ลุ้น! ศาลอาญา นัดพิพากษา คดีกบฏ กปปส. อดีตกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบกปปส. กับพวก 39 คน ชุมนุมขับไล่ล้มรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ ปี 56 ขณะที่เลขาฯศาลอาญา เผยความพร้อมทุกด้าน
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ โดยคดีนี้อัยการโจทก์ยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2561 และศาลรับฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 ขณะที่นายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56 - 1 พ.ค. 57 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สตช. บช.น. สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
...
นอกจากนี้ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค. - 2 มี.ค.57 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานคร (Bangkok Shutdown) ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152
ด้านนายชนุดม ปิติฤกษ์ เลขานุการศาลอาญา เปิดเผยว่า ศาลอาญามีความพร้อมสำหรับการอ่านคำพิพากษาคดีกปปส.แล้ว โดยใช้ห้องพิจารณา 704 ซึ่งเป็นห้องพิจารณาใหญ่ที่สุดของศาล สามารถรองรับจำนวนคนได้นับร้อยคน อย่างไรก็ตามก็ต้องจัดที่นั่งเว้นระห่างตามสถานการณ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด โดยบริเวณประตูทางเข้าอาคารศาลอาญาจะมีเจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิ โดยขอความร่วมมือทุกคนสวมหน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการ
สำหรับการรักษาความเรียบร้อยภายในบริเวณศาลจะมีตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการใช้เครื่องสแกนตรวจเพื่อค้นหาอาวุธ วัตถุระเบิด และสิ่งผิดกฎหมาย บริเวณประตูทางเข้าอาคารศาลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับจำเลยคนสำคัญคดีนี้ อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หน.พรรครวมพลังประชาชาติไทย อดีตเลขาธิการ กปปส. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายวิทยา แก้วภราดัย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายแก้วสรร อติโพธิ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสุริยใส กตะศิลา นายสาธิต เซกัล หรือเซกัลป์ นายสำราญ รอดเพชร นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก.