แล้วสิ่งที่วิตกก็เกิดขึ้น โควิด-19 ส่อแวว “ระบาดรอบ 2” ในเมืองไทย หลังจากที่หญิงสาวไทยไปทำมาหากินในบ่อนการพนันและสถานบันเทิง 1G1 Hotel ท่าขี้เหล็ก ทยอยเดินทางกลับไทยทั้ง “ช่องทางปกติ” และ “ช่องทางธรรมชาติ” หรือ “ด่านเถื่อน” มีการประกาศรับจ้างพาข้ามช่องทางธรรมชาติโดยเจ้าหน้าที่รัฐไทยเมียนมาดูแล นำเชื้อโควิด-19 จากท่าขี้เหล็ก เมียนมา กลับมาแพร่ระบาดในประเทศไทย แค่สัปดาห์เดียวระบาดไปถึง 6 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ราชบุรี พิจิตร ล่าสุดคือ กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อโควิด 2 ราย ทำให้สถานการณ์ปีใหม่หงอยเหงาขึ้นมาทันที
ที่น่าสังเกตก็คือ สาวไทยที่ติดเชื้อโควิด-19 จากท่าขี้เหล็ก นำเข้ามาระบาดในไทย ล้วนมาจากสถานที่เดียวกันคือ โรงแรมวันจีวัน ท่าขี้เหล็ก สถานบันเทิงครบวงจร บ่อนการพนันและการค้ากาม โดยมีลูกค้าเมียนมาและจีนที่ร่ำรวยจากธุรกิจและการค้ายาเสพติด
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 5-6 ธันวาคม ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 5 ธ.ค.พบผู้ติดเชื้อใหม่ 19 ราย และ 6 ธ.ค.พบผู้ติดเชื้อใหม่ 14 ราย ที่น่าตกใจคือ พบผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงเทพฯ 2 ราย เชียงรายอีก 9 ราย และ พบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการมากขึ้น เช่น วันที่ 5 ธันวาคม ศบค.แถลงพบผู้ติดเชื้อใหม่ 19 ราย เมื่อดูรายละเอียดก็พบว่า เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอะไรเลยสูงถึง 8 ราย เกือบ 50% ถ้าผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกกักตัว 14 วัน ก็คือ ตัวแพร่เชื้อชั้นดี แสดงว่าการกักตัว 14 วันยังไม่เพียงพอ เชื้อยังไม่แสดงอาการ ใครที่คิดจะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน 7 วัน ต้องไปคิดใหม่แล้ว
ลองไปดู ไทม์ไลน์ ของ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สองรายใหม่ในกรุงเทพฯ เสียหน่อยครับ จะได้ระมัดระวังตัวกันไว้ คนแรกเป็นหญิงไทยอายุ 26 ปี วันที่ 6 พ.ย. เดินทางจากเชียงรายข้ามไป สถานบันเทิงท่าขี้เหล็ก ร่วมกับ ชายไทย (สาวประเภทสอง) อายุ 30 ปี จนถึง วันที่ 27 พ.ย. ก็เดินทางกลับไทยทางช่องทางธรรมชาติ เข้าพักที่โรงแรมในแม่สาย วันที่ 28 พ.ย. ไปซื้อของที่ตลาดด้วยกันตั้งแต่ 10.00-17.00 น. ช่วงเย็นไปเที่ยวถนนคนเดินในแม่สาย วันที่ 29 พ.ย. ไปเดิน วัดพระธาตุดอยเวา กินข้าวร้านตามสั่งในตลาดแม่สาย
...
วันที่ 29 พ.ย. หญิงอายุ 26 ปีเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน ไทยสไมล์เที่ยวบิน WE137 ใช้บริการแท็กซี่ สนามบินสุวรรณภูมิ ไปโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรม ส่วนผู้ชายสาวประเภทสองวัย 30 ปียังอยู่เชียงราย เริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้ต่ำพักในโรงแรมแม่สาย จนถึงบ่ายก็เรียกแท็กซี่ไป สนามบินเชียงราย โดยสวมหน้ากาก ช่วงค่ำเดินทางกลับกรุงเทพฯโดยสายการบิน ไทยไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL545 สองทุ่มถึง สนามบินดอนเมืองนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
ผู้ชายไปตรวจที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน พบติดเชื้อโควิด-19 ส่วน ผู้หญิงอายุ 26 ก็ไปเป็นเพื่อน แต่เริ่มมีอาการป่วยในช่วงเย็น วันที่ 5 ธ.ค.ไปตรวจก็พบติดเชื้อโควิด-19
ดูไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงเทพฯสองคนนี้แล้ว สยองไหมครับ ตั้งแต่ ประชาชนในแม่สาย ผู้คนในสนามบินเชียงราย ผู้ร่วมเดินทางสองเที่ยวบินอีกหลายร้อยคน ผู้คนในสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สาวไปอาจต้องตรวจเชื้อกันหลายพันคน
วันนี้ เมียนมา เป็นประเทศเพื่อนบ้านไทยที่อันตรายที่สุด ตัวเลขล่าสุดมีผู้ติดเชื้อโควิด–19 เกือบ 100,000 คนแล้ว ตายกว่า 2 พันคน และยังติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นด้วยกับ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในช่วง 2 สัปดาห์นี้ เพื่อ “รักษาวันปีใหม่” ให้กับคนไทย ดีกว่าเสี่ยงล้มยาว
เป็นเรื่องด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรีบตัดสินใจทันที
ถ้าเจอระบาดรอบสอง ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์มีแบ็กแข็งขนาดไหน ประชาชนก็ไม่ให้อภัย เพราะรู้ภัยล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่เร่งป้องกัน ทั้งที่มีอำนาจฉุกเฉินอยู่ในมือ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”