รัฐบาล-กต.เต้นแจง สนง.ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ โต้แถลงการณ์กดดันปรับปรุงการบังคับใช้ ม.112 จัดการม็อบราษฎร “โฆษก รบ.” ยันดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ “โฆษกบัวแก้ว” โต้ผู้ถูกจับกุมละเมิดกฎหมายอื่น ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ประสานเสียงถึงเวลาต้องทบทวนปรับปรุงการใช้ ม.112 ให้เป็นธรรม “วิโรจน์” เหน็บรัฐบาลฉีกประเทศไทยพ้นแผนที่โลก กลายเป็นดินแดนต้องห้าม “ชัยธวัช” ขู่ลับมีดซักฟอกกลาง ก.พ.64 “อรุณี” ซัด รบ.เลิกใช้ ก.ม.ร้อนเป็นเครื่องมือการเมือง “ภราดร” หวดถึงเวลาต้องปรับปรุงให้ทุกฝ่ายยอมรับ ฝ่ายค้านจวกนายกฯบิดเบือนคุมเกมขวางแก้ รธน. “ธีรัจชัย” ฉะเจตนาไม่ดีทั้งที่ไม่มีอภิปรายก้าวล่วงสถาบัน จี้ กมธ.ถ่ายทอดสดให้ชาวบ้านรับรู้ “เสรี” สวน ส.ส.อยากแก้ไขอะไรบอกมาให้ชัด
จากกรณีโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการใช้มาตรา 112 ต่อผู้ชุมนุมในไทย 35 คน ในจำนวนนี้รวมถึงนักเรียนวัย 16 ปีด้วย ทำให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเร่งชี้แจงโดยยืนยันการบังคับใช้มาตรา 112 ต่อผู้ชุมนุมเป็นกระบวนการกฎหมาย และไม่มีการเลือกปฏิบัติ
รบ.แจงยูเอ็นยันฟัน ม.112 ตาม ก.ม.
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่โฆษก สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการใช้มาตรา 112 ต่อผู้ชุมนุมในไทยว่า เบื้องต้นได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อชี้แจงดังนี้ 1.กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยไม่ได้พุ่งเป้าไปจำกัดสิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นประชาชน การใช้เสรีภาพทางวิชาการ หรือการถกเถียงเกี่ยวกับระบอบกษัตริย์ในฐานะสถาบัน กฎหมายนี้มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกในรูปแบบต่างๆรวมถึงไทยเพื่อคุ้มครองสิทธิและชื่อเสียงพระมหากษัตริย์ พระราชินี มกุฎราชกุมาร หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในลักษณะเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทสำหรับพลเมืองไทยทุกคน 2.สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระบวนกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หากดำเนินการในกรณีดังกล่าวจะเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ในกรณีนี้จำนวนมาก จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ
...
ย้ำไม่ได้เลือกปฏิบัติ-ต่อสู้คดีได้
นายอนุชากล่าวอีกว่า 3.ต่อกรณีการตั้งข้อหาผู้ประท้วงวัย 16 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของศาลเยาวชน ยิ่งกว่านั้นมันเป็นไปตามที่โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุเองว่า ศาลได้ปฏิเสธคำขอให้คุมขัง พร้อมอนุญาตให้ประกันตัวแบบมีเงื่อนไข 4.ขอย้ำอีกครั้งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงไม่ได้ถูกจับกุมเพียงเพราะใช้สิทธิเสรีภาพแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แต่ผู้ที่ถูกจับกุมเพราะได้ละเมิดกฎหมายอื่นๆ ของไทย ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว
หวังผู้ชุมนุมเข้าร่วม กก.สมานฉันท์
“การใช้สิทธิเสรีภาพต้องภายใต้กฎหมายและ ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ควรสร้างสรรค์ ไม่ก้าวร้าว หรือดูหมิ่นเหยียดหยาม ผู้อื่น หรือสร้างความเกลียดชัง บทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้คือดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย หลีกเลี่ยงใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ การดำเนินคดีผู้ชุมนุมบางรายนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมายและพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ละเมิดกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และผู้ถูกกล่าวหาสามารถต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลยังหวังผู้ชุมนุมจะเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า” นายอนุชากล่าว
ผู้ต้องหาถูกจับเพราะละเมิด ก.ม.อื่นๆ
ด้านนายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งท่าทีของไทย ต่อกรณีโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการใช้มาตรา 112 ต่อผู้ประท้วงในไทย 35 คน รวมถึงนักเรียนวัย 16 ปี โดยเนื้อหาเป็นเช่นเดียวกับที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงต่อสื่อมวลชน มีการย้ำว่ากรณีการตั้งข้อหาผู้ประท้วงวัย 16 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของศาลเยาวชน สอดคล้องกับข้อมูลที่โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ระบุระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.แล้วว่า ศาลได้ปฏิเสธคำขอให้มีการคุมขัง พร้อมกับอนุญาตให้ประกันตัวแบบมีเงื่อนไข ขอย้ำอีกครั้งว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีผู้ประท้วงถูกจับกุมเพียงเพราะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แต่ผู้ที่ถูกจับกุมได้ละเมิดกฎหมายอื่นๆ ของไทย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว
ยันนายกฯไม่เคยลิดรอนสิทธิใคร
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันนายกฯไม่เคยจำกัด สิทธิเสรีภาพผู้ชุมนุม ไม่ได้ใช้มาตรา 112 เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของใคร ไม่เคยใช้กลั่นแกล้งใคร แต่การชุมนุมที่ผ่านมาแสดงออกผิดกฎหมาย ตั้งใจดูหมิ่น จาบจ้วงสถาบันอย่างมาก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินคดีและมาตรา 112 ยังถือเป็นกฎหมายที่มีมาช้านาน ถือว่าเป็นเรื่องภายในประเทศ อยากให้สำนักงาน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติพิจารณา อย่างรอบด้านว่าผู้ชุมนุมได้ทำผิดกฎหมายมีพฤติกรรมดูหมิ่นสถาบันต่อเนื่อง สร้างความไม่พอใจกับคนในประเทศอย่างมาก คนไทยส่วนใหญ่ทราบดี อยากให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง อย่าปล่อยให้คนส่วนน้อย หรือบางคนละเมิดกฎหมายจนทำให้บ้านเมืองชุลมุนวุ่นวายแทบปกครองไม่ได้
“วรงค์” บี้ กต.โต้ยูเอ็นม็อบล้มสถาบัน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดีโพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ไทยภักดีนัดยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีศึกษา” ใจความว่า เชื่อว่าคนต่างชาติ เหล่านี้คงไม่รู้เรื่องว่าผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมจาบจ้วงอย่างน่ารังเกียจอย่างไรบ้าง น่าจะมาเมืองไทยสังเกตการณ์การชุมนุม อยากเรียกร้องกระทรวงการต่างประเทศ ต้องชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่คนเหล่านี้กระทำให้ยูเอ็นเข้าใจ โดยเฉพาะการชุมนุมที่ไม่บริสุทธิ์ใจ มีเป้าเพื่อล้มล้างสถาบันฯ ส่วนเด็กอายุ 16 ปีที่ถูกคดี อยากฝากไปยังผู้ปกครองต้องช่วยดูแลชี้แนะ ยังมีประสบการณ์การเมืองน้อยเกินไป อาจเป็นเหยื่อให้นักการเมืองเลวๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวประโยชน์แอบอยู่ข้างหลัง ทางกลุ่มมีนัดหมายไปพบ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อยื่นหนังสือหามาตรการป้องกันการใช้เด็กนักเรียนเป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทางการเมืองวันที่ 23 ธ.ค.เวลา 14.00 น.
