กลุ่มประชาชนคนไทย ให้เวลา "ประยุทธ์" 1 เดือน สางปัญหาทุจริต เลือกปรับ ครม.ใหม่ ปลด "ประวิตร-ธรรมนัส-อนุทิน-สมศักดิ์" หรือจะเสียสละลาออกเอง เปิดทางตั้งรัฐบาลใหม่ พร้อมขู่หากไม่เกิดขึ้น ได้คุยกันในตึกไทยคู่ฟ้าแน่


วันที่ 19 พ.ค. ที่ทำการประชาชนคนไทย ชั้น 3 อาคารพญาไทพลาซ่า คณะแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายพิชิต ไชยมงคล นายโกศล รักษ์ประชาไท และนายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ ร่วมกันแถลงการวาระประชาชน เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับ ครม. ให้ปลด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีปัญหาหรือข้อสงสัยเรื่องจริยธรรมทางการเมือง หรือประพฤติมิชอบ แต่ถ้าทำไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้มีการตั้งรัฐบาลสร้างชาติเข้ามาบริหารสถานการณ์วิกฤติประเทศไทยแทน


กลุ่มประชาชนคนไทย แถลงว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็น "วาระแห่งชาติ" ถือเป็นหลักหมุดที่ตอกย้ำความล้มเหลวในภารกิจสำคัญนี้ เป็นการประกาศซ้ำซากมากกว่า 10 ครั้ง ในรอบ 7 ปี ที่ครองอำนาจ "กลุ่มประชาชนคนไทย" ขอย้ำว่า แท้จริงแล้ว "วาระแห่งชาติ" ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียสละลาออกเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสร้างชาติ เข้ามาแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่บั่นทอนศักยภาพของประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด ในการประกาศครั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มุ่งสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตรวมทั้งความละอายต่อการทุจริต ประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ ตลอดจนสร้างจิตสำนึกและค่านิยมในการปฏิเสธไม่ยอมรับการทุจริตอย่างสิ้นเชิง แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่มีความละอาย และมองข้ามปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบที่อยู่ภายใต้รัฐบาลเองทั้งสิ้น และเป็นตัวการสำคัญทำให้ "โควิด-19" แพร่ระบาดถึง 3 ระลอก จนทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อีกทั้งต้องเจ็บป่วยถึงขั้นล้มตายมากขึ้น อันเนื่องมาจากการบริหารบ้านเมืองที่บกพร่องผิดพลาด จากกรณีสนามมวย เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบจากกรณีบ่อนการพนัน การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และความหละหลวมหย่อนยานให้เปิดอัครสถานบันเทิง อีกทั้งยังมีพฤติกรรมนำกังขาอีกมากมายที่เครือข่ายระบอบประยุทธ์ได้กระทำ เช่น การเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน การใช้อำนาจโดยมิชอบ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งทางกฎหมาย และไม่สง่างามในด้านจริยธรรมทางการเมือง เป็นบทพิสูจน์ว่า เสาค้ำยันให้กับการทุจริตในประเทศไทยก็คือระบอบอำนาจนิยม ระบบอุปถัมภ์เส้นสาย ภายใต้เครือข่ายของระบอบประยุทธ์นั่นเอง

...


กลุ่มประชาชนคนไทยจึงขอให้รัฐบาลเร่งจัดการกับนักการเมืองที่พัวพันการทุจริตประพฤติมิชอบให้ออกจากตำแหน่งทันที ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงหากมีเรื่องพัวพันกับการทุจริตต้องให้พักราชการไว้ก่อน กรณีการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่รัฐบาลชุดนี้ปกป้องอยู่ ต้องดำเนินการชำระสะสางให้เสร็จภายในเวลา 1 เดือน โดยผู้ถูกร้องต้องแจ้งที่มาของทรัพย์สินหรือรายได้ หากแจ้งที่มาไม่ได้ให้อายัดทรัพย์สินนั้นไว้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน การเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจการเมืองและตัวแทนของกลุ่มธุรกิจใหญ่ในเครือข่ายระบอบประยุทธ์ ต้องถูกตรวจสอบ และทบทวนสัญญาสัมปทานของระบบสาธารณูปโภค ที่พี่น้องประชาชนกลับเป็นฝ่ายต้องมาแบกรับภาระในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ นายกรัฐมนตรีต้องสอบสวนโครงการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ ที่รัฐบาลนำงบประมาณไปจัดซื้อได้ปริมาณน้อยลง เนื่องจากต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง จนทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงยาเป็นเหตุให้เสียชีวิต ตลอดจนเร่งรัดให้องค์การเภสัชกรรมดำเนินการให้ได้สิทธิผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศโดยเร็วเพื่อขจัดขั้นตอนการหาผลประโยชน์

"กลุ่มประชาชนคนไทย" ขอย้ำว่าการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้สำเร็จ ต้องอาศัยภาคประชาชนที่เข้มแข็ง ตื่นตัว และกลไกภาครัฐที่ทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้การตัดสินใจผูกพันกับความรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน จนเป็น "วาระประชาชน" เพื่อปกป้อง-ประโยชน์-ประเทศ อย่างแท้จริง


ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ หนึ่งในแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่า การร่วมตรวจสอบทุจริตของประชาชนที่ผ่านมามีอุปสรรค เพราะประชาชนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ดังนั้นการยื่นเรื่องให้นายกฯ ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง บางครั้งกลับถูกเพิกเฉย ที่ผ่านมาสะท้อนว่าการแก้ปัญหาทุจริตของประยุทธ์ล้มเหลว จากการไม่นำพาของหัวหน้าฝ่ายบริหาร เพราะตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปี 2564 โดยในปี 2557 นายกฯประกาศให้การแก้ปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติมาโดยตลอด แต่ปี 64 ไทยมีค่า CPI 104 แสดงให้เห็นว่าเป็นคนใช้คำพูดมากกว่าการกระทำ พูดอย่างเดียว แต่ไม่เคยมีผลงานชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต ซึ่งหลายครั้งการแก้ปัญหาทุจริตนายกฯ อาจลืมไปว่ารวมถึงการประพฤติไม่ชอบด้วย การที่มาประกาศแก้ปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ เป็นแค่มายาภาพทางการเมืองให้ดูดี ซึ่งการแก้ทุจริตในเวลานี้ควรเอาบุคคลที่มีปัญหาหรือข้อสงสัยเรื่องจริยธรรมทางการเมือง หรือประพฤติมิชอบ ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ควรจะพ้นจากตำแหน่ง แต่หากท่านทำไม่ได้ ควรเสียสละลาออก อย่างไรก็ตามตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสามารถที่จะสั่งการ พล.อ.ประวิตร หรือจัดการกับ ร.อ.ธรรมนัสได้


“หากจะทำเรื่องนี้ไม่ใช่แค่พูด ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ไปพิจารณา ร.อ.ธรรมนัสออก พิจารณาให้ พล.อ.ประวิตร ออกได้หรือไม่ รวมทั้งนายอนุทิน และนายสมศักดิ์ จากการบริหารงานล้มเหลว หรือจะร่วมหัวจมท้ายกันอยู่แบบนี้ ก็เท่ากับเป็นการส่งเสริม หากอยากเป็นรัฐบาลกันต่อ โดยไม่ฟังเสียงคนอื่น ก็ควรให้ รอ.ธรรมนัสเป็นนายกฯ เผื่อประเทศจะดีขึ้น หรือเอา พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ จะได้ยืมของกันทั้งประเทศแล้วไม่ผิด ดังนั้นนายกฯ อย่าเอาแต่ย้ำคิดอย่าเอาแต่พูด” นายนิติธร กล่าว 


นายนิติธร ยังกล่าวอีกว่า หากสิ่งที่กลุ่มประชาชนคนไทยเรียกร้องไปนั้น รัฐบาลไม่ทำ จะมีการยกมาตรการเรียกร้องสูงขึ้นไปอีก หากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีใครต้องรับผิดเรื่องประพฤติมิชอบที่ผ่านมา ในระยะเวลาอันใกล้ตนจะไปคุยกับนายกฯ แบบใกล้ชิด และขอให้เตรียมกฎหมาย เตรียมกำลังอุปกรณ์จัดการกับตนได้เลย หากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ได้คุยกันในตึกไทยคู่ฟ้าแน่นอน

ส่งจาก Galaxy ของฉัน