ฉากดราม่าเรียกน้ำตา ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ชายแก่นั่งป้อนข้าวแม่วัยชรา พากันออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยงคืน 3 วันติด เดินทางไกลกว่า 35 กิโลเมตร เพื่อเข้าคิวรอลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ โครงการ “เราชนะ” หน้าธนาคารกรุงไทย

อีกรายชายสูงอายุ รีบขี่รถจักรยานยนต์ไปรับหลานสาว ให้พาไปลงทะเบียนโครงการเราชนะ แต่เกิดเสียหลักพุ่งชนรถจักรยานยนต์อีกคันจนได้รับบาดเจ็บ

ยังมีอีกหลายกรณีที่เป็นภาพข่าวแชร์กันในโซเชียลฯ สถานการณ์ความยากลำบากของคนไร้โอกาส ขาดสมาร์ท โฟนลงทะเบียนเข้าโครงการรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

แล้วยังต้องเจอกับปัญหาคอมพิวเตอร์ธนาคารกรุงไทย ระบบล่ม คอตกกลับบ้าน

ตามรูปการณ์ คนได้เงินไม่เดือดร้อน คนเดือดร้อนไม่ได้เงิน

จากยุคมือใครยาว สาวได้ สาวเอา มาเป็น เน็ตใครแรง แย่งได้แย่งเอา

ฟ้องด้วยภาพ มาตรฐานการบริหารจัดการของรัฐบาลภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในการประคองภาวะปากท้องประชาชน

ท่ามกลางไวรัสมรณะล้อมเมือง คนไม่มีกิน ใกล้อดตาย

และแทบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แบบที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) ฟันธงเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า ไม่สมดุล ต้องมีมาตรการ “ซื้อเวลา”

“คนละครึ่ง–เราชนะ” ก็แค่เลี้ยงไข้ ตราบใดที่การท่องเที่ยวรายได้หลักยังไม่ฟื้น

แต่ความหวังเดียวที่จะกระตุ้นชีพจรเศรษฐกิจก็คือ “วัคซีนโควิด” มาถึงตรงนี้ก็ยังต้องแหงนคอรอคอย ภายหลังเลื่อนดีเดย์ฉีด “เข็มแรก” วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

...

มีแต่โฆษณาชวนเชื่อจากรัฐบาล ปักธงเดือนนั้นเดือนนี้

วัคซีนล่าช้า สวนทางกับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด–19 ภายในประเทศยังเด้งขึ้นเด้งลง ละสายตาไม่ได้ ล่าสุดจุดคลัสเตอร์ใหม่ที่จังหวัดปทุมธานี ลามกระจายไปในหลายจังหวัด

เชื่อมโยงจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว ต้นตอจากบ่อนเถื่อน

ผลพวงจากรัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ขบวนการทุจริต เป็นต้นตอการระบาดโควิดระลอก 2 กรรมตกอยู่กับชาวบ้านตาดำๆ โดยเงื่อนไขสถานการณ์ตอกย้ำ ความผิดพลาดในการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์และทีมงาน ภายใต้สภาวะอารมณ์ของประชาชนที่เดือดร้อนปากท้อง สัมผัสความยากลำบากได้ด้วยตัวเอง

นั่นจึงเกิดเป็น “อารมณ์ร่วม” โดยธรรมชาติ

โอกาสทองที่กระแสไหลเข้าทางปืนพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยอัตโนมัติ

ตามจังหวะโฟกัสยุทธการลากขึ้นเขียงเชือด พล.อ.ประยุทธ์ พ่วงกับ 9 รัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์

ภายใต้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่เขียนประจานกันแรงๆ

แอบอ้าง ฉ้อฉล กร่างเถื่อน ไร้จิตสำนึก

ตามฟอร์มแบบที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ทันอ่านญัตติ ก็โดน “ดรีมทีม” ของพลังประชารัฐ ประกอบด้วยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ดาหน้าประท้วงแหลก

อ้างรับไม่ได้กับญัตติหมิ่นเหม่ ก้าวล่วงสถาบัน

อีกนัยก็คือเหลี่ยมตีรวน เตะตัดขา ไม่ให้ล่อเป้าทีมอำนาจ 3 ป. ง่ายๆ

ฝ่ายรัฐบาลกดปุ่มองครักษ์พิทักษ์ไข่ในหินตั้งแต่นาทีแรก แต่จากการติดตามเนื้อหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด ปฏิเสธไม่ได้ มาตรฐานฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิผล

ถล่มเป้าเชือดแบบได้น้ำได้เนื้อ

ไล่ตั้งแต่นายสมพงษ์ที่เปิดหัว ตั้งฉายารัฐบาลปรสิตต่อด้วยนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่สะท้อนภาพ Banana Democracy ประชาธิปไตยกล้วยๆ

กัดกินประเทศไทย ใช้เงินซื้อ ส.ส.หนุนอำนาจ ไร้การปฏิรูปการเมืองอย่างราคาคุย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขยี้ปมบ่อนเถื่อน ย้อนศรนายกรัฐมนตรีรับสารภาพร้อยนายกฯจัดการปัญหาบ่อนไม่ได้

ต่างชาติสงสัยในศักยภาพเชิงบริหารผู้นำไทยที่แก้ปัญหาจิ๊บจ๊อยยังไม่ได้

และย้ำกันเน้นๆ แบบที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฉายภาพพิมพ์เขียวระบอบทหารเฒ่า 3 ป. แบ่งอำนาจยึดครองประเทศไทย

อัดนายกฯเป็นโรคเอ็นพีดีคือ โรคหลงตนเอง ไม่ยอมรับความผิดตัวเอง มักโทษเป็นความผิดผู้อื่น

กางผัง โชว์ชาร์ต แฉขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติรับส่วย กระจายส่งแรงงานต่างด้าวเถื่อนไปที่ กทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และยังมีแก๊งส่วยจีน ขนคนจีนเข้ามาในไทย ทำบ่อนกาสิโน

ทั้งหมดเก็บส่วยส่งถึงบิ๊ก “ป.” ทำให้คดีต่างๆแรงงานต่างด้าวเถื่อนที่ถูกจับเงียบหาย

หรือสไตล์ดุดัน แบบที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายแฉปมการจัดซื้ออาวุธแบบจีทูจีเก๊ การใช้บริษัทคู่เทียบเก๊ในการประมูลของกระทรวงกลาโหม ต่อเนื่องกับการยื้อกฎหมายเก็บภาษีที่ดินเอื้อประโยชน์เจ้าสัวที่ตอบแทนผู้มีอำนาจด้วยการสร้างคฤหาสน์หรูราคาหลายร้อยล้านบาท

โชว์ใบเสร็จ อ้างข้อมูลลึก ตั้งคำถามเป็นนัยโยงใยถึงผู้นำ

และที่เข้าตาสุด ในสายตาของนักข่าวสภา ก็คือคิวของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ถลกหนังนายจุรินทร์ ลักษณ-วิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ปมปัญหาทุจริตสัญญาลวงซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.)

ข้อมูลแน่นๆประเภทบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนแค่ 2 เดือน ก่อนทำสัญญามูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท กับอคส. การทำสัญญาที่แปลกประหลาด ย้อนทอนเงินกันไปมา ที่สำคัญเป็นเอกสารหลักฐานที่ไหลมาจากคณะกรรมาธิการพาณิชย์ สภาผู้แทนฯ ที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นั่งอยู่หลายคน

เล่นเอาหัวหน้าค่าย ปชป.ต้องลุกขึ้นแจงปากคอสั่น

นั่นก็เพราะวงในร่ำลือกันว่า ทีเด็ดของทีมเชือดพรรคเพื่อไทย เป็นข้อมูลที่หลุดออกมาจากกรรมาธิการสภาของคนพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน

ประเมินฟอร์มทีมเชือดเพื่อไทย ยกระดับเกมบู๊เหนือกว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่แล้วเยอะ

ตามรูปการณ์นั่นก็เพราะมีตัวเปรียบเทียบกดดัน

กับมาตรฐานรุ่นใหม่ ทีมเชือดของพรรคก้าวไกลที่โชว์ฟอร์มได้จัดจ้าน

ค่ายสีส้ม ปล่อยหมัด ทำแต้ม เข้าตาคนดูทางบ้าน

โฟกัสนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ขึ้นป้ายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล โทษฐานล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด–19 แบบไม่เผื่อความเสี่ยง ทำให้ประชาชนคนไทยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย พลาดโอกาสฉีดวัคซีน ประเทศเสียโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สะกิดต่อมฉุนนายอนุทิน ลุกขึ้นโต้เสียงสั่น โบ้ยไปข่มกันเรื่องยกมือไหว้แทบอก หน้าห้องน้ำ

หรือคิวของนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ นครปฐม” ที่เปิดหน้าแลกหมัดกับ พล.อ.ประยุทธ์ แฉปมบ้านพักในค่ายทหาร ไล่เบี้ยการเลี่ยงภาษีของผู้นำ

ยั่วจนนายกฯต้องสวนกลับแนว “บูลลี่” ส.ส.หญิงทีมก้าวไกล ตัวเตี้ย แอบอยู่หลังม็อบ

ต่อเนื่องกับอาการนอตหลุด แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ หงุดหงิด ลุกขึ้นเดินหนี ไม่พอใจที่นางอมรัตน์กับทีม ส.ส.ก้าวไกล นั่งหัวเราะ ไม่ฟังการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี

อีกคนที่ทำได้ตามมาตรฐานก็คือนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ลุกขึ้นจี้ปมแหลมๆ คมๆว่าด้วยการแต่งตั้งตำรวจไม่เป็นธรรม คาบเส้นล้ำแดนอันตราย

อารมณ์ยอมเสี่ยงตาย เพื่อทำหน้าที่พูดแทนประชาชน

สรุปทีมก้าวไกลโชว์ฟอร์มดุ กดดันพรรคเพื่อไทยไม่กล้าล้มมวย ทำให้ภาพรวมฝ่ายค้านยกระดับ “ล้างตา” ได้ ตรงกันข้าม พล.อ.ประยุทธ์และทีมรัฐบาลเลือดซิบ

ไม่ได้เบาเนื้อเบาตัวเหมือนศึกเชือดรอบแรก

แต่แน่นอน ถึงตอนโหวตลงคะแนน ฝ่ายรัฐบาลก็คงจะเสียงข้างมากลากผ่านไปได้ ด้วยอานุภาพของกล้วย จะมีตื่นเต้นก็แค่เกมซ่อนแต้ม เดิมพันวิ่งหนี “บ๊วย” ลากเป็นปมเขย่าปรับ ครม.ช็อตต่อไป

ตามสภาพประคองปีก “บิ๊กตู่” และ 9 รัฐมนตรี เข้ามุม ชนะไปแบบช้ำ ตาปูดบวม

สงครามยังไม่จบ ภายใต้เกมรบต่อเนื่อง ศึกในสภาโดนล่อเป้าอ่วม รัฐบาลยังต้องเผชิญศึกนอกสภาตามจังหวะมวลชนราษฎรเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจบนถนนต่อทันที

ลากเชื้อชนวนไฟ ตีเหล็กร้อน ไล่บี้ซ้ำดาบสอง.

“ทีมการเมือง”