นายกฯโอดไม่อยากให้มีม็อบ 14 ต.ค. ยกช่วงนี้คนทำบุญทอดกฐินไม่ควรมาทำลายบรรยากาศการกุศล “ธนาธร” ลั่นคณะก้าวหน้าร่วมชุมนุมแน่นอน แต่ไม่ขึ้นเวทีปราศรัย “วรชัย” โต้เสื้อแดงที่ไม่ทรยศมาชุมนุมแน่ ศาลแขวงขอนแก่นให้ประกันตัว “ไผ่-เพนกวิน” กับพวก ลุยปลุกชาวบ้านเข้ากรุง สู้ม้วนเดียวจบ “ทวิตเตอร์” แหกหน้ากองทัพบกไทย สั่งปิด1,594 แอ็กเคาต์ไอโอ 5 ประเทศ ไทยครองแชมป์ 926 แอ็กเคาต์ไอโอ ทบ.ปั่นเชียร์รัฐบาลกับกองทัพไล่ขย้ำฝ่ายค้าน แต่ไม่เวิร์ก เกินครึ่งไร้คนติดตาม รอง เสธ.ทบ.โต้ไม่มีแผนใช้ทวีตอวตาร โรมบี้ “บี” จัดการอย่ามือถือสาก ปากถือศีล “วิโรจน์” ซัดผลาญภาษีปลุกปั่นต้องโดน ม.116 พท.อัดป่วนสังคมแตกแยก “คณะก้าวหน้า” ชิงเปิด 32 ผู้สมัครนายก อบจ.ปากน้ำเดือด “พปชร.-ชนม์สวัสดิ์” ส่ง “ตู่-นันทิดา” ลงสู้
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเครือข่ายประชาธิปไตยในนาม “คณะราษฎร” ในวันที่ 14 ต.ค. ทำให้ความร้อนแรงทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้นมาอีกครั้ง โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เดินทางเข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม คาดว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือม็อบ
...
ผบ.ตร. พบนายกฯคาดถกรับม็อบ
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 9 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมเข้าทำเนียบรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.เข้าพบที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า คาดมารายงานสรุปสถานการณ์ เตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ประกาศชุมนุมยืดเยื้อ
ยืนยันไม่ขัดแย้งพรรคการเมือง
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายกฯเดินทางไปที่รัฐสภาเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ห้องทำงานชั้น 3 เพื่อเรียนเชิญร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา ในวันที่ 22 ต.ค. เวลา 17.00 น. ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย กทม. นายชวนได้มอบต้นลิ้นมังกรให้เป็นที่ระลึก ขณะที่นายกฯมอบเหรียญพระพุทธรูป พระพุทธเมตตาเสนานาถให้นายชวน จากนั้นนายกฯเปิดเผยว่า มาเพื่อเชิญนายชวนในฐานะผู้ใหญ่ไปร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพบิดา นายชวนมอบต้นลิ้นมังกรให้ ชื่อดูน่ากลัวแต่ไม่ได้มีความหมายอะไร ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ และได้หารือการทำงานในสภา ยืนยันกำชับทุกคนกวดขันปราบปรามทุจริตให้ดีที่สุด และตนไม่ได้ขัดแย้งกับใคร โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองต่างๆ ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้หารือ เป็นเรื่องของ กมธ. พิจารณา เมื่อเปิดประชุมมาคงนำไปดูว่าจะรับร่างใด ตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่
ย้ำอีกละเมิดสถาบันยอมได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการชุมนุมใหญ่วันที่ 14 ต.ค. ว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้บ้านเมืองสงบ ปลอดภัย มีเสถียรภาพ ไม่ได้หวังเป็นศัตรูกับใคร อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็โดนอาญามาตรา 157 ทุกคนรู้กฎหมายทุกตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากโดนกระบวนการทางกฎหมายก็อย่าทำ ต้องไปดูจุดมุ่งหมายของพวกเขาว่าทำเพื่ออะไร ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลปี 57 ไม่ได้ต้องการเข้ามา แต่ให้ย้อนไปดูว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น จะว่าตนไปจำกัดสิทธิและทำลายใครไม่ได้ทำ เพียงแต่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน ไม่ได้ก้าวล่วง พยายามรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 ฝ่าย หลีกเลี่ยงเผชิญหน้า ถ้าเขาไม่ไปละเมิดและไปก้าวล่วงสถาบันหรือไปด่าใครก็ไม่มีปัญหา แต่ถามว่าตอนนี้เขาทำไปเพื่ออะไร พวกเรายอมตามที่เขาเสนอมาได้หรือ ที่เขาเกลียดชัง ไม่เคารพสถาบัน คิดว่าประเทศไทยคงอยู่ไม่ได้หรอก
คนทอดกฐินไม่ควรทำลายบรรยากาศ
เมื่อถามว่า มีการชุมนุมในเส้นทางเสด็จพระราช ดำเนินไปพระบรมมหาราชวังวันที่ 14 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีแผนอยู่แล้วในการถวายความปลอดภัย และคงมีประชาชนออกมาเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งใช้สถานการณ์ช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาอันมงคล ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้ชั่ว ช่วงนี้เป็นช่วงพระราชทานผ้าพระกฐิน เขาทำบุญกันทั้งประเทศ มาทำลายบรรยากาศการกุศลได้อย่างไร ไม่ควรเลยโตๆกันแล้ว ฝากทุกคนช่วยนายกฯดูแลบ้านเมืองหน่อย เพื่อลูกหลานเรา อย่าทำลายอนาคตด้วยการทำอะไรที่รู้เท่า ไม่ถึงการณ์ โดยเจตนาไม่บริสุทธิ์ คนไทยด้วยกันไม่ว่าจะใครเกิดในเมืองไทยทั้งสิ้น อย่าลืมแผ่นดินชาติเกิดตรงนี้ไม่ว่าจะมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นคนจนคนรวยก็เกิดแผ่นดินผืนนี้ เขาปกป้องมาเท่าไหร่บรรพบุรุษ พระมหากษัตริย์กี่พระองค์ จนเรามีที่อยู่ตรงนี้ ถือว่าดีที่สุดในอาเซียน แล้วจะทำลายไปทำไม เศรษฐกิจก็แย่งอมอยู่
“อนุชา” บอกแค่เปลี่ยนชื่อดึงแนวร่วม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่กังวล ไม่เห็นว่ามีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อนหรือจะนำไปสู่สถานการณ์เลวร้าย คงอยู่ในกรอบตามที่เขาดำเนินมา ไม่แตกต่างไปกว่าเดิม ที่เปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มคณะราษฎร เป็นธรรมดาที่ยังไม่สำเร็จจึงเปลี่ยนรูปแบบเพื่อหาแนวร่วมเพิ่มเติม อยากวิงวอนนิสิตนักศึกษาหันหน้ามาคุยกันหาทางออกให้ประเทศ รัฐบาลและนายกฯจริงใจ เป็นห่วงลูกหลานทุกคน ไม่คิดมาดร้ายหรือคุกคาม แต่บางครั้งผู้ชุมนุมอาจเกินเลยขอบเขตกฎหมายรู้อยู่แก่ใจว่ามันเกินเลยแล้ว แต่ผู้เกี่ยวข้องก็อะลุ้มอล่วยให้
“วรชัย” โต้เสื้อแดงไม่ทรยศมาชุมนุม
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า วันที่ 14 ต.ค. นักศึกษาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอุดมการณ์ตรงกับคนเสื้อแดง เชื่อว่าคนเสื้อแดงทุกคนและแกนนำที่ไม่ทรยศขายตัว มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยคงออกมาร่วมสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย และต้องการรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง การชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นสานต่ออุดมการณ์ของคนเสื้อแดง วันนี้ไม่ใช่แค่คนเสื้อแดง แต่คนเสื้อเหลืองหลายกลุ่มก็มีความคิดเห็นเหมือนกันที่ต้องการประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ต้องการผู้บริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถ ปัญหาหนักสุดคือปากท้องที่มาพร้อมวิกฤติการกดขี่ข่มเหงจากอำนาจเผด็จการคุกคามประชาชน จึงเชื่อว่าจะมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก
“ธนาธร” แซะ รบ.พร้อมเปลี่ยนหรือไม่
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า คณะก้าวหน้าจะไปร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.แน่นอน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนได้ส่งเสียงและความต้องการของพวกเขาแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งไหนที่นิสิต นักศึกษา เยาวชน เคลื่อนไหวด้วยข้อเรียกร้องเดียวกันทั่วประเทศอย่างกว้างขวางเช่นนี้ ผู้มีอำนาจพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและพร้อมจะรับผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาแล้วหาทางออกร่วมกันหรือไม่ เมื่อถามว่า มีการทาบทามให้ขึ้นปราศรัยบนเวทีหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ”
600 ศิษย์เก่า มธ.ต้านจาบจ้วง
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ ตัวแทนกลุ่มธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม โดยศิษย์เก่าคณะต่างๆกว่า 600 คน มอบหมายนายอาณัศ ช้างอินทร์ ศิษย์เก่านิติศาสตร์ มธ.รุ่น 09 เป็นตัวแทน แถลงข่าวคัดค้านนักศึกษา มธ.เคลื่อนไหวทางการเมือง นำชื่อ มธ.ไปใช้เสื่อมเสีย นายอาณัศกล่าวว่า ได้ออกแถลงการณ์ถึงนางเกศินี วิฑูรย์ชาติ อธิการบดี มธ. ให้เร่ง 1.ดำเนินคดีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่บุกรุกชุมนุมใน มธ. 2.ให้สั่งห้ามใช้ชื่อ มธ.ชุมนุมลักษณะปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ 3.ขอให้ลงโทษนักศึกษาที่ฝ่าฝืนตามกฎระเบียบ และ 4.สั่งห้ามอาจารย์ มธ.สอนหนังสือแฝงเนื้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ มธ.มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วจริง แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำดีเราไม่ห้ามจะไปว่ารัฐบาลหรือแก้รัฐธรรมนูญว่าไป แต่ไม่ควรไปจาบจ้วงสถาบันฯ
“ไผ่-เพนกวิน” นำทีมพบอัยการ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) นายธนภณ เดิมทำรัมย์ (อาร์ต ยุ่น) นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง (เซฟ) และนายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม (หมอลำเเบงค์) ผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานอัยการ ฐานความผิดร่วมกันจัดกิจกรรมมั่วสุมในสถานที่แออัด ยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กรณีร่วมเดินขบวนกับกลุ่ม “ขอนแก่นพอกันที” ขณะเดียวกันมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาจัดกิจกรรมปราศรัยอยู่ที่หน้าสำนักงานฯ รอฟังคำสั่งอัยการ ส่วนนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน) ได้เดินทางเข้าพบอัยการในเวลาต่อมา ทั้งนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 จากนั้นนำตัวไปส่งศาลแขวงจังหวัดขอนแก่น
ปลุก ปชช.ร่วมม็อบสู้ม้วนเดียวจบ
หลังจากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว นายจตุภัทร์ได้นำกลุ่มเดินเท้าจากหน้าสำนักงานอัยการภาค 4 ไปยังศาลแขวง จ.ขอนแก่น เพื่อเชิญชวนประชาชนไปร่วมชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. สู้แบบม้วนเดียวจบ ก่อนนำสีสเปรย์พ่นลงบนถนนศูนย์ราชการ ข้อความว่า “อำนาจศาล” ในฝั่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนรักษาความสงบอยู่ ส่วนกลุ่มนายจตุภัทร์ยืนอยู่ฝั่ง “อำนาจประชาชน” มีเส้นสีแดงขีดกั้นกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจขอร้องห้ามพ่นสีสเปรย์ใส่ถนน จนเกือบกระทบกระทั่งกัน เมื่อพ่นสีสเปรย์สำเร็จจึงพากันเต้นจังหวะ 3 ช่าอย่างสนุกสนาน ก่อนเข้าไปในศาล อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวทั้ง 5 คน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์และให้มารายงานตัวต่อศาลวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 13.00 น.หากไม่มาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท และออกหมายจับทันที
เด็กโคราชปักหมุดกลางลาน “ย่าโม”
ช่วงเย็น ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา กลุ่มเครือข่ายเยาวชน นักเรียนมัธยมศึกษา นิสิต นักศึกษากว่า 100 คน นำโดยนายกฤติพงศ์ ปานสูงเนิน นักศึกษา ม.ราชภัฏนครราชสีมา แสดงพลังทวงคืนประชาธิปไตย จัดกิจกรรม #โคราชจะไม่ทน “มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2563” “ปักหมุดคณะราษฎร ใจกลางเมืองโคราช หมุดแรกของโคราช” เชิญชวนให้หยุดเรียนไปร่วมชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. จากนั้นเวลา 18.00 น. พากันยืนตรงชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติ ก่อนร่วมกันปักหมุดคณะราษฎรแท่นปูนพื้นกลางลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พร้อมส่งเสียงด่าสาปแช่งใครถอนหมุด คนรื้อ คนสั่ง เสื่อมลาภยศ สรรเสริญ ฐานันดรและเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งไม่พอใจถึงกับเอ่ยว่าใครอนุญาตให้ปักหมุดระวัง “ย่าโม” จะหักคอ
ตร.วอน “คณะราษฎร” แจ้งขอชุมนุม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า แกนนำยังไม่ได้แจ้งการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. ตำรวจคงใช้แผนเหมือนวันที่ 19-20 ก.ย. ตั้งด่านคัดกรองโควิด-19 และอาวุธ ยืนยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย อยากขอความร่วมมือผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย และการชุมนุมสาธารณะต้องแจ้งการชุมนุม ตำรวจจะได้ออกเงื่อนไขว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ กรณีผู้ชุมนุมประกาศปักหลักในเส้นทางเสด็จต้องเจรจาพูดคุยกับแกนนำเป็นหลักก่อน ตำรวจมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยสูงสุด ตอนนี้อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ ปรับการทำงานตามการข่าว มีแผนรองรับ ป้องกันมือที่สามสร้างการกระทบกระทั่ง อำนวยความสะดวกการจราจร ทีมงานโฆษก ตร. และ บช.น.จะแถลงเรื่องเส้นทางให้ทราบภายในสองวันนี้
ทวิตเตอร์ปิด 926 แอ็กเคาต์ไอโอ ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ฝ่ายดูแลความปลอดภัยการใช้ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ทวิตเตอร์ ได้เปิดเผยรายงานการตรวจสอบผ่านเว็บบล็อกทวิตเตอร์ว่า บริษัทได้ระงับบัญชีผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการข่าวสารของรัฐ (Information Operations : IO) หรือไอโอทั้งหมด 1,594 บัญชี ใน 5 ประเทศ ได้แก่ อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย คิวบา รัสเซีย และประเทศไทย เนื่องจากเจ้าของบัญชีเหล่านี้ละเมิดนโยบายการป้องกันการบิดเบือนข้อมูล ชี้นำเนื้อหาทวิตเตอร์ ในจำนวนนี้เป็นบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ของไทยถึง 926 บัญชี ทำให้พบเครือข่ายผู้ใช้งานที่เห็นชัดว่ามีความเชื่อมโยงกับกองทัพบกไทย และปฏิบัติ การไอโอสนับสนุนกองทัพบก สนับสนุนรัฐบาลพร้อมโจมตีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่มีบทบาทโดดเด่นชัดเจน ทวิตเตอร์จึงต้องปิดบัญชีทั้งหมด 926 บัญชีในไทย เมื่อวันที่ 8 ต.ค. และจะตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีบัญชีอื่นๆที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายเหล่านี้หรือไม่
แฉปั่นเชียร์ รบ.-กองทัพ ขยี้ฝ่ายค้าน
ส่วนศูนย์นโยบายไซเบอร์ มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เผยแพร่รายงานการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวในวันเดียวกันว่า บัญชีผู้ใช้งานไทยที่อยู่ในเครือข่ายปฏิบัติการไอโอมีทั้งหมด 926 บัญชี ใช้เผยแพร่เนื้อหาเชิงโปรโมตรัฐบาลและกองทัพ ควบคู่ไปกับการโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ในเดือน ก.พ.63 ช่วงเดียวกับเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา และช่วงการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยบัญชีส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นระหว่างเดือน ธ.ค.62-ม.ค.63 เกือบทั้งหมดยุติการทวีตไปก่อนวันที่ 2 มี.ค.