กก.บี้ทบทวนใช้ ม.112 ให้เป็นธรรม
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะกฎหมายมาตรา 112 อารยประเทศจับตาดูอยู่ว่าใช้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใสหรือไม่ การจับกุมดำเนินคดีผู้ชุมนุมสะท้อนว่ารัฐบาลใช้มาตรา 112 ที่ตีความอย่างกว้างขวาง ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นไปแจ้งความร้องทุกข์ ตามอคติเชิงลบที่มีต่อผู้ชุมนุม รัฐบาลต้องทบทวนท่าทีของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะกระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท โดยไม่สมควรจะเป็นยูเอ็นแถลงให้รัฐบาลปฏิบัติตามกรอบกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ในข้อที่ 19 หมายความว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำเข้าข่ายขัดกับมาตรา 19 รัฐบาลลงนามไว้และรัฐบาลกำลังฉีกให้ประเทศไทยออกจากแผนที่โลก ดึงให้กลายเป็นประเทศต้องห้าม ถ้าเป็นปัญหาเฉพาะรัฐบาล ยังพอจะหลับตาข้างหนึ่งได้ แต่มาตรา 112 เกี่ยวข้องกับสถาบัน แล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์พูดเสมอว่าจงรักภักดี แต่การจงรักภักดีที่แท้จริง คือการไม่นำสถาบันฯมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง การใช้มาตรา 112 อย่างกว้างขวางเป็นเรื่องอันตรายมากๆ ไม่ใช่ความจงรักภักดี ถ้าจงรักภักดีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ได้บนโลกใบนี้อย่างสง่างาม
ลับมีดจ่อซักฟอกกลาง ก.พ.64
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือเบื้องต้นไปเมื่อวันจันทร์ ที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยวางกรอบไว้ว่าจะหารือกันอีกครั้งหลังปีใหม่ และจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือน ม.ค. เพื่อให้ได้เปิดอภิปรายฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.พ. เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งใจจะอภิปรายฯ รัฐมนตรีคนไหนบ้าง นายชัยธวัชกล่าวว่า ขณะนี้แต่ละพรรคกำลังกลับไปทำการบ้าน โดยจะมาสรุปกันหลังปีใหม่ ส่วนพรรคกำลังทำการบ้านอยู่ และเล็งไว้หลายคน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะใช้อภิปรายฯ หรือไม่ คาดว่าจะอภิปรายฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
พท.ซัด รบ.เลิกใช้เป็นเครื่องมือการเมือง
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR แสดงความเป็นห่วง และกดดันรัฐบาลให้แก้ไขปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมาย อาญามาตรา 112 ให้อยู่ในระดับสากลว่า พรรคเพื่อไทยขอยืนยันหลักการเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นของประชาชนภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรองรับ และเป็นสิทธิเสรีภาพโดยพื้นฐานของมนุษย์ สิ่งที่พรรคอยากถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายครั้งโดยกล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงไม่ให้บังคับใช้มาตรานี้ เมื่อมีการนำมาตรานี้มาบังคับใช้ รัฐบาลกำลังใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ การแจ้งข้อกล่าวหาใดๆควรมีหลักฐานชัดเจนและชัดแจ้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย
“เสธ.แม้ว” หวดถึงเวลาปรับปรุง ม.112
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะ กรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่หน่วยงาน OHCHR แสดงความเป็นห่วงกรณีประเทศเข้มงวดบังคับใช้มาตรา 112 ขึ้นมาอีกครั้ง ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ เพราะหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานสากลที่ทุกประเทศให้การยอมรับ ในการดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน และประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกสหประชาชาติ การบังคับใช้กฎหมายอะไรที่ต้องได้รับการยอมรับประเทศไทยต้องคำนึงถึงอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประเทศสมาชิกยอมรับ เมื่อเรียกร้องมาเช่นนี้ไทยต้องตระหนักว่ากฎหมายที่เรามีอยู่ น่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากประเทศสังคมประชาธิปไตย จึงเป็นแง่คิดที่สมควรจะมาพิจารณาปรับปรุงให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะกฎหมายลักษณะนี้ส่งผลกระทบได้ทั้งในแง่สังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ การแจ้งเตือนครั้งนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่าเราควรปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวได้แล้ว
ฝ่ายค้านฉะ “บิ๊กตู่” คุมเกมขวางแก้ รธน.
อีกเรื่อง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณา (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุสาเหตุที่ทำให้การประชุม กมธ.ล่มมาจากอีกฝ่ายไปก้าวล่วงมากมายในที่ประชุมว่า ความจริงต้องถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้คุมเกมขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ เนื่องจากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้ส่ง ส.ว. 15 คนเข้ามานั่งใน กมธ. การอภิปรายใน กมธ. ส.ว. และ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล มุ่งเน้นจะไม่ให้แก้ไข และต้องการให้แก้ไขยาก ยกเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาก็แก้ไขยาก ฝ่ายค้านจึงชี้แจงว่าประเทศสหรัฐฯเป็นประชาธิปไตยและมีรัฐธรรมนูญที่อยู่ตัว ไม่ใช่กฎหมายที่มาจากคณะรัฐประหาร เหมือนรัฐธรรมนูญ 2560
จวกนายกฯบิดเบือน-ขอถ่ายทอดสด
นายธีรัจชัยกล่าวอีกว่า ตนอภิปรายในที่ประชุมว่า ให้ไปย้อนดูในรัฐธรรมนูญ 2560 ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการใช้ปืนทำรัฐประหาร มีการตั้งองค์กรอิสระที่มีความเกี่ยวโยงกับ คสช. รวมถึงเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ที่มีนายทหาร และกลุ่มทุนใหญ่ ดำรงตำแหน่ง ตนอภิปรายด้วยข้อเท็จจริง ไม่มีการระบุถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีการก้าวล่วง การที่ พล.อ.ประยุทธ์คุมเกมไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกฎหมายนี้ทำให้ท่านได้เปรียบใช่หรือไม่ การให้คงกติกาที่เอาเปรียบเหมือนการโกงคนอื่นเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อหรือไม่ เมื่อถามว่า นายกฯใช้คำว่าก้าวล่วงมากมาย ทำให้เกิดความเข้าใจว่ามีการก้าวล่วงสถาบันฯ นายธีรัจชัยกล่าวว่า ขอตำหนิการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ เพราะยืนยันว่าไม่มีการกล่าวถึงสถาบันฯ แต่นายกฯต้องการบิดเบือน เป็นเจตนาที่ไม่ดี ที่ต้องการให้คนเข้าใจว่ามีการก้าวล่วงสถาบันฯ ให้ไปฟังรายงานห้องประชุมอย่างชัดเจน อย่าหูเบา และฟังคนที่พูดมาแล้วเอามาพูดต่อหรือใส่ร้าย อย่าเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบในคำพูดตัวเอง เราพยายามขอให้เปิดถ่ายทอดสดแล้ว แต่ถูกขวาง แต่ในการประชุมสัปดาห์หน้าจะขอให้เปิดถ่ายทอดสดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนรู้ว่ามีการพูดก้าวล่วงหรือไม่
อัดยิ่งปิดกั้นพันคอไม่ให้รื้อ รธน.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าการอภิปรายในชั้น กมธ.เป็นสิทธิที่ กมธ.แต่ละคนแสดงความคิดเห็นในมุมตัวเอง จากการสอบถาม กมธ.ในห้องประชุมมีการพูดถึงที่มาของรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบ แล้วไปแต่งตั้ง ส.ว. จึงทำให้ ส.ว.ไม่พอใจแต่ความคิดเห็นที่แตกต่างลักษณะนี้มีอยู่ประจำ ขึ้นอยู่กับประธานในที่ประชุมจะทำให้ไม่ลุกลามได้อย่างไร ประธานต้องควบคุมไม่ให้เหตุการณ์ บานปลาย แต่ทราบว่าวันนั้นประธานคุมไม่ได้ จึงใช้อำนาจปิดประชุม สิ่งที่นายกฯพูดทั้งตนและ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ การประชุมมีเรื่องเห็นต่างเป็นธรรมดาถกเถียงกันได้แต่ไม่ถึงขั้นจะล้มการประชุม หลังจากนี้ถ้าการอภิปรายอยู่ในประเด็นพิจารณาต้องให้ กมธ.พูดแล้วควบคุมให้อยู่ในประเด็น ที่สำคัญอย่าปิดกั้นการแสดงออก ตัวประธานต้องมีข้อวินิจฉัยที่ดีว่าจะควบคุมให้การประชุมเดินหน้าอย่างไรสมควรหรือไม่ที่จะปิดประชุม เพราะหน้าที่ของประธานต้องทำให้การประชุมเดินหน้า ไม่เช่นนั้นจะตรงกับที่เขากล่าวหาว่ามีเจตนาไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ
สวดซื้อเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานในที่ประชุมซึ่งเป็น ส.ว.ปิดประชุมสะท้อนว่าไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้ตอกย้ำความพยายามซื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในชั้น กมธ.จะให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันทุกเรื่องเป็นไปไม่ได้ กมธ.ในส่วน ส.ว.เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสืบทอดอำนาจ ถ้าไม่เปิดใจกว้างไม่รับฟังความคิดเห็นแตกต่างจากเสียงข้างน้อย ไม่อดทนต่อสภาพโครงสร้างของปัญหาที่แท้จริง ยึดเอาเดินตามธงของฝ่ายสืบทอดอำนาจ ไม่จริงใจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นปัญหา ถ้าฟังคำว่าสืบทอดอำนาจแล้วแสลงใจ บรรยากาศการประชุมจะดำเนินต่อได้อย่างไร ต้องเปิดให้อภิปรายกว้างขวางและยึดหลักว่าผู้ใดอภิปรายเรื่องใดต้องพร้อมรับผิดชอบ ผู้ถูกพาดพิงย่อมมีสิทธิชี้แจงด้วยเหตุผล พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกรับฟังแต่ความเห็นเครือข่ายสืบทอดอำนาจไม่ได้ ต้องแสดงจริงใจให้ได้เห็นว่าพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ไม่ใช่ซื้อเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรมไปเรื่อยๆ การใช้เวที กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ใช่หลักพวกมากลากไปแล้วถ้าเพลี่ยงพล้ำแล้วชิงปิดประชุมไปเรื่อยๆ ประชาชนเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะเป็นชนวนให้ม็อบเพิ่มมากขึ้น
“เสรี” สวนอยากแก้อะไรบอกมาให้ชัด
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะ กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม กล่าวว่า สาเหตุประชุม กมธ.ล่มจาก ส.ส.บางพรรคพูดต่อว่าเรื่องที่มา ส.ว.อยู่นาน วนเวียนซ้ำซากไปมา ใช้ถ้อยคำเสียดสีใส่ร้าย เหมือนต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แม้นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ รองประธาน กมธ.ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมจะพยายามไกล่เกลี่ย แต่ไม่หยุดพูดจนเริ่มโต้เถียงกับ ส.ว. นายมหรรณพเกรงจะควบคุมการประชุมไม่อยู่จึงสั่งปิดประชุม แต่ฝ่ายค้านถือโอกาสไปแถลงข่าวเหมือน ส.ว.เป็นฝ่ายผิด เชื่อว่ายังทำงานร่วมกันได้ แต่ทุกคนต้องไปทบทวนวิธีคิด การโต้ตอบกันให้อยู่ในลิมิตเหมาะสม รู้จักยับยั้งอารมณ์ไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้ง ต่อว่ากันได้แต่ต้องเป็นด้วยเนื้อหาเหตุผล ไม่ใช่มีเจตนาสร้างความขัดแย้ง ยืนยัน ส.ว.จริงใจแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าฝ่ายค้านจริงใจต้องพูดให้ชัดเจนต้องการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นใด เรื่องใดควรแก้ไข ให้รู้ถึงความต้องการ ไม่ใช่ไปติดหล่ม อยู่กับการตั้ง ส.ส.ร. เอาใครก็ไม่รู้มาแก้ไข โดยที่ไม่รู้ว่าจะแก้อะไรและเมื่อแก้ไขแล้วจะตรงที่อยากได้หรือไม่
“ประวัฒน์ อุตตะโมต” ไขก๊อกพ้น พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า นายประวัฒน์ อุตตะโมต อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.จันทบุรี หลายสมัย ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมส่งเรื่องแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. โดยนายประวัฒน์ ถือเป็น ส.ส.หลายสมัยที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยภาคตะวันออกเกรงใจ จึงคาดว่าหลังจากนี้ จะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยในภาคตะวันออกอีกหลายคนลาออกตาม คาดว่านายประวัฒน์ จะไปร่วมงานการเมือง กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปตามที่มีกระแสข่าวเตรียมตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้น
จับตา “เจ๊หน่อย” ตั้งพรรค “สร้างไทย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคการเมืองใหม่ที่คุณหญิงสุดารัตน์จะไปจัดตั้งขึ้น จะรวมแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ เช่น นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข รวมถึงมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนที่ลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ไป เช่น น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน อดีต ส.ส.กทม.หลายสมัย คาดว่าจะใช้ชื่อพรรคว่าพรรคสร้างไทย ตามชื่อกลุ่มที่คุณหญิงสุดารัตน์ใช้ทำกิจกรรมมาตลอด จากนี้ต้องจับตาว่าจะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนใดลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ไปอีกบ้าง แม้ปัจจุบันคุณหญิงสุดารัตน์จะลาออกไปจากพรรคเพื่อไทยแล้วยังคงลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยหาเสียงอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน จึงเป็นไปได้ว่า หากมีการเลือกตั้งในอนาคต ส.ส.หรืออดีต ส.ส. ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางบางส่วนของพรรค เพื่อไทย อาจออกไปร่วมงานการเมืองกับคุณหญิงสุดารัตน์ ที่สำคัญต้องดูเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไขว่าเมื่อแก้ไขแล้ว พรรคจะกำหนดยุทธศาสตร์ ให้มีจุดยืนในรูปแบบใด
รบ.โหนสื่อนอกตีปี๊บ ศก.ไทยฟื้นตัว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยินดีที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประกาศให้ไทยอยู่ในอันดับ 1 ของประเทศที่มีแนวโน้มจะเป็นตลาดเกิดใหม่ ที่มีภาพรวมทางเศรษฐกิจดีที่สุดในปี 2564 แสดงถึงความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นเรื่องการค้าและการลงทุนในปี 2564 จากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก หัวข้อ China Lags as Thailand, Russia Rank Top Emerging Market Picks เปิดเผยรายงานการศึกษาแนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2564 ของ 17 ประเทศ อาทิ ไทย รัสเซีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น มีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและการเงิน 11 ข้อ ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 1 ในฐานะประเทศที่มีเงินทุนสำรองที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสูงจากการไหลเข้าของเงินลงทุน แม้ในรายงานจะห่วงกังวลเรื่องการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากโรคโควิด-19 ของประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทยซึ่งพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รัฐบาลได้เตรียมการรับมือประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างดี
“ชวน” สั่งงดประชุมสภาฯ 30-31 ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือด่วนมาก ที่ สผ 0014/ผ 67 ถึง ส.ส. เรื่องงดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ที่ประชุมสภาฯได้มีมติให้มีการประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน คือวันพุธและวันพฤหัสบดี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เห็นสมควรให้งดการประชุมสภาฯในวันพุธที่ 30 ธ.ค.63 และวันพฤหัสบดีที่ 31 ธ.ค.63 เพื่อให้ ส.ส. ได้มีโอกาสลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยือนราษฎรและร่วมทำบุญ ตามประเพณีเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2564 จะประชุมชดเชยวันศุกร์ที่ 22 ม.ค.64
“จิรายุ” จี้ รบ.แก้ปัญหาโจรไฮเทค
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ กองทุน เปิดเผยว่า ตนพร้อมนายอนุรักษ์ ตั้งปนิธานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯได้รับเรื่องร้องทุกข์จากลูกค้าผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารไทยพาณิชย์ “SCB EASY” ว่า 1 เดือนที่ผ่านมามี SMS อ้างว่า มาจาก แอปพลิเคชันของธนาคารส่งข้อมูลเข้ามาให้ยืนยันตัวตนทำให้หลงเชื่อเข้าใจว่าเป็นข้อความจากธนาคาร จึงถูกมิจฉาชีพเข้าไปถอนเงินจำนวนมาก มีลูกค้าได้รับความเดือดร้อนนับร้อยรายเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จึงเตรียมยื่นกระทู้ถามกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และ กสทช.ผู้ให้สัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถึงแนวทางการป้องกันปัญหาโจรไซเบอร์ และได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้เร่งตรวจสอบ โดยเฉพาะธนาคารว่ามีการแก้ไขปัญหาอย่างไร ควรกำหนดเรื่องโจรไฮเทคเป็นวาระแห่งชาติ หากกระทรวงที่เกี่ยวข้องรู้ไม่ทันโจรมัวแต่ยุ่งปิดเว็บโป๊ อีกหน่อยโจรเหล่านี้คงเข้าไปแฮ็กระบบของสำนักนายกฯ หรือเข้าไปแฮ็ก แอปโอนเงินของรัฐมนตรี ถึงวันนั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน