ผู้นำประเทศนำทีม ตั้งแถวหน้ากระดานรอต้อนรับราวกับ “วีรบุรุษ” ตามฉากอีเวนต์ระดับชาติที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข รวมทั้งรัฐมนตรี ข้าราชการระดับบริหาร โชว์พิธีการตรวจรับวัคซีน “ซิโนแวค” จากประเทศจีน ที่บินตรงจากกรุงปักกิ่ง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
ถ่ายรูปโชว์ แห่กระแสกันอย่างอึกทึกครึกโครม
โดยอารมณ์ตอกย้ำ “วัคซีนโควิด-19” คือความหวังสุดท้ายและความหวังหนึ่งเดียวที่จะทำให้ประเทศ ชาติและประชาชนคนไทยรอดพ้นจากมหาวิกฤติโรคระบาด
โอกาสผู้คนอยู่รอดปลอดภัยในภาวะชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
และยังหมายถึงสถานการณ์ฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องที่ผู้คนกำลังลำบากแสนสาหัส โดนไวรัสมรณะล้อมเมือง ทำมาหากินไม่ได้เหมือนปกติ ใกล้ล้มละลายทั้งประเทศ
การจัดหาวัคซีนสกัดไวรัสมรณะจึงเป็นโจทย์ข้อสุดท้าย พิสูจน์กึ๋นรัฐบาล
อารมณ์ประชาชนคล้อยตามฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์กับนายอนุทิน ถล่มการบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาด ไม่เผื่อความเสี่ยง ทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรกช้ากว่าเพื่อนบ้าน
สถานการณ์บีบผู้นำต้องตีปี๊บวัคซีนลอตแรกกระตุ้นความมั่นใจ พร้อมเตรียมฉีดเข็มแรกโชว์
ชิงเหลี่ยมกลบกระแสรัฐบาลบ้อท่า ถึงแม้ในเชิงวิชาการ ว่ากันตามหลักการแพทย์ ก็ยังเป็นอะไรที่ไม่มีผลสักเท่าไหร่ ตามตัวเลขวัคซีนสัญชาติจีนแค่ 2 แสนโดส จาก 2 ล้านโดส
แค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชาชนคนไทย 68 ล้านคน
ขณะที่บางประเทศฉีดวัคซีนให้พลเมืองเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะอุ่นใจ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นปลอดภัย
...
ประเทศไทยเพิ่งเริ่มฉีดเข็มแรกในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตามรูปการณ์ยังไงก็ไม่ทันกับการเร่งฟื้นการท่องเที่ยวที่กำลังลุ้น “วัคซีนวีซ่า” เปิดให้ทัวร์ต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วมาท่องเที่ยวเมืองไทย
ประเทศเรายังไม่ปลอดภัย ใครจะกล้ามา
วัคซีนสกัดเชื้อไวรัสโควิดยังมีปัญหาในเชิงบริหารจัดการ จังหวะลามซ้ำกับเชื้อไวรัสเน่าการเมือง อาการกำเริบหนักต่อเนื่องจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์และ 9 รัฐมนตรี ที่โหวตชนะฝ่ายค้านมาแบบบอบช้ำ สภาพตาปูดบวม ต้องหามปีกเข้ามุม
ค้านสายตา ขัดกับคะแนน “ความชอบธรรม” จากคนดูทางบ้าน
จุดชนวนอาฟเตอร์ช็อก โซ้ยกันหนักในทีมรัฐบาล
สถานการณ์แบบที่ค่ายภูมิใจไทยอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ทีมพลังประชารัฐ ไล่บี้ไล่ขย่มให้จัดการกับ “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวขบวนกลุ่มดาวฤกษ์ ที่กดปุ่ม “งดออกเสียง” ไม่ยอมให้คะแนนไว้วางใจ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
อารมณ์ “เกรียนเซราะกราว” ห้าวเป้งใส่ทหารเฒ่า 3 ป.
ส่อยกระดับสถานะ “หอกข้างแคร่” ไม่ไว้วางใจกันอีกต่อไป
แถมเพิ่มแรงสั่นสะเทือนจากเกม “ซ่อนแต้ม” ในค่ายพลังประชารัฐ ที่ล่อกันเองในขบวนการไอ้ห้อยไอ้โหนข้างกาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร.
ก่อไฟ เร้าอุณหภูมิ บีบเกมปรับ ครม.
และจังหวะพอเหมาะพอเจาะ พอดีกับปรากฏการณ์สะท้านสะเทือน ศาลอาญานัดพิพากษาคดี กปปส.นำโดย “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.กับพวกรวม 39 คน ฐานร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะออกคำสั่งตั้งนายกฯและ ครม.ฯลฯ
สั่งจำคุกหัวโจก ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล็อกตัวเข้าเรือนจำ ก่อนได้รับการประกันตัว
ซึ่งนั่นทำให้เกิดผลทางกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญของรัฐมนตรีและ ส.ส. ทำให้รัฐมนตรีหลุดเก้าอี้ทันที 3 ราย ประกอบด้วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม
ไม่นับพวกที่อยู่ในข่ายหลุดสถานะ ส.ส. โดนเช็กบิลกราวรูด
ตามรูปการณ์ล็อก “ไฟต์บังคับ” จังหวะบีบ พล.อ.ประยุทธ์ที่เพิ่งพูดเสียงดังฟังชัด สกัดเกมป่วนแย่งเก้าอี้ รมต. ยืนยันเสียงแข็งยังไม่คิดปรับ ครม. ไม่เอาผลโหวตในสภามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาโละรัฐมนตรี
คดี กปปส.ขย่มซ้ำ ย้ำปมอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ปัจจัยเร่งคิวโละสต๊อก สถานการณ์บวกให้ต้องยกเครื่อง ครม.ครั้งใหญ่
เกมบีบเข้าโซนกระแทก ยังไง “บิ๊กตู่” หนีคิวป่วนไม่พ้น
และตามฟอร์มแบบที่เห็นควันกรุ่นมาตั้งแต่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร่องรอยการแตกหักภายในพรรค
โชว์พลังหักดิบ ชิงการนำเป็นตัวจริงเสียงจริง
ต่อเนื่องจากเกมซ่อนแต้ม ผลโหวตไว้วางใจประจานนายณัฏฐพล “อมบ๊วย” ได้คะแนนไว้วางใจน้อยสุด รั้งตำแหน่งที่โหล่ พอๆกับ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้แต้มรองบ๊วย ไม่สมราคาที่ดีลเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ
“เสี่ยตั้น” กับ “เสี่ยเฮ้ง” อยู่ในภาวะร่อแร่ นับถอยหลังรอชะตา
และฉับพลันทันทีที่ศาลพิพากษา 3 รัฐมนตรีโควตา กปปส.หลุดเก้าอี้
การขยับช่วงชิงโควตาก็เกิดขึ้นในทันทีทันใด
ไวสุดก็คือจอมเขี้ยวระดับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ หัวขบวนทีมสามมิตร ขยับนัด “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กินข้าวโชว์สื่อ
ส่งสัญญาณผนึกกำลัง กั๊กเหลี่ยมกับขาใหญ่อย่างร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เจ้าของสวนกล้วย ที่บารมีกำลังเบ่งบาน เป็นผู้คุมกำลัง ส.ส.ก๊วนใหญ่สุดพรรคพลังประชารัฐ
“ผู้กองนัส” คือผู้กุมดุลตัวจริงเสียงจริง กดปุ่มโหวตได้ดั่งใจ
นั่นก็ล้อไปกับกระแสข่าวรัฐมนตรี 3 ช. ที่ได้ลุ้นขึ้นชั้น อัปเกรดเก้าอี้ใหม่ ไล่ตั้งแต่ ร.อ.ธรรมนัส ที่ล็อกห้องทำงาน รมว.ดิจิทัลฯล่วงหน้า ตีตราจองไว้ตั้งแต่ตอนพลังประชารัฐชนะเลือกตั้ง ได้จัดรัฐบาล
ขณะที่แนวร่วมอย่าง “บิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ที่ตามติดเป็นเงา “ลุงป้อม” ก็ลุ้นข้ามห้วยไปนั่งเป็นรัฐมนตรีที่กระทรวงการคลัง ตามที่หมายตาไว้ เข้ากับโปรไฟล์ด้านเศรษฐกิจ
อีกคนก็คือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เจ้าพ่อเมืองมะขามหวาน เพชรบูรณ์ ผู้ขันอาสาขึ้นนั่งแท่นขุนคลัง งานนี้ก็หวังย้ายก้นไปในจุดที่ดีกว่าเก้าอี้เดิม
ทีม “ผู้กองนัส” ขึ้นแท่นคุมคิวในค่ายพลังประชารัฐ แต่นั่นก็คงไม่หมอบง่ายๆ สไตล์มวยเก๋าเกมอย่างนายสมศักดิ์คงไสช้างเข้าเบียด แบบที่แบไต๋ไปแตะมือกับ “เสี่ยเฮ้ง” ที่เป็นเป้าโละของ รมช.เกษตรฯผู้มากบารมี
ส่อบี้กันหนัก หักเหลี่ยมกันแรงๆ
แข่งกันวัดใจ พล.อ.ประวิตร จะเลือกถือหางฝ่ายไหน
สถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐกระเพื่อมแรง ตีคู่กันไปเลยกับแรงกระฉอกในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล
ตามรูปการณ์ที่ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรี-อ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มุดถ้ำกระทรวงคุณหมอ ดอดเข้าพบ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นัยว่าโชว์พลังคู่หูที่ผูกเสี่ยวกัน “เรียกสินสอด”
ผนึกแพ็กคู่ ต่อรองเข้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ
ท่าทีประชาธิปัตย์ก็ไม่ยอมคายของเก่า แม้ในสภาพเน่าในยันนอก พรรคแตกเป็นเสี่ยง ภาพพจน์มอมแมมจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในอาการแบบที่ค่ายภูมิใจไทยก็โชว์กล้ามเบ่งแต้ม จากการไล่ต้อนงูเห่าสีส้มเข้ามาผสมพันธุ์ ปั่นตัวเลข ขอเพิ่มโควตารัฐมนตรี
โควตาข้าใครอย่าแตะ เพิ่มได้ แต่ห้ามขาด
ทั้งท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งอาการในพลังประชารัฐ มันคือโจทย์สถานการณ์โคตรยากของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องเจอไวรัสการเมืองเน่า ซ้ำมหาวิกฤติไวรัสโควิดที่กดทับเชิงบริหาร
ทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรม แต้มศรัทธาหดหายแบบดำดิ่ง
จังหวะคดีประวัติศาสตร์ กปปส.ล็อก “บิ๊กตู่” เข้าโซนเดิมพันชะตาอำนาจ
จุดชี้ขาดอยู่ที่การปรับ ครม.โละสต๊อกครั้งใหญ่
ถ้า “บิ๊กตู่” หักดิบ ไม่ทำตามโพยของกลุ่มก๊วนการเมืองในพลังประชารัฐ เดินหน้ารื้อโควตาพรรคร่วมรัฐบาล มีโอกาสโดนป่วน ตีรวนเกมโหวตในสภา
ทำรัฐบาล “ยางแตก” ได้ตลอดเวลา
แต่ที่อันตรายกว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมตามใจแก๊งการเมืองในพลังประชารัฐ ยอมสยบให้พรรคร่วมรัฐบาลขี่คอ ไม่มีการปรับฟอร์มการบริหาร ไม่มีการเคลียร์ภาพความโปร่งใส
ปรับ ครม.แทนที่จะเพิ่มศักยภาพ กลับเพิ่มปัญหา โหลดความชอบธรรมรัฐบาล
ความอดทนของประชาชนกับขุมอำนาจ 3 ป. ไหลถึงขีดสุด
นั่นคือจุดเสี่ยง ที่อาจทำให้ “ประยุทธ์” โดนล้มทั้งกระดาน.
“ทีมการเมือง”