วนเวียนมาอีกคราสำหรับวันขึ้นปีใหม่ เผลอแป๊บๆ ก็สิ้นปี 2563 เสียแล้ว ซึ่งปีนี้ใครหลายคนอาจจะเศร้าที่ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศเหมือนเคย แพลนที่จะลาก็ต้องเท วันหยุดที่จะใช้ก็ต้องเก็บ แถมยังต้อง Work From Home, เรียนออนไลน์ หลายกิจการกิจกรรมต้องหยุดชะงัก กว่าจะเริ่มกลับมาก็ต้องใช้เวลาสักระยะ คนตกงานก็มีไม่น้อย ส่วนการท่องเที่ยวก็เพิ่งกลับมาฟื้นไม่นาน แต่เหมือนว่าแพลนฉลองปีใหม่คงจะต้องพับเก็บเข้าลิ้นชักอีกครั้ง เมื่อโควิด-19 เกิดการระบาดในประเทศขึ้นอีกครั้งจากสมุทรสาคร และกำลังกระจายไปยังจังหวัดอื่นจนตอนนี้เกินครึ่งประเทศไปแล้ว กิจกรรมต่างๆ ต้องงดจัด งดการรวมตัว เราทุกคนต้องยกการ์ดสูงกันอีกรอบ แม้จะใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะ กันมาทั้งปีแล้ว ก็ต้องทำต่อข้ามปีจนกว่าจะควบคุมการระบาดในประเทศของเราได้

...

ขณะที่ บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ศบค.” ก็ร่วมประชุมและสั่งการมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ประเทศสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้จากความร่วมมือจากทุกฝ่ายและประชาชนนั้น ก็เริ่มเกิดการชุมนุมทางการเมืองขึ้นในช่วงกลางปี มีทั้งเสียงวิพากษ์และชื่นชมการแสดงออกทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ แต่ในขณะเดียวกันบางส่วนก็ยังห่วงเรื่องการระบาดจะกลับมาหรือไม่ เพราะการชุมนุมเป็นการรวมตัวกันในช่วงที่ยังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บังคับใช้อยู่ ต่อมามียกเลิกการห้ามชุมนุม ซึ่งก็มีเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาไม่น้อย รวมถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม หนึ่งในนั้นเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากนายกรัฐมนตรี

ปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือของหัวหน้ารัฐบาลอย่าง “บิ๊กตู่” ในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งการระบาดของโควิด-19 จนต้องล็อกดาวน์ปิดประเทศ การพยุง แก้ปัญหา และฟื้นเศรษฐกิจที่ดูหนักหนาเอาเรื่อง การชุมนุมต่อต้าน เรื่องมากมายประเดประดังเข้าหาไม่หยุดหย่อน หลายครั้งเมื่อเจอยิงคำถามถึงได้มีคำตอบเด็ดๆ เจ็บๆ จุกๆ หรือการพูดที่ทำให้คนฟังต้องไปคิดต่อว่าที่นายกฯ ว่ามานั้นหมายถึงอะไร ซึ่งวาทะเด็ดของปี 63 ก็มีไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นไปดูกันว่าวาทะบางส่วนช่วงเดือนท้ายๆ ปลายปี หัวหน้ารัฐบาลคนนี้พูดอะไรบ้าง 

กลายเป็นกระแสขึ้นมากับวาทะของ นายกรัฐมนตรี ภายหลังเมื่อ 16 ต.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ชี้แจงความจำเป็นที่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ชุมนุมมารวมตัวใกล้ทำเนียบรัฐบาล นอกจากจะบอกว่า “ไม่ออก” ตาม 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของม็อบแล้ว ยังถามว่า “แล้วผมทำความผิดอะไรหรือ ผมผิดอะไรหรือตอนนี้” และถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ฟังมากที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังพูดถึง “พญามัจจุราชที่มีเสนามาก” ทุกคนมีทั้งตายวันนี้ตายพรุ่งนี้ อย่าประมาทชีวิต พร้อมจะตายได้ทุกโอกาส จนกระแสโซเชียลนำไปตีความกันว่าหมายถึงอะไรกันแน่ หรือจะเตือนใครเป็นนัยๆ

จนวันที่ 26 ต.ค. 2563 บิ๊กตู่ ต้องชี้แจงถึงเรื่องนี้ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ว่า ขอทำความเข้าใจกรณีที่ได้กล่าวถึงพญามัจจุราชที่มีเสนามาก เนื่องจากช่วงนั้นไปร่วมงานศพบ่อยครั้ง และได้ฟังบทพระสวด เมื่อสื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ไปถึงเท่าไร นานแค่ไหน อย่างไร จึงตอบไปว่า “อย่าประมาทกับชีวิต นั่นหมายถึงตัวผม ลองไปฟังคำแปลสวดศพ ทุกคนก็ต้องเคยไปงานศพ สวด 4 บท เขาสวดว่าอะไร ผมก็เอาคำพูดนั่นมาพูด ผมเตือนตัวเองเสมอว่าผมประมาทอะไรไม่ได้ ตายวันนี้ ตายพรุ่งนี้ ผมไม่ได้ไปขู่ใครเลย ผมยกคำในศาสนามาพูด ทุกครั้งก็จะถูกตัดต่ออย่างนี้มาตลอด”

ส่วนวันต่อมา (27 ต.ค. 2563) ก่อนการปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญวันสุดท้าย นายกรัฐมนตรี “ผมไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง หลายท่านบอกผมอยากอยู่ยาว อยู่นาน ก็ต้องไปถามคนพูด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผมจะไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพื่อหนีปัญหา ผมจะไม่ละทิ้งหน้าที่ด้วยการลาออกในยามที่ชาติบ้านเมืองมีปัญหาเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นไข้ และจะขับเคลื่อนประเทศให้เดินต่อไปจนกว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำ”

ก่อนจะถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะนำไปสู่การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ในวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 เดือน นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนที่จะร่วมประชุม ครม.สัญจร ในวันรุ่งขึ้นที่ภูเก็ต โดยกล่าวในช่วงหนึ่งขณะพบปะประชาชนว่า “หลายคนบอกนายกรัฐมนตรีมีปัญหานั่นนี่ ร่ำรวย ทุจริต เขาวัดกันด้วยการดำเนินคดี การตัดสินของศาล และผมยังไม่เห็นผมทำอะไรผิดสักอย่าง หลายคนบอกผมผิดที่อยู่นานเกินไป เบื่อขี้หน้า ผมก็ไม่รู้นี่อยู่ในกติกาข้อไหนของการเมืองไทย ก็แล้วแต่เขาจะว่า ผมจะฟังเฉพาะศาลเท่านั้น”

16 พ.ย. 2563 เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเรื่องมีกระแสข่าวปรารภกับคนใกล้ชิดว่า อยากลาออกวันละ 3 ครั้ง แต่ก็ออกไม่ได้ ลุงตู่ ก็ตอบกลับทันที “ก็ยังทำงานอยู่นี่ไง ทำงานอยู่นี่ ไม่มีคำท้อแท้ ผอมลงมาหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นโรคเป็นภัยทั้งสิ้น แข็งแรงทั้งกายและใจ เพราะว่าทำเพื่อคนอื่น และอย่างไรก็ต้องทำจนกว่าจะไม่ได้ทำก็เท่านั้นเอง”

ส่วนเรื่องนี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะนายกฯ ตู่ นั้นมักจะมีอารมณ์สุนทรีย์อยู่บ่อยครั้ง แถมยังคอยตามเทรนด์ไม่เบา แม้กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ขณะไปเป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคงที่ จ.ปทุมธานี แล้วพูดขึ้นมาว่า มีอยู่เพลงหนึ่งที่ฮิตติดอันดับและเคยฟัง “คนเราถ้าเราจะรักกันอยู่ที่ไหนก็จะรักใช่ไหม” ชื่อเพลงอะไรนะ โดยผู้ร่วมงานตะโกนบอกชื่อเพลง นายกฯ จึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก ถ้าเราเริ่มเกลียดตั้งแต่แรก มันก็เริ่มรักไม่ได้ ใช่ไหม ไม่ต้องถึงกับเลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อรักเธอคนเดียว”

อีกหนึ่งคำลงท้ายของ นายกฯ ตู่ ที่เมื่อแถลงเสร็จก็กลายเป็นแฮชแท็กจนขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์เมื่อ 24 ธ.ค. ซึ่งคำนั้นคือ “#นะจ๊ะ” ส่วนรูปประโยคของคำนี้ก็มาจากตอนที่ให้กล่าวหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นการระบาดต่อเนื่องจากโควิดสมุทรสาคร แต่นายกฯ นั้นไม่รู้ว่ากำลังถ่ายทอดสด แต่เมื่อมีคนกระซิบบอกก็ยิ้มรับเขินๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซอฟต์ลงว่าไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก ตอนนี้เราต้องอยู่กับโควิดไประยะหนึ่งก่อน ต้องประคับประคองตัวไปให้ได้ รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ ต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจด้วย หลายคนก็รอว่าผมจะล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือเปล่า เราก็ต้องดูความรุนแรงของพื้นที่ ของกิจกรรมที่เกิดขึ้น

“คนไทยทั้งประเทศลุงตู่ห่วงใยนะจ๊ะ ห่วงใยทุกคน รักทุกคน เป็นห่วงทุกคนในทุกๆ เรื่อง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องดำเนินการเพื่อพี่น้องคนไทยทั้ง 70 ล้านคน”

ใกล้วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 เข้าไปทุกที นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จะอวยพรให้ประเทศชาติและประชาชนทุกคนมีความสุข มีความปลอดภัยแล้วจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังกลับมาระบาดอีกครั้งในประเทศ มีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องทุกวัน จนต้องออก 8 ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อลดความเสี่ยงของการระบาด โดยหนึ่งในนั้นรวมถึงการห้ามชุมนุมด้วย ไม่เพียงเท่านั้น นายกฯ ตู่ คนนี้ ยังขอของขวัญจากประชาชนด้วย นั่นก็คือการให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่และรัฐบาล ทำตามมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อที่เราจะผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ไปด้วยกัน ส่วนปีหน้าฟ้าใหม่ก็ยังเป็นการบริหารภายใต้รัฐบาลลุงตู่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 จะมีอะไรใหม่ ปัญหาใดบ้างจะได้รับการคลี่คลาย หรือจะมีเหตุการณ์อะไรสำคัญเกิดขึ้นอีก เรามาจับตาและติดตามไปพร้อมๆ กัน...

ผู้เขียน : กิณรีสีอังกาบ
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun