กลุ่มราษฎรจัดแกงหม้อใหญ่ให้ ตร.อีกรอบ หลอกหัวปั่นระดมตู้คอนเทนเนอร์-ลวดหนามหีบเพลง ขวางหน้า ร.1ฯ เป็นแนวยาวกว่า 1 กม. ก่อนย้ายไปหน้า “ราบ 11 บางเขน” แทน ตำรวจต้องระดมซากรถ-รั้วหีบเพลงวางแนวสกัด “เพนกวิน” อ้างเป็นหน่วยสลายชุมนุมการเมือง “หมวดสันติบาล” แจ้งความฉุนถูกรวบกลางม็อบ อาชีวะปกป้องสถาบันตอกย้ำจุดยืน พท.ลุ้นศาล รธน.ฟัน “บิ๊กตู่” ชี้ถ้าพ้นเก้าอี้ทุกอย่างดีแน่ “ชวน” นัดถก พ.ร.บ.ประชามติไม่กลัวม็อบกดดัน
กลุ่มราษฎรเปิดปฏิบัติการแกงใส่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง หลังนัดชุมนุมหน้า ร.1 ทม.รอ. ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จนเจ้าหน้าที่ระดมขนตู้คอนเทนเนอร์ รั้วลวดหนามหีบเพลงวางแนวสกัด แต่สุดท้ายแกนนำกลุ่มราษฎรประกาศย้ายที่ชุมนุม ไปเป็นที่หน้า ร.11 ทม.รอ. บางเขนแทน
ตร.ขนตู้คอนเทนเนอร์ขวางม็อบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศและความเคลื่อนไหวบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต หลังแกนนำกลุ่มราษฎรประกาศนัดชุมนุมช่วงเย็นวันนี้ (29 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ได้นำตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากมาวางเป็นแนวยาว ปิดถนนช่องทางคู่ขนานระยะทางยาวประมาณ 1 กม. พร้อมนำลวดหนามหีบเพลงวางเป็นแนวกั้นหลายชั้นทั้งด้านหน้าและบนหลังตู้คอนเทนเนอร์ ป้องกันไม่ให้กลุ่มราษฎรเข้าประชิดหน้าหน่วย ทำให้ต้องปิดการจราจรช่องทางคู่ขนานไม่ให้รถวิ่ง ให้ไปช่องทางด่วน ทำให้มีจำนวนรถสะสมค่อนข้างหนาแน่น และยังมีการวางลวดหนามหีบเพลงบนสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดี ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรข้ามถนนได้
...
เจอแกงอีกย้ายไปหน้าราบ 11
ต่อมาเวลา 10.00 น. เฟซบุ๊กเพจกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โพสต์ข้อความแจ้งเปลี่ยนสถานที่ชุมนุม ระบุว่า “แบบนี้จึงต้องขอย้าย! ประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่จาก “ราบที่ 1” ไปเจอกันที่...“กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” พบกันวันนี้ เวลาบ่ายสามโมงเป็นต้นไป!! #ม็อบ 29 พฤศจิกา #29 พฤศจิกาไปราบ 11” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมกะทันหัน หรือที่มีภาษาเรียกเฉพาะในม็อบราษฎรว่าเป็นการแกง หรือหลอกเจ้าหน้าที่ในช่วงที่มีการนัดชุมนุมแบบแฟลชม็อบ หลอกให้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าสกัดขวาง และครั้งนี้ถือเป็นการแกงครั้งที่ 3
โดนพิษแกงม็อบไปแล้ว 3 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยุทธวิธีสับขาหลอกม็อบราษฎร หรือการแกง ครั้งแรกคือเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่นัดมวลชนแนวร่วมรวมตัวกันตามสถานีรถไฟฟ้า เพื่อรอสัญญาณทำกิจกรรม ก่อนจะประกาศภายหลังว่า Big Surprise คือไม่มีเซอร์ไพรส์ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่นัดชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ย่านเทเวศร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์และแท่งแบริเออร์ลวดหนามปิดล้อมบริเวณโดยรอบ ก่อนม็อบราษฎรจะประกาศยกเลิกเปลี่ยนมาเป็นที่ตึก SCB สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษกแทน และล่าสุดคือวันนี้
ระดมซากรถ-รั้วหีบเพลงสกัด
จากนั้นเวลา 12.00 น. ที่บริเวณด้านหน้า ร.11 ทม.รอ. เจ้าหน้าที่เริ่มนำลวดหนามหีบเพลงและซากรถบัสตำรวจควบคุมฝูงชนที่ปลดระวางแล้ว มาปิดถนนบริเวณประตูทางเข้า-ออก พร้อมนำผ้าสแลนสีดำมาปิดป้ายชื่อหน่วย และเสริมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน โดยมีรถตู้และรถควบคุมผู้ต้องขังเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก มีการใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารบินลาดตระเวนต่ำภายในกรมฯ พร้อมเตรียมรถฉีดน้ำแรงสูง ควบคุมฝูงชน 2 คันไว้รับมือม็อบ จนเวลา 12.30 น. ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ฝั่งตรงข้าม ร.11 ทม.รอ. ทีมการ์ดอาสา “วีวาเลนเทียร์” ติดปลอกแขนสีเขียว นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ จำนวนหนึ่งเข้า ปักหลัก เตรียมจัดพื้นที่ชุมนุมตามที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และคณะแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเป็นหัวหอกนัดหมาย นายปิยรัฐกล่าวว่า เป้าหมายหลักไม่ได้อยู่ที่ ร.1 ทม.รอ. แต่เป็นที่ ร.11 ทม.รอ.ตั้งแต่ต้น เป็นการสับขาหลอก หรือแกงเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงไม่มีกำลังเพียงพอจะเคลื่อนย้ายแบริเออร์และตู้คอนเทนเนอร์มาบริเวณนี้ได้ทัน
“เพนกวิน” เผยเหตุต้องย้ายที่
กระทั่งเวลา 15.00 น. กลุ่มมวลชนแนวร่วมคณะราษฎร ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทยอยเดินทางมารวมตัวชุมนุมกันบริเวณสกายวอล์กสถานีรถไฟฟ้า BTS วัดพระศรีมหาธาตุ วงเวียนบางเขน และสองข้างทางถนนพหลโยธิน เพื่อรอแกนนำกลุ่มราษฎรนำเดินขบวนไปทำกิจกรรมต้านรัฐประหารที่หน้า ร.11 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นำตั้งขบวนที่หน้าสถานีดับเพลิงบางเขน นายพริษฐ์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องย้ายมาชุมนุมที่ ร.11 เพราะรัฐมีการนำตู้คอนเทนเนอร์ และลวดหนามมาขัดขวาง จึงต้องเปลี่ยนมาชุมนุมที่นี่แทน เพราะสื่อได้เหมือนกันเนื่องจากทั้ง 2 กรมถูกโอนย้ายเป็นกองกำลังรักษาพระองค์ และยังมีส่วนใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง รวมทั้งมีส่วนในการทำปฏิวัติ
นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ปราศรัยผ่านเครื่องขยาย เสียงว่า ขอเรียก ร.11 ว่าเป็นกองบัญชาการสังหารคนเสื้อแดง เราไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แต่มาเพื่อปลดอาวุธ ก่อนหน้านี้เราประกาศว่าจะไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ ร.1 แต่ปรากฏว่ามีการนำตู้คอนเทนเนอร์ไปขวาง เลยต้องมาที่นี่แทน ทหารในบ้าน พล.อ.ประยุทธ์เลยต้องกินแกงเขียวหวานไก่ใส่สลิ่ม
ประสานทีมการ์ดอาสาใกล้ชิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมการ์ดอาสาเริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่ที่เป็นสิ่งกีดขวางหน้าประตู ร.11 เพื่อใช้เป็นเวทีปราศรัยของแกนนำ ใช้คีมตัดลวดแผงเหล็กกั้น และเข็นซากรถบัส 3 คัน ที่เจ้าหน้าที่นำมาจอดขวางออกไป โดยไม่สนใจคำเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำคณะราษฎร กล่าวว่า วันนี้ได้ประสานงานกับการ์ดหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ wevo ที่เป็นแม่งานวันนี้ เบื้องต้นเราพยายามขอใช้พื้นที่กับทางตำรวจ ยืนยันจะไม่บุกเข้าไปภายใน และไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หากไม่มีอะไรเป็นภัยต่อเรา และจะพยายามเจรจาขอพื้นที่สัญจรควรเปิดให้ประชาชนได้เดินทาง ที่ผ่านมาเราชุมนุมมาหลายจุดไม่เคยสร้างปัญหาอะไร ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่สวมชุดเหลืองเข้ามาในพื้นที่ ตรงนี้เราไม่มีปัญหา แต่หากเป็นม็อบจัดตั้งมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่งทัพเป็ดเหลืองนำบุกราบ 11
ต่อมาเวลา 18.00 น. หลังเคารพธงชาติเสร็จ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินหน้าอย่างเดียว เคลื่อนจากหน้าสถานีดับเพลิงบางเขน ตรงข้ามวัดพระศรีมหาธาตุ มุ่งหน้าไปยัง ร.11 โดยการ์ดผู้ชุมนุมตั้งแถวนำหน้า และมีตุ๊กตายางเป็ดเหลือง สัญลักษณ์ของการชุมนุมเป็นทัพหน้าในการเคลื่อนทัพ มีแกนนำทุกคนอยู่บนรถ และมวลชนที่เหลือเป็นขบวนยาวเกือบ 500 เมตร นอกจากนี้ ระหว่างการเดินขบวนผู้ชุมนุมได้มีการเปิดเพลง และแฟลชโทรศัพท์มือถือส่องสว่าง สร้างสีสันตลอดทาง ทั้งนี้ มีกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง นำโดยกลุ่ม ต.โทรโข่ง ที่ประกาศยุบเวทีจากบริเวณลานจอดรถหน้าห้างบิ๊กซี (ห้างอิมพีเรียลเดิม) สาขาลาดพร้าว ให้มวลชนมารวมตัวที่หน้า ร.11 เป็นจุดเดียวกัน
“อานนท์” ลั่นเปิดแผลใหญ่
เวลา 19.23 น. นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่ม ราษฎร ได้ขึ้นปราศรัยว่า พวกเราจะต่อสู้โดยไม่ใช้อาวุธ แต่เราจะค่อยๆเปิดแผลศักดินา เปิดแผลตรงไหนขยี้ตรงนั้น แล้วจะเรียกสื่อมาถ่ายทอดสดแผลนั้นด้วย ซึ่งวันนี้เป็นอีกแผลที่ใหญ่มาก เพราะปกติกองกำลังที่ติดอาวุธได้ต้องขึ้นตรงกับรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ วันนี้มีการแบ่งข้าราชการเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายตำรวจ ทหารธรรมดา กับคอแดง ฝ่ายหลังจะกร่างกว่าเพื่อน เร็วๆนี้เราจะเปิดแผลเรื่อยๆให้เห็น พรุ่งนี้ มะรืนนี้ รอฟังข่าวจากเพจหลักของเราอีกครั้ง สถานที่ที่เราจะไปแซ่บแน่ๆ รับรองว่าแซ่บ ข้อมูลที่เราจะปราศรัย ขอบอกว่าคนบางคนถึงกับสะดุ้ง คิ้วกระดก ย้ำว่ายุทธวิธีเราคือเปิดแผลเน้นๆ แล้วเราจะชนะร่วมกัน ต่อมานายพริษฐ์อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องของกลุ่ม พออ่านเสร็จมีมวลชนที่อยู่ด้านหลังเวทีปราศรัย พับแถลงการณ์เป็นจรวดกระดาษ พุ่งเข้าไปภายใน ร.11ฯ รวมถึงมีมวลชนบางส่วนโปรยแถลงการณ์ลงมาจากสะพานลอย
เทสีแดงรำลึกสลายชุมนุม 99 ศพ
จากนั้นเวลา 21.45 น. ช่วงหนึ่งที่มีแนวร่วมเสื้อแดงขึ้นปราศรัยถึงเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 แกนนำบนเวทีได้แจ้งกับมวลชนให้ยืนไว้อาลัย และให้นำสีแดงเทสาดบนพื้นถนน หน้า ร.11ฯ เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์รำลึกเหตุการณ์สลายคนเสื้อแดง ที่เจ้าหน้าที่ฆ่าคนไทย 99 ศพ
เป็ดเหลืองร่วม “ราษฎรชัยนาท”
วันเดียวกันเวลา 11.00 น. ที่บริเวณสี่แยกไฟแดง แขวงการทาง จ.ชัยนาท นายอธิปัตย์ มณีนุตร อายุ 36 ปี ฝ่ายประสานงานคณะราษฎรชัยนาท พร้อมทีมงาน ขนเป็ดเหลืองหรือที่ตั้งชื่อเรียกกันว่า “กรมหลวงเกียกกาย พลเอกเป่าแล้วฟูฟู่” จำนวน 3 ตัว มีมประจำม็อบที่โด่งดังไปทั่วโลก เสมือนสัญลักษณ์การเคลื่อนไหวทางการเมือง และใส่ชุดมาสคอตเป็ดอีก 2 ชุด เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หวังให้คนชัยนาทตื่นตัวทางการเมือง และชวนแนวร่วมไปชุมนุมหน้า ร.11ฯ เพื่อร่วมกันต่อต้านรัฐประหาร
สันติบาลแจ้งความถูกม็อบรวบ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวว่า การนัดชุมนุมที่บริเวณหน้า ร.1ฯ และร.11ฯ ทั้งสองจุดไม่ได้แจ้งการชุมนุม ถือเป็นการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการชุมนุมที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ผู้จัดได้แจ้งการชุมนุมเป็นที่เรียบร้อย เวลาตั้งแต่ 16.00-21.30 น. มั่นใจในมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ พร้อมเตรียมความพร้อมอุปกรณ์รถควบคุมฝูงชน เป็นไปตามมาตรการและแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่กังวลในเรื่องของมือที่สามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความรุนแรงขึ้น ตำรวจสืบสวนหาข่าวต่อเนื่อง ส่วนกรณีผู้ชุมนุมเปลี่ยนจุดชุมนุมไปเรื่อยนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจนครบาลรักษาความสงบเรียบร้อยทุกจุด ส่วนกรณีการ์ดผู้ชุมนุมเผยแพร่คลิปไปจับกุมตำรวจนอกเครื่องแบบได้ที่บริเวณสะพานลอยวันที่ชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวนั้น เป็นตำรวจยศ ร.ต.ต. สังกัด สันติบาล แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีกับกลุ่มการ์ดราษฎรแล้ว
อาชีวะปกป้องสถาบันย้ำจุดยืน
ช่วงเย็นที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และภาคีทุกภาคส่วน จัดกิจกรรม “รวมพลังปกป้องสถาบัน” ให้ความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยมีวิทยากรสลับกันมาพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ ความผูกพันที่มีต่อสถาบัน พร้อมรำลึกถึงคุณูปการของสถาบันที่มีต่อคนไทยมายาวนาน ย้ำจุดยืนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง “จะมาไล่รัฐบาลประยุทธ์ก็ไล่ไป จะเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญเราไม่ยุ่ง แต่ยอมไม่ได้ที่จะมีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” จนเวลา 18.00 น. ทางกลุ่มร่วมยืนเคารพธงชาติแสดงพลังปกป้องสถาบัน
ย้ำ “บิ๊กตู่” พ้นเก้าอี้ทุกอย่างดีแน่
ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลการใช้บ้านหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ทั้งที่เกษียณราชการมานาน พร้อมยื่นร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาทหรือไม่ โดยนัดวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค.นั้น ขอให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม เพราะจะเป็นบรรทัดฐานของประเทศต่อไป หากมองทั้งด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์แล้ว กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องมีเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง จะเป็นประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองพร้อมกัน ทางด้านเศรษฐกิจการจะช่วยลบภาพของรัฐบาลที่สืบทอดมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ช่วยฟื้นความเชื่อมั่น ด้านการเมือง การที่ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะนักศึกษาและนักเรียนออกมาชุมนุมขับไล่ หาก พล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่ง จะทำให้หยุดการชุมนุมได้ แต่หากยังดำรงตำแหน่งอยู่ ประเทศจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น และปัญหาอาจลามไปถึงเรื่องอื่นด้วย
พท.ฉะคิดรัฐประหารสุดล้าหลัง
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสการทำรัฐประหารที่มีต่อเนื่องว่า หากรัฐบาลคิดจะทำรัฐประหารจริง ย่อมมีผลกระทบต่อการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการรัฐประหารครั้งล่าสุด ที่กลุ่มผู้สนับสนุนหวังว่าจะให้เกิดการปฏิรูปประเทศ แต่ข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเกือบ 7 ปี การปฏิรูปประเทศไม่เดินหน้า ที่สำคัญยังมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือใช้กำจัดผู้เห็นต่างอย่างชัดเจน อย่างล่าสุดมีการนำมาตรา 112 มาใช้กับผู้เห็นต่างในทางการเมือง แม้ศาลจะยังไม่มีคำสั่งใดออกมา แต่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลที่มีพื้นฐานจากการรัฐประหารเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางประชาธิปไตย ดังนั้น การทำรัฐประหารไม่ว่าจะในมุมมองใด ในสถานการณ์และบริบทโลกปัจจุบันย่อมทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้าหลัง
“นพดล” ห่วงปฏิรูปศึกษาไม่คืบ
นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมาผลสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษายังไม่เกิดขึ้นอย่างน่าพอใจ ที่พอจะเห็นชัดมี 2 เรื่อง คือ การผ่านกฎหมายการศึกษาปฐมวัย และการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นอกนั้นผลสัมฤทธิ์ในเรื่องใหญ่ๆยังไม่ชัด โดยเฉพาะเรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษา แต่คงไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะพอจะประเมินได้จากการดำเนินการที่ผ่านมา แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จในเรื่องใหญ่ๆ มากกว่านี้ กำหนดทิศทางให้ชัด จัดลำดับปัญหาให้ดีอะไรควรทำก่อนหลัง ใช้ความพยายามเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่า เนื่องจากประเทศต้องการพัฒนาทุนมนุษย์เป็นการด่วน เริ่มจากการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างก้าวกระโดด พรรคเพื่อไทยยกเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ และเตรียมนโยบายและแนวทางไว้แล้วเพื่อเสนอต่อพี่น้องประชาชนในโอกาสต่อไป
“อุเทน” กระทุ้ง “บิ๊กตู่” จริงใจแก้ รธน.
นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พิจารณารายชื่อกรรมาธิการฯ และเงื่อนเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะ กมธ.ในสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง ส.ว.บางคน ล้วนมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 และมีธงขัดแย้งต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่วงหน้า อาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ราบรื่น อีกทั้งกรอบเวลาร่างถึง 240 วัน หรือแปดเดือน เป็นกรอบเวลาที่ยาวนาน หากรวมเวลาทุกกระบวนการไปจนถึงการทำประชามติ อาจทอดเวลายาวเกือบ 2 ปี จึงมองได้ว่ารัฐบาลยื้อเวลา เพื่ออยู่ในตำแหน่งจนเกือบครบวาระใช่หรือไม่ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แสดงความจริงใจเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
“ชวน” นัดถก พ.ร.บ.ประชามติ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภากล่าวว่า นัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวันที่ 1 ธ.ค. ที่จะถึงว่า ได้บรรจุไว้ในระเบียบวาระการประชุมแล้ว ส่วนจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกดดันที่หน้าอาคารรัฐสภาอีกหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหา เพราะสภาเปิดกว้างสำหรับการทำกิจกรรมอยู่แล้ว สำหรับญัตติด่วนของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ขอให้รัฐสภามีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญนั้น ได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบ วาระการประชุมร่วมรัฐสภาแล้วเช่นกัน จะพิจารณาไปตามลำดับ
ปชป.โวพร้อมลุยสนาม กทม.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่นในส่วนของ กทม.ว่า พรรคเตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งท้องถิ่นใน กทม. ทั้ง 1.ด้านนโยบาย 2.ด้านบุคลากร ตั้งแต่ผู้ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) พรรคจะเปิดรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ จากนั้นจะมีกระบวนการพิจารณาผู้สมัครต่อไป หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการภายในของพรรคที่จะทำการสรรหาผู้สมัครที่มีศักยภาพ และมีแนวคิดในการทำงานที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคต่อไป
สถานการณ์การเมืองไม่ส่งผล
อีกเรื่อง นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯรับทราบรายงานบริษัท S&P Global Ratings (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย ไว้ที่ระดับ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ และยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย. ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะทั้งสิ้น 7.8 ล้านล้านบาท ยังคงอยู่ภายใต้ กรอบวินัยทางการคลังที่กำหนด และคาดเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น เป็นผลจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมโควิดได้ อีกทั้งรัฐบาลยังสนับสนุนการลงทุนต่อเนื่อง