองของรัฐบาล เปิดโอกาสให้นายทุนและเจ้าสัวเข้าถึงเงินกู้ แต่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กกลับเข้าไม่ถึง การขอกู้เพิ่มหวั่นใจว่ารัฐบาลจะนำเงินกู้ไปหาประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ
ฝ่ายค้านจ่อโหวตคว่ำ พ.ร.บ.งบฯ 65
นายวิสารกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีรัฐบาลจะนำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา จากการตรวจสอบการจัดทำงบฯ พรรคเพื่อไทยเห็นตรงกันว่าจะไม่รับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเป็นการจัดงบฯที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ การอ้างว่าจัดทำงบฯเกิดขึ้นก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิดรอบ 3 เป็นเพียง ข้ออ้าง ความจริงรัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการทหารมากกว่าความมั่นคงด้านสาธารณสุข ในสภาวะโรคระบาดเช่นนี้ รัฐบาลกลับเห็นการซื้ออาวุธจำเป็นมากกว่าการรักษาชีวิตคน พรรคฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าจะลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.นี้แน่นอน
ขยี้ส่อไม่โปร่งใสละเลง 1 ลล.ไร้ผล
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประหลาดใจที่นายกฯและ ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเป็นวาระจร ไม่ได้ให้รายละเอียดเหมือนมุบมิบทำกัน ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่มาก ควรชี้แจงให้ประชาชนทราบก่อน ก่อนหน้านี้นายอาคม เติม-พิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพิ่งยืนยันว่ายังมีเงินเหลือ 3.8 แสนล้านบาท จากวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเพียงพอเยียวยา แต่กลับเสนอ ครม.กู้เพิ่มถึง 7 แสนล้านบาท ทำให้สงสัยถึงความโปร่งใส อยากให้ชี้แจงว่าการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมาเพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงสาธารณสุขมีรายละเอียดอย่างไร ทำไมใช้หมดแล้วแต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ใช้เงินเพื่อสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท เหตุใดไม่จัดซื้อวัคซีนให้เพียงพอ ไม่มีวัคซีนทางเลือก ก่อนจะกู้เงิน 7 แสนล้านบาท ต้องพิจารณาตัดงบฯที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน ทั้งงบฯความมั่นคง งบฯซื้ออาวุธ ค่าดูงานต่างประเทศ ลดเงินเดือน ส.ว. ลดการเกณฑ์ทหาร แสดงถึงสำนึกว่ารัฐบาลใช้เงินจำนวนมากแล้วต้องประหยัดด้านอื่นด้วย
ฉะหมกเม็ด 3 สิ่งไม่บอกใน พ.ร.ก.กู้เงิน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดูรายละเอียดร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท พบมีสิ่งซ่อนอยู่คือ ครม.มีมติเห็นชอบให้นับรวมรายจ่ายลงทุนตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขภาวะงบลงทุนน้อยกว่างบขาดดุลของงบฯปี 65 สร้างบรรทัดฐานเลวร้ายให้ระบบการคลังของประเทศ นัยว่ากำลังบัญญัติศัพท์ใหม่คำว่า “การกู้นอกงบประมาณเพื่อชดเชยกรณีงบลงทุนน้อยกว่าการขาดดุล” กระทำได้สิ้นเดือน ก.ย.64 หนี้สาธารณะเมื่อรวมกับยอด พ.ร.ก.กู้เงินล่าสุดนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 9,381,428 ล้านบาท (58.56% ต่อ GDP) มีช่องว่างเหลือเพียง 230,691 ล้านบาท ก่อนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะชน 60% หากต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุล 700,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งในงบฯปี 65 จะทะลุเพดานทันที หนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายพอขยับกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าขยับให้ใครและเอาไปใช้อย่างไร หากขยับให้รัฐบาลปัจจุบันและเอาไปใช้แบบที่ผ่านๆมาน่าห่วง และสุดท้ายงบฯ 3 ส่วน ได้แก่ งบสาธารณสุข งบเยียวยา และงบฟื้นฟู โอนโยกย้ายกันไปมาได้ เป็นปัญหาตั้งแต่ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทที่โอนงบฟื้นฟูซึ่งลงทุนเพื่ออนาคตมาในงบเยียวยาเกือบหมด แทบไม่ได้ลงทุนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
“ชาญชัย” บี้ “บิ๊กตู่” สางทุจริต ทอท.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล บริเวณสำนักงาน ก.พ.เดิม นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหรือ สปท.ตัวแทนกลุ่มประชาชนคนไทย เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ทวงถามผลดำเนินคดีทุจริตประพฤติมิชอบ โดยนายชาญชัยกล่าวว่ามายื่นเอกสารการทุจริตในการท่าอากาศยานหรือทอท.เกี่ยวกับการอนุมัติเรียกเก็บเงินผลประโยชน์ตามสัญญา 15% แต่เรียกเก็บแค่ 3% และกรณีสัมปทานร้านขายสินค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรีของบริษัท คิงเพาเวอร์ ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าจ่ายค่าตอบแทนให้ ทอท.ไม่เป็นไปตามสัญญา ยอดเสียหายทั้ง 2 ประเด็นขณะฟ้องคดีเป็นเงินราว 14,290 ล้านบาทเศษไม่รวมดอกเบี้ย ขอให้นายกฯดำเนินการกับคณะกรรมการทำความผิด หยุดสร้างภาพอย่าเพียงพูดว่าจะปราบทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ ต้องทำจริงจัง
