เมียนมา-ไทย โควิดล้อม กลิ่นอายทหารคละคลุ้งควันหลงปฏิวัติเมียนมายังคุกรุ่นฝุ่นตลบ ชาติตะวันตกเพ่งเล็งแซงก์ชัน สหรัฐอเมริกาชักชวนนานาชาติคว่ำบาตร ส่วนประเทศไทยส่อโดนลูกหลงได้รับผลข้างเคียง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ

จากสภาพการณ์นักศึกษา ราษฎร ออกมาเคลื่อนไหวฉายภาพประจานโลกประเทศไทยยังเป็นเพียงประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือแค่เศษเสี้ยว เครือข่ายทหารเฒ่า 3 ป. ยังเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์

กดขี่ขยี้ขยำด้วยกฎหมาย ทุกวันนี้เด็กๆม็อบราษฎรยังขึ้นโรงขึ้นศาลไม่จบสิ้น

บ้านพี่เมืองน้อง ไทย-เมียนมา สถานการณ์วังเวงไม่แพ้กัน

เรื่องนี้ไปถาม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็อึกอักน้ำท่วมปาก พูดมากเดี๋ยวก็เข้าตัว เลยตีมึนตัดบทไปดื้อๆ

เหตุการณ์ปฏิวัติเมียนมาไม่ได้มีอะไรดีต่อไทยเลย โดนลูกหลงค่อนขอดรัฐบาลยังมีคราบไคลเผด็จการ ขณะที่มหาโควิดรุกคืบทะลวงเมือง สารพัดปัจจัยลามกระทบภาวะเศรษฐกิจจุดสลบรัฐบาล

ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมเจ๊งระเนระนาด ประชาชนหาเช้ากินค่ำอดอยากปากแห้ง มาตรการเยียวยาโปรยทานไม่ทั่วถึงไม่เพียงพอ

ยังไม่รู้ต้องทนอยู่กับภาวะแร้นแค้นลำเค็ญไปถึงเมื่อไหร่

เหลือบไปดูฝ่ายค้านที่ต้องเป็นปากเสียงแทนประชาชน ก็ถูกนินทาปรามาสทำหน้าที่ไม่สมศักดิ์ศรี

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเปิดฉากฟาดฟันระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ.นี้ ไม่รู้ว่า “อมภูมิ” หรือ “ไม่มีของ” กันแน่ จนป่านนี้ศึกซักฟอกยังไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร

ทั้งๆที่เป็นฤดูมรสุมของรัฐบาล โอกาสเหมาะขยี้ขยายแผล แต่กลับเอามีดมาเสียบหลังกันเอง

ยังไม่ทันออกจากมุม ระฆังยังไม่ทันดัง ก็ตั้งแง่หวาดระแวงกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน

...

หยิบคดีเก่าที่ยังไม่สะสางมาเหน็บแนม จิกกัด

ส.ส.ฝีปากกล้าพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ฟาดปม “ข้อสอบรั่ว” รมต.พาวเวอร์พอยต์สวยคราวก่อน อาจล้วงข้อสอบมาไม่ตรงปก กระเทือนไปถึง “พรรคข้างบ้าน”

ขณะที่พรรคเพื่อไทยมวยหลักฝ่ายค้าน ระยะหลังเผื่อแผ่แชร์ข้อมูลกันไม่ได้เลย เพราะ “หนอน” มันเยอะบางเรื่องกอสซิปหยั่งเชิงไปในกลุ่ม ส.ส. ไม่กี่นาทีรู้ไปถึงหูรัฐมนตรี ในรัฐบาล ต่อสายมาเคลียร์ใหญ่โต

แต่อีเวนต์สำคัญแห่งปีของฝ่ายค้านงวดนี้จะถึงขั้น “บ่มิไก๊” เลยก็ใช่ที่

ส่องรายชื่อ 10 รมต.ที่ถูกยื่นญัตติซักฟอก นอกเหนือจากเป้าหลักพี่น้อง 3 ป. แล้ว เสนาบดีหลายรายอยู่ในอาการหนาวๆร้อนๆ นึกว่าติดโควิด

โดยเฉพาะพวกที่โดนตีตรา “ทุจริต” มีคิวต้องโดนยื่นถอดถอนพ่วงด้วย

อย่างรายของ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ค่ายภูมิใจไทย ดูแลผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท โดนข้อหาเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด พ่วงข้อหาทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการโกง

ประเด็นตีแสกหน้าหนีไม่พ้นปัญหาคาราคาซังรถไฟฟ้า “สายสีเขียว” ที่ตั้งธงคนละฝั่งกับกระทรวงคลองหลอด หรือ “สายสีส้ม” ที่เพิ่งล้มประมูลไปหมาดๆ

การต่อสัมปทานบริหารพื้นที่ค้าขายในสนามบิน เมกะโปรเจกต์ที่เคาะประมูลไปเพียบช่วงปีที่แล้ว

ถ้าหวยไม่ออกตามนี้ ไปแจ้งข้อหา “มวยล้ม” ได้เลย

อีกรายที่ว่ากันว่าเป็นไฮไลต์เลยทีเดียว กับคิวขึ้นเขียงของ “เสี่ยตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โดนกล่าวหา “ล้วงลูก-กดขี่ข่มเหง” ข้าราชการประจำ แสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต

นินทากันกระหึ่มว่ามี “ใบเสร็จ” โทษฐานส่งพวกพ้องเข้าสู่ตำแหน่ง

จังหวะเข้าล็อกที่ “เสี่ยตั้น” เปิดศึกท้ารบกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายใหญ่พลังประชารัฐปมส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

แว่วว่าไม่เพียงแต่ข้อมูลฝ่ายค้านที่จะขนมาชำแหละกลางสภาฯเท่านั้น ยังมี “ขาใหญ่ร่วมชายคา” ที่รู้ไส้รู้พุงกันดี ขอร่วมบุญฝากซองกฐิน ยัดข้อมูลตลบหลัง “เสี่ยตั้น” ไปให้ฝ่ายค้านด้วย

เรื่องแบบนี้ทำกันพลการไม่ได้แน่

ต้องระดับ “บิ๊กเบิ้ม” กดไฟเขียว สั่งสอนให้หายซ่า.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน