ตื่นมาเช้าวันเสาร์ คนกรุงเทพฯผวากับ สภาพอากาศที่ขมุกขมัวบนท้องฟ้าสีส้มทึมๆ มองปุ๊บก็รู้ปั๊บนั่นคือ ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 พีเอ็ม 10 อย่างหนาปกคลุมเหนือท้องฟ้ากรุงเทพฯอีกแล้ว ผมเปิดดูคุณภาพอากาศใน AirVisual เห็นตัวเลขแล้วก็ตกใจ ค่าฝุ่นสีม่วงสีแดง ปกคลุมทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล บางพื้นที่ค่าฝุ่นพิษสีม่วง (ระดับสูงสุด) สูงถึง 289 ระดับสีม่วงเป็นระดับที่ทางการแพทย์ถือว่า เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคปอดและหัวใจ และทำให้ผู้มีสุขภาพดีเกิดโรคปอดและหัวใจได้ ระดับฝุ่นพิษใน กทม.เช้าวันเสาร์ยัง ติดอันดับ 7 ของโลก ค่าเกินมาตรฐานกระจายไปกว่า 70 พื้นที่

แต่ก็ยังโชคดีที่ฝุ่นมาอย่างหนาแน่นในวันหยุด ถ้าเป็นวันทำงานปกติ มีหวังเพิ่มโอกาสป่วยด้วยโรคปอดอักเสบซํ้าเติมโควิด-19 แน่นอน

คุณอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (สกพ.) อธิบายว่า เป็นเพราะลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยอ่อนกำลังลงในตอนเช้า ประกอบกับอุณหภูมิเกิดการผกผันกลับ (inversion) ในระดับล่าง ทำให้เพดานลอยตัวของอนุภาคฝุ่นละอองไม่สูงนัก จึงส่งผลให้การสะสมฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ด้านตะวันตกของกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่วันที่ 17-20 มกราคม มวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีน จะแผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลมจะแรงขึ้น ทำให้การสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันน้อยลง

คนไทย 68 ล้านคน ต้องไป พึ่งเทวดาฟ้าดิน เพราะ พึ่งรัฐบาลไร้คุณภาพไม่ได้

แต่ วันที่ 19 มกราคม คาดว่าฝุ่นละอองจะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากความเร็วลมลดลง เพดานการลอยตัวของฝุ่นมีแนวโน้มตํ่าลง สภาพอากาศนิ่ง และลมสงบ อากาศที่อุดมไปด้วยฝุ่นพิษ PM 2.5 PM 10 จะหวนกลับมาทำลายระบบลมหายใจและปอดของคนกรุงเทพฯและปริมณฑลอีกครั้ง และช่วงวันที่ 21-22 มกราคม กำลังลมจะอ่อนลงจากช่วงวันที่ 17-20 มกราคม ทำให้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก มีการสะสมฝุ่นละอองหรือหมอกควันอีกครั้ง

...

จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ให้รักษาสุขภาพด้วย หากไม่จำเป็นขอให้ลดกิจกรรมนอกบ้าน ลดการใช้รถยนต์ งดการเผาไหม้ในที่โล่ง เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 PM10

ฟัง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แถลงแล้วก็ห่อเหี่ยวหัวใจ เป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า คนไทยทั้งประเทศไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะพึ่งรัฐบาลที่ไร้คุณภาพไม่ได้ ต้องทนอยู่กับฝุ่นพิษร้ายแรงที่ทำลายปอด และระบบทางเดินหายใจต่อไปอย่างนี้ จนกว่าฝุ่นพิษจะหายไปเอง แล้วเราจะ มีรัฐบาล มีนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฯ มีผู้ว่าฯ กทม. ฯลฯ ให้เปลืองเงินเดือนไปทำไม ในเมื่อ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ปีที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ รัฐบาล นายกฯ ผู้ว่าฯ กทม. ก็ออกมาให้คำสัญญาเป็นมั่นเหมาะ จะทำให้ดีขึ้น แต่วันนี้กลับแย่ลงกว่าเดิม หนึ่งปีผ่านไปไม่มีอะไรดีขึ้น

ฝุ่นพิษ PM2.5 PM10 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯและทุกภาค เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ฝุ่นพิษใน กทม. และปริมณฑล จากการ สร้างรถไฟฟ้า สร้างถนน สร้างตึก รถยนต์เก่าที่ปล่อยควันพิษ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ ไม่ว่า การขุดถนน สร้างถนน สร้างรถไฟฟ้า สร้างตึกสูง ปล่อยให้ฝุ่นคลุ้งโดยไม่มีอะไรคลุมเพื่อประหยัดค่าก่อสร้าง ประเทศทั่วไปทำไม่ได้ แต่ไทยเราทำได้ รถเมล์ที่เก่าเป็นซากก็ยังให้วิ่งรถควันดำก็วิ่งได้ รถยนต์ไฟฟ้าไม่รู้อีกกี่สิบปีจึงจะเกิดขึ้นได้ในประเทศนี้

ฝุ่นพิษที่ทำร้ายสุขภาพคนไทยซํ้าทุกปี ไม่ว่ารัฐบาลจะแก้ตัวอย่างไร ก็คงฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นรัฐบาลเดิม ปีที่แล้วแย่ ปีนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น ซํ้าแย่กว่าเดิม ว่างๆ นายกฯลองพิจารณาผลงานของรัฐบาลตัวเองดู ปัญหาทุกอย่างสามารถทำให้ดีขึ้นได้จริง ถ้ารัฐบาลและ ครม.มีคุณภาพ และไม่ทุจริตคอร์รัปชัน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”