“ณัฏฐพล” ยังอู้ฟู่ร่วม 2 พันล้าน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีกรณีพ้นจากตำแหน่ง โดยมีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2564มีทรัพย์สิน 359,966,455 บาท นางทยา ทีปสุวรรณ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 1,442,280,260 บาท บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 178,382,353 บาทรวมมีทรัพย์สิน 1,980,629,068 บาท โดยนายณัฏฐพลแจ้งมีหนี้สินเงินเบิกเกินบัญชี 454,155 บาท นางทยามีหนี้สินเงินเบิกเกินบัญชีและหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือรวม 121,924,379 บาท รวมหนี้สิน122,396,841 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากบัญชีธนาคาร 98 ล้านบาท เงินลงทุน 1,343 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 352 ล้านบาท ที่ดิน 9 แปลง ที่ กทม. เชียงราย สมุทรปราการมูลค่า 106 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ อาทิ สร้อยคอและพระ 59 รายการ 19.7 ล้านบาท แหวน 14 วง รวม31.1 ล้านบาท กำไล สร้อยข้อมือ เครื่องประดับ 26รายการ มูลค่า 13.3 ล้านบาท เทียบกับเมื่อเข้ารับตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ที่นายณัฏฐพลแจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 2,115,587,449 บาท รวมแล้วนายณัฏฐพลมีทรัพย์สินลดลง 134.9 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลดลงจากเงินลงทุน
“พุทธิพงษ์–ถาวร” รวยทะลุร้อยล้าน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 24 ก.พ.64 มีทรัพย์สิน 146,511,316บาท นางนุสบา ปุณณกันต์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน56,338,883 บาท รวมมีทรัพย์สิน 203,150,200 บาท และมีหนี้สินจากเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 410,850 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารรวม 109 ล้านบาท ที่ดิน 3 แปลงใน กทม. สมุทรปราการ มูลค่า 38 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3หลังที่ กทม. สมุทรปราการ มูลค่า 19.5 ล้านบาทเทียบกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ารับตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62นายพุทธิพงษ์แจ้งมีทรัพย์สินรวม 194,296,604 บาทรวมแล้วนายพุทธิพงษ์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 8.8 ล้านบาท นายถาวร เสนเนียม ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่ง รมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 24 ก.พ.64มีทรัพย์สิน 95,856,503 บาท พล.ต.หญิงจันทิมาเสน–เนียม มีทรัพย์สิน 31,212,280 บาท รวมมีทรัพย์สิน 127,068,783 บาท และมีหนี้สินรวม 30,129,842 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 68 แปลง ที่จ.สงขลา นครศรีธรรมราช มูลค่า 81 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9 หลัง มูลค่า 53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ารับตำแหน่ง รมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ที่นายถาวรแจ้งมีทรัพย์สินรวม 124,853,180 บาท รวมแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.2ล้านบาท
“เทพไท” ไม่น้อยหน้ามี 900 กว่าล้าน
นายเทพไท เสนพงศ์ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 มีทรัพย์สิน 93,455,583 บาท น.ส.พอเพ็ญเริง ประเสริฐวิทย์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 832,102,138 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 1,817,104 บาท รวมมีทรัพย์สิน 927,284,826 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน ที่ดิน 76 แปลง ที่ กทม. อุทัยธานี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช มูลค่า 841 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 ที่นายเทพไทแจ้งมีทรัพย์สินรวม 923,133,311 บาท รวมแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านบาท
ส.ส.ถ่อสังขารนั่งวีลแชร์พบ ปธ.สภาฯ
เมื่อเวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา นายนพพลเหลือง–ทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นั่งรถวีลแชร์ใส่เฝือกที่แขน 2 ข้าง และใส่เฝือกขาซ้าย มาพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ขออนุญาตไม่แต่งตัวตามระเบียบสภาฯในการประชุมสภาฯ เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ประสานงากับรถยนต์ที่ จ.นครสวรรค์ โดยนายนพพลกล่าวว่ามาขอเอกสารร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ไปศึกษา และทำหนังสือขออนุญาตไม่แต่งกายตามระเบียบสภาฯ ประสบอุบัติเหตุครั้งที่ 13 ในชีวิตแล้ว ถ้าหายดีแล้วขี่รถจักรยานยนต์ต่อไปเพราะสะดวก
จริยธรรม ขรก.ให้กล้าแฉทุจริต
ช่วงค่ำเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประมวล จริยธรรมข้าราชการพลเรือน ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 76 วรรคสามบัญญัติ โดย ก.พ.องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน จัดทำขึ้นมีสาระสำคัญ อาทิ ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซื่อสัตย์สุจริต กล้าตัดสินใจ ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม กล้าคัดค้านสิ่งไม่ถูกต้อง กล้าเปิดเผยรายงานทุจริตประพฤติมิชอบต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ยอมทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพียงเพื่อรักษาประโยชน์ตนเอง การจัดทำแนวทางการปฏิบัติตนของข้าราชการพลเรือนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือนให้เป็นไปตามที่ ก.พ.กำหนด ประกาศ ณ วันที่ 7 พ.ค. ลงชื่อนายวิษณุ เครืองาม ประธาน ก.พ.