กลุ่มไทยไม่ทนฯ รวมมิตรคนหลายสี ทั้งจตุพร พรหมพันธุ์ เจ๋ง ดอกจิก พิภพ ธงไชย วีระ สมความคิด และ พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี รวมไปถึงแกนนำราษฎร ไบรท์-ชินวัตร และตี้-พะเยา เข้าร่วมด้วย แต่มีข้อตกลงห้ามเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน หรือยกเลิก ม.112 เป้าหมายเดียวเพื่อขับไล่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” เท่านั้น ตำรวจนครบาลเข้าดูแลความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีเหตุรุนแรง
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีและจับกุม กลุ่มม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นข้อหาตามมาตรา 112 มาตรา 116 และความผิดอื่น แกนนำส่วนใหญ่ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่ยังมีแนวร่วมหลายกลุ่มสลับสับเปลี่ยนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 เม.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ฐานะโฆษก บช.น.เผยกรณีการดูแลการชุมนุมว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 และ สน.ชนะสงคราม จัดกำลังดูแลบริเวณสวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม กรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.นัดหมายมวลชนทำกิจกรรมชุมนุมปราศรัย เบื้องต้นเป็นเพียงการเสวนา เริ่ม 16.00 น. เลิกกิจกรรม 21.00 น.
ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม กลุ่ม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” รวมประชาชนจากทุกสีเสื้อ นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างปรองดองแห่งชาติ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.นายพิภพ ธงชัย อดีตแกนนำพันธมิตรฯ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนและเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และนายไทกร พลสุวรรณ จัดเวทีอภิปรายสาธารณะระดมมวลชนทุกสีร่วมขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
...
บรรยากาศก่อนการชุมนุมเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ทีมงาน นปช. นำโดยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก มาติดตั้งเวทีปราศรัย เครื่องเสียง จอแอลอีดี และจัดเก้าอี้นับร้อยตัวอำนวยความสะดวกผู้ร่วมชุมนุม รูปแบบเดียวกับการชุมนุมของม็อบสีเสื้อในอดีต ต่างจากการชุมนุมม็อบนักศึกษาโดยสิ้นเชิง แต่ช่วงบ่ายเกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก หลังฝนหยุดเวทีปราศรัยดำเนินการต่อได้ สำหรับการรักษาความปลอดภัยมีนายสมบัติ ทองย้อย ร่วมกับอดีตการ์ด นปช.รุ่นใหญ่ทำหน้าที่ดูแล ตั้งจุดคัดกรองผู้เข้ามาในพื้นที่ ขอร้องมวลชนว่าวันนี้ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ห้ามผู้ชุมนุมแสดงสัญลักษณ์หรือชูป้ายข้อความหมิ่นสถาบัน หรือข้อความไม่เอา ม.112 ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ ไร้เงานักเรียนนักศึกษาโดยเฉพาะแกนนำกลุ่มราษฎร มีเพียงนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ ที่เดินทางมา
ต่อมาเวลา 16.03 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาถึงเรียกเสียงเฮจากผู้ชุมนุมแฟนคลับรุ่นใหญ่ ประธาน นปช. ระบุว่า วันนี้เป็นวันอัศจรรย์ก่อนเวทีจะเริ่มฝนตกลงมาอย่างถล่มทลาย หลายคนคิดว่าวันนี้ต้องมีปัญหา ตนตกลงกับฝนแล้วว่า ให้ตกก่อนมีปราศรัยเพื่อล้างความชั่วของแผ่นดินให้สะอาด เพื่อเราจะได้เริ่มขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ตามฤกษ์ 444 หลังจากนั้น พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม เดินทางมาพบนายจตุพร แจ้งประกาศตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคและ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ย้ำช่วงสถานการณ์โควิด-19 ให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นที่น่าสังเกตว่าบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยความชื่นมื่น มวลชนไม่โห่ร้องขับไล่เจ้าหน้าที่เหมือนการชุมนุมที่ผ่านมา ขณะที่แกนนำผู้ชุมนุมรับปากว่าจะดำเนินการตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ
บรรยากาศหลังเวทีปราศรัย มีกลุ่มแกนนำจากสีเสื้อต่างๆในอดีต เคยเคลื่อนไหวอยู่ฝ่ายตรงข้ามนายจตุพรมาปรากฏตัวพร้อมถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น อาทิ พ.ท.พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นายการุณ ใสงาม นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตแนวร่วมพันธมิตร และนายชินวัฒน์ จันทร์-กระจ่าง ขณะเดียวกันมีแนวร่วมม็อบราษฎร อาทิ กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มราษฎรเอ้ย นำโดย น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา มาร่วม หลังจากเปิดปราศรัยอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางแกนนำสลับขึ้นกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ที่สร้างความฮือฮาคือการขึ้นปราศรัยของแกนนำม็อบราษฎรและอดีตดาวปราศรัยพันธมิตร อาทิ นายชินวัฒน์ จันทร์กระจ่าง พ.ท.พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี และนายการุณ ใสงาม หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. แกนนำกลุ่มสามัคคีประชาชนทั้งหมดขึ้นเวทีร่วมกันเคารพธงชาติ พร้อมมวลชนที่เข้าร่วมชุมนุม บางส่วนชูสามนิ้วระหว่างเคารพธงชาติ พร้อมร่วมกันตะโกน “ประยุทธ์ออกไป รัฐบาลออกไป”
ต่อมาเวลา 19.35 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ขึ้นปราศรัย กล่าวตอนหนึ่งว่า การต่อสู้ของประชาชนที่ผ่านมา 15 ปีหลังนี้ เกิดความขัดแย้งกันเองมีความเจ็บปวดสูญเสียทุกฝ่าย ขณะที่คนรับประโยชน์จากการแตกแยกของเราคนหนึ่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยสงครามญี่ปุ่นกับจีน เจียงไคเช็กกับเหมาเจ๋อตุงเคยจับมือกันสู้กับญี่ปุ่นก่อนแล้วค่อยมารบกันต่อ ถามหัวใจพี่น้องทุกฝ่ายวางความเจ็บปวดจับมือรวมกันเป็นหนึ่งเดียวไล่ประยุทธ์ออกไปได้หรือไม่ ถ้าเราสามัคคีกัน สิบประยุทธ์ก็ไล่ได้ ถ้าเราแยกกันสู้ประยุทธ์อยู่ต่อ ตนรู้ว่าศึกนี้ใหญ่และยาก แต่ถ้าไม่ทำวันนี้ ภารกิจนี้จะตกสู่รุ่นลูกหลาน ขอให้เป็นภารกิจของคนใกล้ฝั่งอย่างเราจัดการกับเผด็จการ อย่าให้มีอำนาจหรือมีที่อยู่ในแผ่นดินนี้ต่อไป
“อยากให้พี่น้องที่นี่ร่วมกันประกาศว่า เราพร้อมต้อนรับทุกฝ่ายที่เป็นคนไทยไม่ต้องการเผด็จการ เราจะใช้สวนสันติพร อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 เป็นฐานปฏิบัติการ เพราะมีความคล้ายคลึงกันกับเผด็จการสืบทอดอำนาจพฤษภา 35 วันที่ 5 เม.ย.จะชุมนุมกันใหม่ตอน 4 โมงเย็น เราไล่มันทุกวัน เว้นวันที่ 6 เม.ย.วันเดียว แล้วมาเจอกันต่อ มีคนสงสัยว่า ชุมนุมอยู่ที่นี่แล้วจะไล่ประยุทธ์ได้อย่างไร อยากบอกว่าถ้าคนมามากจนล้นไปจนถึงทำเนียบรัฐบาล แค่ปราศรัยที่นี่ก็สามารถไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เช่นกัน” นายจตุพรกล่าว หลังจากนั้นประกาศยุติการชุมนุม