“โควิด-19” ระลอก 2 กระทบเศรษฐกิจวันละ 2 พันล้าน รวมเสียหายเดือนละ 45,000 ล้านบาท

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“โควิด-19” ระลอก 2 กระทบเศรษฐกิจวันละ 2 พันล้าน รวมเสียหายเดือนละ 45,000 ล้านบาท

Date Time: 23 ธ.ค. 2563 08:26 น.

Summary

  • นักวิชาการแบงก์ชี้โควิด–19 ระลอกใหม่ กระทบเศรษฐกิจไทยวันละ 1.5– 2 พันล้านบาท หรือเดือนละ 4.5–6 หมื่นล้านบาท ย้ำคุมได้เร็ว มีผลกระทบน้อย

Latest

เปิดคำตีความคณะกรรมการกฤษฎีกา “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ขาดคุณสมบัติ!

นักวิชาการแบงก์ชี้โควิด-19 ระลอกใหม่ กระทบเศรษฐกิจไทยวันละ 1.5-2 พันล้านบาท หรือเดือนละ 4.5–6 หมื่นล้านบาท ย้ำคุมได้เร็ว มีผลกระทบน้อย ส่วนล็อกดาวน์สมุทรสาคร ทำยอดใช้จ่ายหายวันละกว่า 300 ล้านบาท หรือเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า คาดว่าการระบาดของโควิด-19 ที่ จ.สมุทรสาคร น่าจะกระทบต่อการใช้จ่ายของจังหวัดเฉลี่ยกว่า วันละ 300 ล้านบาท (เดือนละ 10,000 ล้านบาท) และน่าจะทำให้การใช้จ่ายภาพรวมทั้งหมดของไทยได้รับผลกระทบเฉลี่ยวันละ 1,500-2,000 ล้านบาท (เดือนละ 45,000-60,000 ล้านบาท) จากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เฉลี่ยที่ประมาณ 15.5 ล้านล้านบาท

“เม็ดเงินทางเศรษฐกิจในสมุทรสาคร หมุนเวียนเฉลี่ยวันละ 1,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 70% มาจากภาคอุตสาหกรรม แต่ขณะนี้โรงงานยังเปิดดำเนินการตามปกติ แม้จะมีต้นทุนเรื่องความเข้มงวดการดูแลแรงงาน แต่การขนส่งสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารยังไม่กระทบมากนัก ทั้งการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก ยังไม่พบว่าหดตัวชัดๆ เพราะผู้บริโภคยังคงรับประทานอาหารทะเลตามปกติ เพียงแต่ระมัดระวังเรื่องการปรุงให้สุกมากขึ้น จึงคาดว่าผลกระทบจากโควิดครั้งนี้ ทำให้การใช้จ่ายของจังหวัดลดลงกว่าวันละ 300 ล้านบาท (เดือนละ 10,000 ล้านบาท)”

ทั้งนี้ จากมาตรการเชิงรุกในการป้องกัน และแก้ปัญหาของกระทรวงสาธารณสุข ประกอบกับมีผู้ติดเชื้อนอก จ.สมุทรสาคร ที่ติดเชื้อมาจากตลาดกลางกุ้งยังอยู่ในหลัก 10 ราย เชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ครั้งนี้ได้ และคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายภายใน 14 วัน แต่หากตัวเลขผู้ติดเชื้อนอกสมุทรสาครพุ่งขึ้นถึงหลัก 50-100 รายขึ้นไป จะมีผลกระทบมากขึ้นได้ ดังนั้น คงต้องติดตามผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้านบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งเริ่มต้นจากตลาดกุ้งในสมุทรสาคร กระทั่งนำมาสู่การล็อกดาวน์ชั่วคราวตั้งแต่ 19 ธ.ค.63-3 ม.ค.64 ขณะเดียวกัน ก็ยังพบผู้ติด เชื้อที่กระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆในหลายจังหวัดของประเทศไทย ในเบื้องต้นภายใต้กรณีที่ไม่ พบคลัสเตอร์ของผู้ติดเชื้อในจังหวัดอื่นหรือเหตุการณ์ไม่ลุกลามจนนำมาสู่การล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยอาจได้รับความสูญเสียจากการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 คิดเป็นมูลค่า 45,000 ล้านบาท ในกรอบเวลา 1 เดือน แต่หากสามารถควบคุมได้ และภาครัฐ มีมาตรการที่สร้างความมั่นใจให้กลับมาได้รวดเร็ว ก็มีโอกาสที่มูลค่าความสูญเสียจะต่ำกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้

สำหรับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ จำแนกได้ดังนี้

1.ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประมงและอาหารทะเลที่อาจมีมูลค่ารวมกันราว 13,000 ล้านบาท จากความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดการชะลอการบริโภคสินค้าประมงและอาหารทะเลในระยะสั้น

2.ความสูญเสียจากการที่ประชาชนชะลอการทำกิจกรรมในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ได้แก่ การเลี้ยงสังสรรค์ การจัดกิจกรรมต่างๆ การลดความถี่ในการใช้จ่ายที่ร้านค้าปลีก เป็นต้น และ

3.ความสูญเสียจากการชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปราว 17,000 ล้านบาท หรือราว 30% ของรายได้ท่องเที่ยวในช่วงเวลา 1 เดือน

ภายใต้กรณีที่ยังไม่ได้มีประกาศห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดในภาคตะวันตก และภาคกลาง รวมกรุงเทพฯ จังหวัดรอยต่อชายแดนไทยและเมียนมา อย่างไรก็ดี ประชาชนบางส่วนที่ยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาใกล้ๆนี้ อาจปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังพื้นที่หรือจังหวัดที่ไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อทดแทนได้เช่นกัน

นอกจากความสูญเสียทั้ง 3 ด้านแล้ว สถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่นี้ยังอาจสร้างผลกระทบด้านอื่นๆที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างชัดเจนด้วย อาทิ ผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการที่ค้าขายสินค้าอื่นๆในตลาด จากการที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการสัญจรโดยเฉพาะการสัญจรไปในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือพบผู้ติดเชื้อ เป็นต้น.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