• "บิ๊กบี้" ปฏิรูปกองทัพบก หยุดกีฬาคาบเกี่ยวพนันในค่ายทหาร

  • ปิดตายผลประโยชน์ ขุมทรัพย์ทหาร หยุดสนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ

  • 3 ปีเก้าอี้ ผบ.ทบ. ขอนำ ทบ.สู่ยุคใหม่ โปร่งใสตรวจสอบได้ ดูแลสิทธิกำลังพลแท้จริง


ถือเป็นความท้าทายมากในยุคโลกไร้พรมแดนเมื่อ "บิ๊กบี้" พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ออกมาปฏิรูปกองทัพบก และกล้าเปลี่ยนแปลงพื้นที่เชิงธุรกิจของ ทบ.ทั้งหมด ถือเป็นการทุบหม้อข้าวองค์กรตัวเองอย่างห้าวหาญ เพราะอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ไม่มี "ผบ.ทบ." คนใดกล้าจะคิดเลิกหรือยุติ การหาผลประโยชน์ในขุมทรัพย์ทหารที่กองตรงหน้านับร้อยนับพันล้าน

เมื่อคำนวณตัวเลขทั้งหมดจากพื้นที่เชิงธุรกิจในค่ายทหารใน 1 ปี ต้องบอกว่ามากมายมหาศาล แต่นับจากนี้ผลประโยชน์ส่วนนี้จะค่อยหดหายไปทีละนิด แต่สิ่งที่ได้รับคือคำชื่นชมจากสังคม ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่ก้าวเท้าเดินตามนโยบาย "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ.คนที่ 41 ที่มุ่งมั่นนำกองทัพบกอยู่ในยุคโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกอย่างต้องอยู่ในกติกา

...

ทั้งนี้การตัดสินที่เด็ดขาดของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่จะนำนโยบายไม่ให้ "กองทัพบก" เข้าไปเกี่ยวข้องกับกีฬาที่จะเป็นการพนัน แต่ให้พิจารณานำพื้นที่ใช้ประโยชน์สำหรับกำลังพล และประชาชนให้มากที่สุด ถือเป็นการคืนพื้นที่สู่สังคม ที่จะร่วมกันพัฒนาและใช้สอยพื้นที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

จุดมุ่งหมายหลักของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องการให้กองทัพบก เป็นสถาบันที่ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ศรัทธา และมุ่งดำรงเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนอย่างแท้จริง และหวังก้าวเดินตามนโยบายที่ดีของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ที่วางรากฐานไว้ให้

โดยแนวคิดที่จะนำ "กองทัพบก" จัดแผนจัดสวัสดิการทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ที่เป็น "สนามกอล์ฟ" ทั้ง 36 แห่ง ให้จัดทำเป็นพื้นที่สวัสดิการเชิงธุรกิจ 1 แห่ง คือ สวนสนประดิพัทธ์ อีก 2 แห่งที่รามอินทรา กทม. และลานนา จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมเอกสาร คงเหลือ 33 แห่งเป็นสวัสดิการภายใน ทบ.เอง

นอกจากนี้ได้วางเป้าหมายหลัก "สนามมวย" ทั้ง 3 แห่งของกองทัพบก ที่ปิดถาวรไปแล้ว 2 แห่ง คือ ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี และค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

ส่วน "สนามมวยลุมพินี" ซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ก้อนโตของ ทบ. และสถานที่ประวัติศาสตร์ที่อยู่มากับกองทัพบกอย่างยาวนาน แต่การที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ตัดสินใจสั่งให้ปิด พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาให้ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นธุรกิจ หรือสนามกีฬาที่อาจไม่มีการจัดการแข่งขันแล้ว เพราะมองว่า "สนามมวย" เป็นกีฬาที่ผูกติดกับการพนัน และนโยบายต้องการกวาดล้างการพนัน จึงต้องให้สถาบันกองทัพ ต้องปราศจากสิ่งนี้ โดยจะวางแผนที่จะพัฒนาเวทีมวยลุมพินีในปัจจุบัน ที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.รามอินทรา กม.2 เป็น "ศูนย์พัฒนากีฬา" ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน เช่น สวนสาธารณะ ที่ออกกำลังกาย หรือให้เปิดเป็นโรงเรียนสอนมวยไทยของเวทีลุมพินี เพื่อทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้น

รวมทั้งในอนาคตจะมีการจัดมวยสัญจรไปตามภูธร เพื่อเป็นการผลักดันให้นักมวยในต่างจังหวัดได้มีการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งนโยบายทั้งหมดต้องผ่านการอนุมัติจากบอร์ดของกองทัพบก และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ "สนามมวยลุมพินี" จะไม่เป็นบ่อเกิดของการพนัน และการตัดสินของกรรมการต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด

หลัง พล.อ.ณรงค์พันธ์ มีคำสั่งประกาศิตดังกล่าวออกไปไม่นาน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในวงการมวยไทยอย่างมาก ทำเอาคนโตวงการมวยไทยแตกตื่น เกิดกระแสเรียกร้อง ต่างๆ นานาจาก "โปรโมเตอร์มวย" และ "เจ้าของค่ายมวย" ที่ให้ทัศนะว่า "ถ้าเลิกมีสนามมวยลุมพินีแล้ว จะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมไทยได้ อยากให้คิดให้ดี วงการมวยไทยมีคุณประโยชน์มากมาย สร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างมากมาย"

ไม่มีกีฬาชนิดไหนมีผลตอบแทนเท่า "มวยไทย" อีกแล้ว บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬามวยจำหน่ายแต่ละปีส่งออกไปได้เงินกี่พันล้านบาท มีเม็ดเงินเข้าประเทศไทยจากชาวต่างชาติที่มาเรียนมวยไทยเท่าไร หากพูดถึง "มวยไทย" แล้วประเทศมีแต่ได้ประโยชน์ แล้วจะปิดเวทีเพื่ออะไร


ขณะที่ "สนามม้า" จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันไม่ได้เปิด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในอนาคตก็จะถูกนำไปใช้พัฒนารูปแบบอื่น ซึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังได้สั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาสำหรับการใช้พื้นที่ว่าจะให้รื้อเปลี่ยนจาก "สนามม้า" มาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นหรือไม่ อาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือสวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกายได้

สำหรับ "สถานที่พักฟื้นพักผ่อน" 5 แห่ง ปัจจุบันได้ถูกนำเข้าสู่สวัสดิการเชิงธุรกิจ 2 แห่ง คือ ไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงราย และสวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนลานนา มทบ.33 จังหวัดเชียงใหม่ กำลังดำเนินการ ขณะที่อีก 2 แห่ง คือ บางปู จังหวัดสมุทรปราการ และหาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ยังคงเป็นสวัสดิการภายในของกองทัพบก

ความมุ่งหมาย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่เสนอแนวคิดไปสู่นโยบายให้คณะทำงานที่ตั้งขึ้นมา ให้พิจารณาว่าต้องใช้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชาติบ้านเมือง ผสมกับการเป็นสวัสดิการกำลังพล เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และใช้ออกกำลังกายสำหรับบุคคลภายนอกด้วย


จะเห็นว่าก่อนหน้านั้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. ได้ประกาศทลาย "ขุมทรัพย์"ในกองทัพบก โดยเฉพาะการยุบ "สโมสรฟุตบอล อาร์มี่ ยูไนเต็ด" ซึ่งถือเป็นสโมสรบอลหลักที่อยู่เคียงข้างกองทัพบกมาร้อยกว่าปี ถือเป็นการปิดตำนานลูกหนังของทหารบก ซึ่งการปิดโดยถาวรทำให้เม็ดเงินที่จะเข้าสู่สโมสรปีหนึ่ง 120 ล้านบาทได้หายไปในพริบตา โดยเฉพาะสปอนเซอร์หลักอย่าง กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) "เบียร์ช้าง" บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) และบริษัทในเครือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)


นอกจากนี้ ก่อนเกษียณ พล.อ.อภิรัชต์ มีความพยายามปราบ นายพลมาเฟีย ล้างบางธุรกิจสีเทาในค่ายทหารมาแล้ว รวมถึง "บ้านพักสวัสดิการ" จนถึง "บ้านหลวง" ที่ยังมีนายพลเกษียณแล้ว บางคนอยู่นอกราชการ แต่ยังมีบ้านพักในค่ายทหาร ในกองพัน ในกรม บางคนก็นำบ้านพักใช้ทำเป็นบริษัท ที่เจรจาธุรกิจ หรือทำเป็นบ้านรับรอง ใช้เพื่อประดับบารมี

ในส่วนโครงการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ "บิ๊กแดง" ยังได้นำ "กองทัพบก" ร่วมกับ "กรมธนารักษ์" เพื่อให้การใช้ที่ราชพัสดุของกองทัพบก ประกอบด้วย ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างในการจัดสวัสดิการ รวมไปถึงสถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อน เป็นการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจที่ถูกต้อง ตามระเบียบและกฎหมาย และมุ่งหวังให้เป็นสวัสดิการภายในหน่วยหรือสวัสดิการเชิงธุรกิจ กำลังพลและครอบครัวของกองทัพบกยังคงได้รับสิทธิที่จะใช้บริการในราคาถูกและได้รับการลดราคา

"สิ่งที่กองทัพบกทำในวันนี้คือทำให้เกิดความถูกต้อง สามารถที่จะตรวจสอบได้ โปร่งใส รายได้ภายหลังจากที่เราจ่ายแก่กรมธนารักษ์แล้ว ก็นำเงินเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก เงินเหล่านี้ก็จะมาดูแลกำลังพล เช่น ทุนการศึกษาบุตร ดูแลสวัสดิการให้แก่กำลังพลชั้นผู้น้อย"

ส่วนของที่ดินของกองทัพบกที่มีจำนวนเกือบล้านไร่ที่ต้องดูแล ทาง "กรมธนารักษ์" จะเข้าดูแล และควบคุมทั้งหมดที่เข้าข่ายเชิงธุรกิจ โดย "กรมธนารักษ์" จะได้ประโยชน์จากค่าเช่าพื้นที่เป็นร้อยละของรายได้ ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับธุรกิจที่ต้องดูตามกฎหมาย ยืนยันว่าบางอย่างเงินไม่ได้กลับเข้ากองทัพบก แต่จะเป็นการลดราคาสินค้าให้กำลังพล ถ้าเป็นที่ดินหลวงไม่มีการจ่ายให้กรมธนารักษ์ แต่ทาง "กองทัพบก" ขอให้ช่วยว่าในที่ที่มีประชาชนบุกรุก 7 แสนไร่หากไปขับไล่ออกมาก็จะหาว่าทหารรังแก จึงให้กรมธนารักษ์ไปทำสัญญาเช่าครั้งละไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้อยู่ในระบบและควบคุมไม่ให้มีการบุกรุก ทำให้มีรายได้เข้าแผ่นดินมากขึ้น และมีความโปร่งใสมากขึ้น


ดังนั้นการตัดสินใจ "ปฏิรูปกองทัพบก" ทั้งการ เลิกสนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ รวมถึงการนำ "สถานที่พักฟื้น" เข้าสู่สวัสดิการอย่างแท้จริง โดยปราศจากผลประโยชน์ใดๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่กำลังนำทหารเดินเข้าสู่ความโปร่งใส ไร้ผลประโยชน์ เป็นการนำเข้าสู่ระบบตรวจสอบได้ ซึ่งถือเป็นงานท้าทาย เพื่อให้ประชาชนสามารถคาดหวัง ต้องการให้ "ทหาร" ทำหน้าที่ของตัวเอง และสร้างความเชื่อถือ และเป็นที่ศรัทธาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ "ธุรกิจ" ในค่ายทหาร จะต้องไม่มี และทุกอย่างต้องโปร่งใส ใน 3 ปีบนเก้าอี้ "ผู้บัญชาการทหารบก".


ผู้เขียน : คชสีห์ 88

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun