“วิชา” ออกโรงแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตีความคุณสมบัติ “ธรรมนัส” ฝืนเจตนารมณ์กฎหมายสูงสุด ก่อเกิดผลประหลาด เกิดมาตรฐานจริยธรรมต่างจากหลักสากล เพื่อไทยบี้ทวงถามคุณธรรมจริยธรรม “นายกฯตู่” ตั้งเป็น รมต. “พรรคกล้า” แนะปรับพ้น ครม.ดีกว่าไล่ฟ้องร้องครหา “โจรอุ้มโจร” ขณะที่ “บิ๊กตู่” เด้งเชือกงดจ้อการเมือง อ้างไม่ใช่เวลาทำการเมือง เดินหน้าเข็น พ.ร.บ.งบฯ 65 เข้าสภาฯ 9-11 มิ.ย.

กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกศาลออสเตรเลียพิพากษามีความผิดในคดียาเสพติด ไม่ต้องพ้นจาก ตำแหน่ง ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่สิ้นสุด ล่าสุดอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมือกฎหมายตงฉินอย่างนายวิชา มหาคุณ ออกมาเห็นแย้งในคำวินิจฉัยดังกล่าว

“วิชา” ชี้ตีความฝืนเจตนารมณ์ รธน.

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายวิชา มหาคุณ อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคดี “บอส อยู่วิทยา” และอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไม่ต้องพ้นสถานะรัฐมนตรี กรณีต้องคำพิพากษาจำคุกคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย ว่า แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ถูกร้องเคยต้องคำพิพากษาศาลออสเตรเลียถึงที่สุดว่า ได้กระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แต่มิใช่คำพิพากษาของศาลไทย ผู้ถูกร้องจึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) จึงเกิดข้อถกเถียงทางวิชาการว่า แนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวถูกต้องตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ หากศึกษารายละเอียดในคำปรารภรัฐธรรมนูญปี 2560 จะปรากฏข้อความตอนหนึ่งว่า “เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาลเข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง หรือใช้อำนาจตามอำเภอใจ” เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ จึงเป็นที่แน่ชัดว่า ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบ และขจัดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาล มิให้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง อันเป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดตลอดมา ในการปกครองบ้านเมืองปัญหาด้านจริยธรรมของผู้บริหารที่ขาดความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชน แต่ไม่ยอมออกจากตำแหน่ง โดยอ้างประชาชนเป็นผู้เลือกให้ทำหน้าที่ ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา ล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน

...

ก่อเกิดมาตรฐานผิดแผกสากล

นายวิชาระบุว่า การตีความโดยเคร่งครัดตามลายลักษณ์อักษรของศาลรัฐธรรมนูญ จึงกระทบ กระเทือนต่อภารกิจอันสำคัญยิ่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องเป็นผู้คุ้มครองป้องกันและรักษาไว้ ซึ่งเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญตามหลักรัฐธรรมนูญนิยม และก่อให้เกิดผลในทางที่ไม่น่าจะเป็น หรือผลประหลาด หรือผลอันไม่คาดคิด ดังเช่นคดีนี้ย่อมสร้างความประหลาดใจแก่รัฐต่างประเทศว่า บุคคลซึ่งกระทำผิดและถูกตัดสินโดยศาลต่างประเทศ ย่อมเดินทางกลับมาเป็นผู้ปกครองประเทศ หรือบริหารราชการแผ่นดินไทยได้ทั้งสิ้น ก่อให้เกิดมาตรฐานจริยธรรมที่แตกต่างกับลักษณะสากลอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 11 และคณะที่ 13 เคยประชุมร่วมกันและมีความเห็นตามบันทึกกฤษฎีกาที่ 127/2563 ว่า กรณีที่ใช้ผลของคำพิพากษาของศาลต่างประเทศมารับฟังเป็นพยานหลักฐานในฐานะข้อเท็จจริง มิใช่มาบังคับโทษในประเทศไทย ย่อมเป็นสิ่งที่กระทำได้

“อนุสรณ์” บี้นายกฯรับผิดชอบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เสนอรื้อฟื้นคดีขนยาเสพติดของ ร.อ.ธรรมนัส เพราะเรื่องนี้เริ่มต้นจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วเป็นประเด็นข้อกังขาในสังคม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนตั้งเรื่องเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง หรือหาความสำคัญแห่งคดีในอดีตเพิ่มเติม และเรื่องนี้จะมีการดำเนินการต่อในอีกหลายแง่มุมหลายคดี แม้แต่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลยังออกมาเรียกร้องให้ ร.อ.ธรรมนัสลาออก ประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องขาดคุณสมบัติหรือไม่เท่านั้น แต่เป็นเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตั้งเป็นรัฐมนตรี ในอดีต นายกฯสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช) ทำกับข้าวออกทีวีถูกปลด นายกฯยิ่งลักษณ์ (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ย้ายข้าราชการก็ถูกปลด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งบุคคลที่มีปัญหาจะรับผิดชอบอย่างไร

พรรคกล้าแนะรีบปรับพ้น ครม.

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า กรณีแกนนำและแอดมินพรรคการเมืองถูกฟ้อง กรณีโพสต์รูปภาพของบุคคล 2 คนพร้อมกับคำว่า “โจรอุ้มโจร” ดูตามข้อเท็จจริงแล้วมีสิทธิ์ฟ้องได้ แต่ควรจะพิจารณาถึงต้นเหตุที่นำมาซึ่งภาพดังกล่าว รวมถึงภาพรวมว่า ถูกต้องตามหลักจริยธรรมค้านต่อความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับความจริงแก้ให้ถูกจุดคงได้ไล่ฟ้องคนทั้งประเทศ เพราะไม่ว่าจะเชียร์พรรคไหนขั้วไหนคิดเหมือนกันหมด ยิ่งฝืน ยิ่งดิ้น ยิ่งดูเสื่อม กลายเป็นสร้างความชอบธรรมสร้างแต้มให้คนอื่นเขาเปล่าๆ หากรักประเทศชาติจริงอย่างปากว่าควรคิดทำเพื่อส่วนรวมปรับ ครม. พรรคกล้าในฐานะเป็นพรรคการเมืองที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุขไม่แตกแยกมีมาตรฐานทางจริยธรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสดงความเห็นในเรื่องนี้

“บิ๊กตู่” ไม่เปิดปากตอบข้อกังขา

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เชื่อมไปยังกระทรวงต่างๆ จากนั้นเวลา 11.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวหลังประชุม ครม. ถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการต่างๆที่ได้สั่งการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ความคืบหน้าการฉีดและจัดหาวัคซีนและมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยอ่านจากสคริปต์ที่เขียนไว้แล้วและพูดเพิ่มเติมบางส่วน ไม่ได้ตอบคำถามที่สื่อมวลชนส่งล่วงหน้าผ่านทีมงาน ทั้งคำถามต่อการแก้ปัญหาโควิด รวมทั้งการเมือง อาทิ กรณีเพจย้ายประเทศ การเคลื่อนไหวการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.สอบจริยธรรมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึงนายกฯด้วย

โบ้ยไม่ใช่เวลาของการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทิ้งท้ายก่อนจบการแถลงว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศ และทั่วโลก เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายที่เราไม่เคยเจอมาก่อนที่ชื่อว่าไวรัสโควิด-19 ทางเดียวที่เราจะเอาชนะศัตรูตัวนี้ได้คือการร่วมแรงร่วมใจร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ขัดแย้งหรือแตกแยกกัน อนาคตของประเทศไทยต่อจากนี้จะขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงเพียงใดขึ้นอยู่กับเราทุกคน ต้องรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วก้าวเดินไปพร้อมกัน วันนี้ไม่ใช่เวลาทำการเมืองทั้งสิ้น เป็นเวลาที่ทำให้บ้านเมืองให้ประเทศชาติของทุกคน และประชาชนที่เป็นที่รักที่เลือกพวกท่านเข้ามาทำงาน ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานี้ ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา อะไรที่ยังมีปัญหาขัดข้อง ไม่เข้าใจขอให้สอบถามมายินดีให้หน่วยงานตอบ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวในที่ประชุม ครม.ก่อนปิดประชุมด้วยว่า “ช่วงนี้ห้ามหาเสียง ไม่ต้องหวังผลทางการเมือง ถ้าเราดีประชาชนจะเลือกเราเอง”

สั่งโฆษกรัฐบาลชี้แจงแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการปรับเปลี่ยนท่าทีการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พูดหรือตอบคำถามโดยเฉพาะคำถามทางการเมืองมีมา 2 สัปดาห์แล้ว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการลดการตอบโต้ทางการเมือง อีกทั้งต้องการมุ่งเน้นชี้แจงเฉพาะการแก้ปัญหาโควิด-19 เท่านั้น โดยประเด็นคำถามต่างๆที่สื่อมวลชนสอบถามมาได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน ทั้งนี้ นายอนุชา ไม่ได้แถลงตอบคำถามของผู้สื่อข่าวในทันที แต่ทยอยตอบเป็นประเด็นๆตามมาในภายหลัง

กำชับให้รีบไอโอโต้เฟกนิวส์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ประชุม ครม. มีวาระหารือค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เป็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ทำให้เสร็จประชุมก่อนเวลาเที่ยง ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้ระวังเรื่องข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์สร้างความแตกแยกกับประชาชน ให้แต่ละกระทรวงสอดส่องหากมีข่าวปลอมให้แต่ละหน่วยงานรีบออกมาชี้แจงตอบโต้ทันที

รบ.ชงงบฯ 65 เข้าสภา 9-11 มิ.ย.

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า วันที่ 14 พ.ค.เวลา 10.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นัดหมายประชุม 4 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสภา และตัวแทนของรัฐบาล หารือถึงการบรรจุระเบียบ วาระการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญวันที่ 22 พ.ค.ที่มีร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับเข้าพิจารณา อาทิ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ร่าง พ.ร.บ. การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยวิปรัฐบาลจะเสนอแนวทางให้พิจารณาโดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ได้ยาวถึง 3 วันต่อเนื่อง โดย อาจบรรจุเข้าในวันที่ 9-11 มิ.ย.

ไฟเขียว 64 อรหันต์ชำแหละงบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในที่ประชุม ครม.เห็นชอบการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 โดยกำหนดสัดส่วนกมธ.จำนวน 64 คน จาก ครม. 16 คน ประกอบด้วยข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ 4 คน ได้แก่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สำนักงบประมาณ ที่เหลือให้ ครม.พิจารณาตามความเหมาะสม ในส่วนของพรรคการเมืองอีก 48 คน แบ่งเป็น พลังประชารัฐ 12 คน ภูมิใจไทย 6 คน ประชาธิปัตย์ 5 คน ไทยพัฒนา 1 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พลังท้องถิ่นไท 1 คน เศรษฐกิจใหม่ 1 คน เพื่อไทย 13 คน ก้าวไกล 5 คน เสรีรวมไทย 1 คน ประชาชาติ 1 คน และเพื่อชาติ 1 คน

ฝ่ายค้านลุยแก้ รธน.ทุกรูปแบบ

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หลังเปิดประชุมสภาฯ พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งแบบรายมาตราและแก้ไขทั้งฉบับต่อที่ประชุมสภา พรรคฝ่ายค้านยืนยันต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเขียนกฎหมายสูงสุดผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อให้การแก้ปัญหาประเทศเดินไปข้างหน้า เห็นได้จากการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่รัฐบาลไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้อำนาจข้าราชการประจำมากกว่าอำนาจของรัฐบาล การแก้ปัญหาจึงติดขัดไปหมด

วอน ส.ว.รากงอกพอเพียงได้แล้ว

นายสมคิดกล่าวว่า ส.ว.จะเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้พิจารณาให้ดี ส.ว.หลายท่านอยู่ในอำนาจนานกว่า 20 ปี ควรพอได้แล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านไม่ได้จะลดอำนาจ ส.ว.เพียงแต่ไม่ให้มีส่วนร่วมในการสรรหานายกฯ เพราะต้องการให้ผู้นำประเทศเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากกว่า ในขณะที่ ส.ว.ก็ยังอยู่ครบวาระ 5 ปีตามเดิม ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ออกมาขู่พรรคร่วมว่าถ้าแตกแถว อาจเลือกยุบสภาเพื่อฆ่าตัดตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภา แต่ช่วยถามประชาชนด้วยว่า ยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำประเทศอีกหรือไม่

“ประชา” แนะงดเก็บภาษีปี 64

นายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้สายเกินกว่าจะมาไล่เรียงใครผิดถูก ต้องหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาเยียวยาวิกฤติปากท้องของชาวบ้านที่จิตตกกันไปหมดแล้ว ธุรกิจใหญ่น้อยพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยเดือดร้อนกันทั่ว รัฐบาลควรเร่งเยียวยาคนระดับล่าง ระดับกลาง ด้วยการยกเว้นการจัดเก็บภาษีต่างๆให้หมดตลอดปี 2564 เพราะคนหลายกลุ่มไม่ได้รับเงินเยียวยาจากภาครัฐเลย ทั้งที่เสียภาษีเหมือนกัน รัฐบาลต้องแฟร์ๆออกมาตรการให้ทั่วถึงอย่าตกหล่น อย่ามุ่งแต่ต่อโปรโมชันรูปแบบเดิมๆ เพราะคนที่ได้รับก็เป็นกลุ่มเดิมๆเท่านั้น