โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ ปฏิทินครบ 365 วัน เวลาผันผ่าน 1 รอบปี เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างต่อเนื่องของ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” ที่ต้องใช้เวลา ในห้วงรอยต่อก่อนสิ้นปี มานั่งปรึกษาหารือกัน
โหวตตำแหน่ง “บุคคลการเมืองแห่งปี”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอธิบายก่อนว่า โดยกติกาที่ปฏิบัติกันมา ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลการเมืองแห่งปี โดยการตัดสินจากทีมของเรา
ไม่ได้หมายความว่า เขาหรือเธอผู้นั้นต้องเป็นนักการเมืองที่วิเศษวิโส มีผลงานยอดเยี่ยมเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม หรือมีความสามารถเชี่ยวชาญการเมืองขั้นเทพ
แต่ “บุคคลการเมืองแห่งปี” ในนิยามของเรา หมายถึงบุคคลและไม่จำกัดที่จะรวมไปถึงคณะบุคคลที่มีบทบาท มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างสีสันฉูดฉาด สร้างความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นให้เกิดขึ้นกับการเมืองในประเทศไทยได้อย่างชัดเจนเป็นที่ประจักษ์
ไม่เจาะจงแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไร้การแอบอิงปมความขัดแย้งใดๆ
และแน่นอน ปีนี้ทีมของเราแทบไม่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจนาน ตามฉากสถานการณ์ที่ชัดเจน โดดเด่นมาตั้งแต่ต้นปียันปลายปี
มติที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ ไร้เสียงทัดทาน
ในการโหวตให้ “มวลชนราษฎร” คือ “บุคคลการเมืองแห่งปี 2563” ของ “ทีมการเมืองไทยรัฐ”
คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่เรากำหนดไว้ทุกประการ
ด้วยปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจของคนรุ่นใหม่ ตามพัฒนาการก่อตัวของมวลชนมาตั้งแต่ปลายปี 2562 ในรูปของ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” การรวมตัวของชนชั้นปัญญาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา เคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐบาล คสช.
ไม่ยอมรับ “ความชอบธรรม” ของทหารเฒ่า 3 ป.
...
แข็งขืน ขวางลำ ทำลายเส้นทางการต่อท่ออำนาจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่มีพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กับพี่รอง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นตัวช่วย
ปฏิบัติท้าทายดาบ “อำนาจพิเศษ” ไม่กลัวกระบองยักษ์
นัด “แฟลชม็อบ” รวมตัวตามสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้ากลางเมือง แหล่งธุรกิจสำคัญ ย่านสถานศึกษา โดยยุทธวิธีสร้างสีสัน ชิงพื้นที่ข่าว เร้ากระแสได้ต่อเนื่อง
เน้นเชิงสัญลักษณ์ หักเหลี่ยมฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย
ก่อนที่เกมมวลชนของกลุ่มคนรุ่นใหม่จะยกระดับเข้มข้นขึ้นในช่วงต้นปี 2563 ตามเงื่อนไขสถานการณ์ต่อต้านคดียุบพรรคอนาคตใหม่ จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ขบวนการ “สามนิ้ว” ลามพรึบทั้งเมือง
เพิ่มความเด่นชัดของมวลชนนักเรียน นิสิต นักศึกษา แสดงตนเป็นแนวร่วมทางการเมืองของนายธนาธร จึง-รุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้นำคณะก้าวหน้า
แฟลชม็อบผุดในสถาบันการศึกษา สัญจรตามมหาวิทยาลัย
ไฟต้านอำนาจรัฐบาล “บิ๊กตู่” ลามระอุ
แม้จะต้องผ่อนดีกรีลงตามเงื่อนไขสถานการณ์อันตราย การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ โรคโควิด-19 เขย่าสถานการณ์ตึงเครียดทั่วโลก
ถึงจุดล็อกดาวน์ประเทศไทย รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม 2563
แฟลชม็อบไล่รัฐบาลติดเงี่ยงกฎหมายและอันตรายจากโรคระบาดร้ายแรง
แต่นั่นก็ถือเป็นห้วง “อุ่นเตา” สุมชนวนอยู่ 4–5 เดือน ก่อนที่มวลชนฝ่ายต้านรัฐบาล “บิ๊กตู่” กลับมาร้อนแรงกว่าเก่า ในจังหวะการเมืองเขย่าอำนาจภายในขุมข่าย 3 ป. แรงกระเพื่อมจากการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ ลามต่อเนื่องถึงความปั่นป่วนวุ่นวายในการปรับ ครม.
เชื้อ “ไวรัสการเมืองเน่า” แทรกไวรัสโควิด
เสียงยี้นักการเมืองซีกรัฐบาลไร้กาลเทศะ แก่งแย่งอำนาจผลประโยชน์ไม่เว้นวิกฤติความเป็นความตายประชาชน กลายเป็นเชื้อไวไฟ ม็อบไล่ “ประยุทธ์” จุดติด ลุกพึ่บพั่บอย่างรวดเร็ว
จากแฟลชม็อบ ยกระดับเป็นมวลชน “ประชาชนปลดแอก”
เคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ปัก ถอน “หมุดคณะราษฎร” ทวงอำนาจคืนราษฎร
ยั่ว แหย่ ย้อนศร ยื่นเงื่อนไขแหลมๆคมๆ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน 3.รัฐบาลต้องยุบสภา
บวกกับอีก “1 ความฝัน” การให้ประเทศไทยมี “ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” อย่างแท้จริง
ป้วนเปี้ยนๆอยู่ “ชายแดน” อันตราย
ก่อนจะพีกสุดขีดในการชุมนุมที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตัวแทนนักศึกษา “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” รับอาสาเย้ยฟ้าท้าดิน เป็นผู้อ่านประกาศ “10 ข้อเรียกร้อง”
ปักหมุด “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”
ปฏิบัติการแหกด่านจารีตประเพณี ฉีกหน้าประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรไทย
สถาปนา “มวลชนราษฎร 2563” ทำลายเพดานการเมือง
ตามท้องเรื่องที่ส่งให้ผู้หญิงชื่อ “รุ้ง” กระโดดขึ้นนำแถวหน้ามวลชนรุ่นใหม่ ประกบตัวจี๊ดอย่าง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ หัวขบวนตัวป่วนฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย
ม็อบเด็ก “เล่นใหญ่” ข้ามหัวฝ่ายบริหาร ลามล้ำเส้นมิบังควร
โดยจังหวะความร้อนแรง กระตุกขบวนการพิทักษ์สถาบัน กองหนุน “บิ๊กตู่” ทนนั่งนิ่งอยู่ไม่ไหว ต้องดาหน้าออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวของมวลชนรุ่นใหม่
ตั้งด่านสกัดพวก “เหิมเกริม” ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
“ม็อบฟันปลอม” ประจันหน้า “ม็อบฟันน้ำนม”
อารมณ์แบบไทยๆผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนยกตนเป็นฝ่ายสั่งสอนเด็กไร้เดียงสา
แต่มาถึงจุดฉุดไม่อยู่ แนวร่วมนักเรียน นิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่แปรรูปขบวนเป็น “มวลชนราษฎร 2563” ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงคำรามฮึ่มฮั่มของม็อบรุ่นใหญ่
ยืนกรานต้องเดินหน้ากำหนดอนาคตตัวเอง
พลังเด็กรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่สร้างความตื่นตะลึงให้ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย แต่โดยยังกระตุกสายตานานาชาติ เกาะติดด้วยความสนใจและชื่นชมการตื่นตัวของมวลชนรุ่นใหม่ ที่ลามไปถึงนักเรียนมัธยมขาสั้น คอซอง เรียกร้องประชาธิปไตย
เปี่ยมไปด้วย “อุดมการณ์” ต่างจากม็อบแฝงการเมือง
ตามท้องเรื่อง แม้ไม่มีแกนนำ เพราะโดนไล่ล็อกด้วยคดีความมั่นคง แต่มวลชนยังเคลื่อนไหวเองได้
แถมยังแฝงไว้ด้วยความน่ารักแบบเด็กรุ่นใหม่ ธรรมชาติของวัยใส
เช่นการตั้งฉายา “หน่วยซีไอเอ” ให้กับรถพ่วงข้างขายลูกชิ้นทอด หน่วยเคลื่อนที่เร็วตามผู้ชุมนุมอย่างว่องไว การใช้คำว่า “แครอท” กับพระสงฆ์ที่ร่วมม็อบ เรียก “มินเนี่ยน” กับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง “หัวเกรียน” ที่แฝงตัวประกบกลุ่มผู้ชุมนุม หรือ “จีโน่” รถฉีดน้ำแรงดันสูง
จูงใจแนวร่วม รู้จักใช้เกมการตลาดขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
ที่สำคัญก็คือความฉลาดล้ำยุคของเทคโนโลยีตามสมัย ใช้แฮชแท็ก# ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ระดมพล เรียกชุมนุมได้ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ
หลอกล่อหน่วยความมั่นคง หัวปั่น หัวหมุน ตามไม่ทัน
แต่นั่นก็คือ “อันตราย” ที่แฝงอยู่ในความเดียงสาน่ารัก ในสายตาของฝั่งผู้พิทักษ์สถาบัน
ดักทุบเด็กแสบ “ก้าวล่วง” ล้ำแดนมิบังควร
กระบองยักษ์มาตรา 112 ไล่บี้ดำเนินคดี แกนนำวิ่งรอกขึ้นโรงพักนับข้อหากันไม่ทัน
ปรากฏการณ์มวลชนราษฎรได้สร้างรอยแตกแยกในสังคมไทยครั้งใหญ่ จากขั้วสี ลามเป็นความขัดแย้งระหว่างเจเนอเรชัน การคิดไม่ตรงกันระหว่างคนแก่กับเด็ก
ก่อปัญหาความมั่นคงแม้แต่ภายในครอบครัว
แต่ทั้งหมดทั้งปวง ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเด็กที่ไม่อาจปฏิเสธพลังแห่ง “พลวัต” แม้แต่ด่านเหล็กก็ไม่อาจทัดทาน เกมรื้อรัฐธรรมนูญซือแป๋ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ที่ซ่อนกล วางหมากหลายชั้น
ทำให้การสืบทอดอำนาจของทีมทหารเฒ่า 3 ป. ไม่เป็นไปตามแผน
เท่านี้ก็สะท้อนคุณสมบัติตำแหน่งบุคคลการเมืองแห่งปีของทีมการเมืองไทยรัฐ
มวลชนราษฎร 2563 ได้ฉีกหน้าประวัติศาสตร์
ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.
“ทีมการเมือง”