ความล้มเหลว ในการจัดหาวัคซีนเพิ่ม ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ สร้างความวิตกไปทุกภาคส่วน เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี คงทนไม่ไหวเหมือนกัน จึงเปิดแถลงข่าวออนไลน์เมื่อวันอาทิตย์ เป็นครั้งแรกที่ เจ้าสัวธนินท์ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฝากถึงรัฐบาล ให้การส่งเสริมและสนับสนุนเอกชนนำเข้าวัคซีนต้านโควิด อย่างน้อยก็ให้แต่ละบริษัทสามารถนำเข้าวัคซีนเข้ามาดูแลพนักงานของบริษัท หรือลูกค้าของตัวเองได้ ซึ่งจะแบ่งเบาภาระงบประมาณของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยตรง”

ไม่มีวิกฤติครั้งใดที่ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ จะสิ้นหวังต่อรัฐบาล ขนาดนี้ ต้องเปิดแถลงข่าวเพื่อส่งสารไปถึง นายกรัฐมนตรี แบบนี้

ความล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯและหัวหน้า ศบค. และ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจและ เศรษฐกิจประเทศอย่างประเมินไม่ได้ ก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนเกือบทุกองค์กร ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่ม เร่งฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถจัดการได้ โรงพยาบาลเอกชนขอนำเข้าเองก็ไม่ให้ อ้างว่าต้องซื้อแบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น วันนี้ เจ้าสัวธนินท์ ออกโรงร่วมเรียกร้องอีกแรง เมื่อรัฐบาลทำไม่ได้ เอกชนขอทำเองได้ไหม หวงอำนาจไว้ทำไม

วันนี้ผมเชื่อว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา ที่เป็น ความหวังเดียวของไทย แต่ สหภาพยุโรปเพิ่งเลิกใช้ และ สหรัฐฯก็ไม่ใช้ คงจะ มีวัคซีนที่อียูสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าเหลืออยู่หลายร้อยล้านโดส รัฐบาลไปขอซื้อมาได้ไหม ทำไม่ได้ก็ให้เอกชนซื้อแทน อย่าผูกขาดการซื้อวัคซีนไว้กับรัฐบาลอีกเลย รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพล้มเหลวได้ แต่ประเทศชาติล้มเหลวไม่ได้ รัฐบาลนี้ไม่มีศักยภาพ เอกชนไทยยังมีศักยภาพ อย่าไปสร้างบาปกรรมเรื่องวัคซีนเลย

...

วันก่อน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ก็ให้สัมภาษณ์ตอกยํ้าความจริงข้อนี้ว่า มาตรการที่สำคัญที่สุดของวิกฤติครั้งนี้ ก็คือ “การฉีดวัคซีน” มาตรการอย่างอื่นคือ “การซื้อเวลา” แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่วัคซีนสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การลดจำนวนผู้ป่วย การป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม ช่วยให้เปิดกิจกรรมเศรษฐกิจได้ เหมือน อิสราเอล ที่เร่งฉีดวัคซีนประชากรจนเกินครึ่งประเทศ วันนี้อิสราเอลประกาศยกเลิกการใส่หน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้งแล้ว เปิดโรงเรียนร้านค้าตามปกติหมดแล้ว

ศ.ดร.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ผู้อำนวยการ รพ.จุฬาภรณ์ ก็โพสต์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน สื่อสารให้ทุกคนรับรู้ว่าจะต้องติดต่อช่องทางไหน จะได้ฉีดเมื่อไหร่ ต้องเตรียมตัว อย่างไร รวมถึงการเตรียมพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอกับการฉีดวัคซีน เมื่อวัคซีนลอตใหญ่พร้อม ควรฉีดให้ได้วันละ 300,000 โดส ไม่เว้นเสาร์ อาทิตย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 3-4 เดือน ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อเชื้อก็จะยิ่งระบาด

คุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี ที่ช่วยนำ วัคซีนแอสตราเซเนกา มาผลิตที่ โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน เขาแนะนำว่า การบริหารจัดการวัคซีน ไม่ควรให้คนเดินไปหาวัคซีนที่โรงพยาบาล แต่ควรให้วัคซีนเดินออกมาหาคน ปกติโรงพยาบาลคนก็แน่นอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับห้างสรรพสินค้า รัฐควรจัดหน่วยเคลื่อนที่ไปตั้งจุดฉีดวัคซีนที่ห้างสรรพสินค้าหรือจุดที่คนพลุกพล่าน แล้วจ้างแพทย์พยาบาลที่เกษียณอายุมาช่วยฉีด ต้องฉีดให้ได้วันละ 1 ล้านคน เศรษฐกิจจึงจะเดินหน้าได้อีกครั้ง แม้จะยังไม่มีวัคซีนป้องกันได้ 100% แต่ผลวิจัยยืนยันว่าช่วยลดการกระจายโรคได้ 2 ใน 3

เรื่องแค่นี้ นายกฯทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ รัฐบาลก็อย่าทำตัวเป็นอุปสรรค เปิดทางให้เอกชนทำงานแทน วันนี้เอกชนทุกฝ่ายพร้อมแล้ว ขอเพียงรัฐบาลไฟเขียวเท่านั้นแหละ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”