จับโป๊ะไร้ผล-เกินครึ่งไร้คนติดตาม
บทวิเคราะห์ยังได้สรุปด้วยว่า บัญชีผู้ใช้เหล่านี้ ถือเป็นปฏิบัติการข่าวสารที่ส่งผลกระทบระดับต่ำ มีผู้ติดตามน้อย และมีถึง 684 บัญชีที่ไม่มีผู้ติดตามเลย ขณะที่การสนทนาตอบสนองต่อผู้ใช้อื่นๆแทบไม่พบเห็น ไม่อาจดึงความสนใจจากสังคมได้ เปรียบเสมือนกับสนามกีฬาที่มีเพียงเชียร์ลีดเดอร์ แต่ไม่มีแฟนคลับ ทั้งนี้ ทวิตเตอร์จะเปิดโอกาสให้เจ้าของบัญชีที่ถูกระงับไปที่ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการไอโอของรัฐ ยื่นคำร้องขอกลับมาใช้งานได้ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. ทวิตเตอร์เคยสั่งระงับบัญชีผู้ใช้ 32,242 บัญชี ในจีน รัสเซียและตุรกี ที่พบว่าเชื่อมโยงกับปฏิบัติการข่าวสารของรัฐเช่นกัน
ทบ.โต้ไม่มีแผนใช้ทวิตอวตาร
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) โฆษก ทบ.กล่าวถึงกรณีที่ทวิตเตอร์ได้รายงานการระงับบัญชีผู้ใช้ในประเทศไทย 926 บัญชี ระบุเชื่อมโยงกับการปฏิบัติการไอโอของ ทบ.ว่า ยืนยันสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหมดที่ ทบ.ใช้เพื่อประชาสัมพันธ์งานของกองทัพ โดยเฉพาะงานช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น ภัยพิบัติ ต้องนำสื่อโซเชียลมีเดียมารายงานและติดตามสถานการณ์ สั่งการหน่วยในพื้นที่เข้าพื้นที่เร็วที่สุด เบื้องต้นได้ประสานยืนยันกับทวิตเตอร์ไปแล้วว่า ไม่ได้ใช้ในลักษณะตามที่ถูกกล่าวหา ทวิตเตอร์ที่อยู่ในระบบของ ทบ.ใช้แบบเปิดเผยชัดเจน มีคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ของศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทบ.ดูแลควบคุมการใช้ทั้งของกองทัพบก หน่วยขึ้นตรง รวมถึงกองพลและกองพันลงไป ทบ.ไม่มีนโยบายทำทวิตเตอร์อวตารเพื่อไอโอ
“โรม” จี้ “บี” ฟันอย่ามือถือสากปากถือศีล
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “ผมขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีดิจิทัล จัดการผู้อยู่เบื้องหลังบัญชีไอโอของกองทัพที่มีส่วนในการสร้างข่าวปลอมและสร้างความเกลียดชัง ท่านรัฐ-มนตรีให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องข่าวปลอม จะรอดูว่าท่านรัฐมนตรีจะมือถือสากปากถือศีลอีกรอบหรือเปล่า”
สับถลุงภาษีปลุกปั่นควรโดน ม.116
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ระบุว่าก่อนหน้านี้ผู้นำเหล่าทัพเคยให้คำมั่นสัญญาไม่มีขบวนการไอโอ แต่ชัดเจนแล้วสิ่งที่พูดไว้เป็นเรื่องไม่จริง เชื่อถือไม่ได้ น่าเจ็บใจคือกองทัพนำงบประมาณและทรัพยากรที่มาจากเงินภาษีมาใช้ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก เอาคำว่า ชังชาติ ล้มเจ้า มาปลุกปั่นประชาชน ไม่ใช่ความจงรักภักดี แต่เป็นการกระทำที่บังอาจ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท กลุ่มคนที่ควรถูกดำเนินคดีข้อหายุยงปลุกปั่นในมาตรา 116 ไม่ใช่นักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยแต่ต้องเป็นกลุ่มทหารที่ส่งไอโอมาปลุกปั่นทำให้ประชาชนแตกแยกกัน
ท้าชายชาติทหารขอโทษจะให้อภัย
นายวิโรจน์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะกมธ.งบฯปี 64 เคยถาม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. หรือ “พระอภิรัชตโน” กรณีไอโอเชื่อมโยงกับกองทัพ ก็ตอบว่าไม่มี ทำให้นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม.โต้กลับนายธนาธรว่า มีส่วนหรือเป็นเจ้าของขบวนการไอโอ วันนี้มีหลักฐานจากทวิตเตอร์ออกมา นายจุติต้องตอบและคงจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้ ส่วนที่ ทบ.ปฏิเสธถามว่าได้โหลดรายงานมาอ่านครบถ้วนหรือยัง รายงานบ่งชี้บางกรณีสถานที่ล็อกอินอยู่ในพื้นที่กองทัพ ยิ่งต้องชี้แจงว่าหละหลวมปล่อยให้กลุ่มบุคคลหรืออาจเป็นทหารนอกรีต บังอาจเจาะระบบเข้าไปปฏิบัติการในขอบข่ายกองทัพได้อย่างไร หากไอโอเป็นเรื่องจริงให้ยอมรับมาแบบชายชาติทหาร สังคมพร้อมให้อภัยแต่ต้องขอโทษประชาชน
พท.ซัดไอโอป่วนสังคมแตกแยก
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นสิ่งตอกย้ำชัดเจนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ใช้กองทัพเป็นเครื่องมือบิดเบือนข้อเท็จจริงทำสังคมแตกแยก เข้าใจผิดๆในหมู่ประชาชนและคนรุ่นใหม่ จนลุกลามไปสู่ความเกลียดชัง สะท้อนการคุกคามของรัฐบาลต่อประชาชน ทั้งในเชิงพฤติกรรมแสดงออกและเชิงความคิด เผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาล ปฏิบัติการไอโอ คือเครื่องมือสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เกิดหวาดระแวงและไม่เชื่อใจในหมู่ประชาชน รัฐบาลและกองทัพประชาชนไม่ได้ประโยชน์ใดเลย นอกจากรัฐบาลและกองทัพรักษาอำนาจ รัฐบาลควรชี้แจง นำข้อมูลมาเปิดเผย หากไม่ดำเนินการ ไม่มีข้อเท็จจริงมาหักล้าง คงเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นรัฐบาลจากอำนาจเผด็จการ
“จิรายุ” จ่อแก้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระองค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะ กมธ.ของสภาฯและวุฒิสภา 2554 ขัดหรือแย้งและมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ว่า การใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ส่วนใหญ่จะใช้กรณีข้าราชการหรือหน่วยงานรัฐที่ตั้งใจไม่มา มีเจตนาปกปิด กมธ.เป็นช่องทางเดียวที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมได้ ล่าสุดได้หารือกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายถึงการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.คำสั่งเรียก เพื่อนำมาพิจารณาแก้ไขวาระแรกของการเปิดประชุมรัฐสภา จะขอเพิ่มโทษให้สูงขึ้น จำเป็นต้องมีบทลงโทษเพื่อให้ผลการสอบสัมฤทธิผล และเขียนขั้นตอนให้รัดกุมสอดรับกับรัฐธรรมนูญ 2560 ต่อไป ในต่างประเทศทั่วไปก็ให้อำนาจนี้ไว้
อนุ กมธ.ข้างมากชี้แก้ รธน.ไม่ขัด รธน.
ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะโฆษกอนุกรรมาธิการพิจารณาเสนอความเห็นประเด็นข้อกฎหมาย ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ รัฐสภา กล่าวว่า อนุกรรมาธิการเสียงข้างมากจาก ส.ส.และนักวิชาการได้ข้อสรุปแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามกระบวนการมาตรา 256 แต่เสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว.เห็นว่ายังขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตั้ง ส.ส.ร. ส่วนการจัดออกเสียงประชามติ กมธ.เสียงข้างมากให้ทำประชามติหลังผ่านการแก้ไขวาระที่ 3 ก่อนที่นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ตามกระบวนการในมาตรา 256 วรรค 8 แต่เสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว. เห็นควรทำประชามติ 2 ครั้ง คือก่อนรับหลักการและก่อนที่นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากจะจัดการออกเสียงประชามติก่อนรับหลักการ กระบวนการยังอยู่ในชั้นนิติบัญญัติ ไม่มีอำนาจจัดการออกเสียงประชามติ และขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายการออกเสียงประชามติด้วย รวมถึงกระบวนการจัดการออกเสียงประชามติต้องใช้ ถึง 3 เดือน กมธ.มีเวลาเพียง 30 วัน จะนำข้อสรุปความเห็นเสนอต่อ กมธ.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค.
ประชามติต้องทำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ
นายนิกรกล่าวอีกว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยปี 2556 ที่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ต้องจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญว่า เป็นคนละประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 กรณีดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่ได้กำหนดให้ทำประชามติ แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้ทำประชามติก่อน นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน เห็นว่าทำได้เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำประชามติไว้อยู่แล้ว การตั้ง ส.ส.ร.จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ฉบับที่ 20 ของประเทศ ไม่ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือเป็นฉบับที่ 21 จะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดหรือไม่ ต้องรอ กมธ.ชุดใหญ่สรุป
“สงคราม” เฉ่ง “บิ๊กตู่” เลิกลอยตัว
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การที่คณะ กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการซื้อเวลาอ้างว่าต้องทำประชามติก่อนว่าจะเห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่ แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลต้องการซื้อเวลามากกว่า อยากให้รัฐบาลตรงไปตรงมา ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา เขียนรายละเอียดชัดเจน อ่านโดยละเอียดจะทราบถึงวัตถุประสงค์แก้ไขให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ฝ่ายใด แต่พยายามซื้อเวลาโจมตีฝ่ายค้าน ตีกินทางการเมืองเอาชั่วให้คนอื่น ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศที่กำลังประสบปัญหาทุกด้าน ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางออกดีที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องจริงใจ เลิกลอยตัวเหนือปัญหา ลงมาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะต้นตอของปัญหาคือ พล.อ.ประยุทธ์
“เทพไท” แฉ 10 ส.ว.ฮาร์ดคอร์ขวางลำ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กมธ.ซีก ส.ว.คัด ส.ว.ฮาร์ดคอร์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็น กมธ.รวม 10 คน บ่งบอกท่าทีจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จัดตั้ง ส.ส.ร. กำลังต่อต้านแนวนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ของรัฐบาลที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา แต่ยังมี ส.ว.อีกส่วนที่พร้อมจะสนับสนุนตามกระแสเรียกร้องของสังคม และมี ส.ว.ส่วนใหญ่ที่วางตัวเป็นกลางพร้อมรับฟังความเห็นสองฝ่าย แต่เมื่อทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เห็นด้วยต้องการให้ ส.ว.ลงมติรับญัตติร่างแก้ไขทั้ง 2 ฉบับ เป็นสัญญาณดีมาก อยากให้ส่งไปยัง ส.ว.ส่วนใหญ่ชัดๆให้เข้าใจความจำเป็นและรับรู้ท่าทีรัฐบาล ถ้ารัฐบาลจริงใจ ส.ว.84 คน คงไม่เกินความสามารถส่งสัญญาณให้มีเสียงสนับสนุนครบได้ไม่ยาก จะทำให้การชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดลงไปได้ระดับหนึ่ง
“ธนาธร” ลั่นล้างบ้านใหญ่ผูกขาด
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์เปิดตัวทีมผู้สมัครนายก อบจ.32 จังหวัดว่า อยากให้ประชาชนให้กำลังใจพวกเรา สัญญาว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับท้องถิ่น กำลังคัดเลือกอีก 7 จังหวัด จ.สมุทรปราการ เป็นพื้นที่เป้าหมาย ประชาชนคงเห็นแล้วว่าการเมืองท้องถิ่นที่ผ่านมาถูกยึดโยงกับบ้านใหญ่ ตระกูลการเมือง ในระดับ อบจ.หลายที่นำภาษีประชาชนไปเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว ถึงเวลาเปลี่ยนยุติระบบบ้านใหญ่ ระบบอิทธิพล และการซื้อเสียง
ไม่สน “เอ๋” ส่ง “ตู่ นันทิดา” ลงปากน้ำ
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวมีชื่อนางนันทิดา แก้วบัวสาย นักร้องชื่อดังและอดีตภรรยานายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้า จ.สมุทรปราการ จะลงสมัคร อบจ.สมุทรปราการ ในนามกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า จะทำให้ประชาชนสับสนกับคณะก้าวหน้าหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ไม่สับสน เพราะ ชื่อของพวกเราคือคณะก้าวหน้าที่ใช้ทั่วประเทศ เมื่อถามต่อว่า การเสนอชื่อ น.ส.นันทิดา เป็นการประกาศว่าเป็นพื้นที่บ้านใหญ่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า หลายจังหวัดเป็นการเมืองผูกขาดโดยบ้านใหญ่ของแต่ละจังหวัด ครอบงำทางการเมือง ประชาชนคงเห็นแล้วกว่า 10 ปีที่ผ่านมาท้องถิ่นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง หากไม่พอใจการเมืองท้องถิ่นปัจจุบัน ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ขอให้กล้าที่จะเปลี่ยนในการเลือกตั้งครั้งนี้
รบ.จัด ลต.ท้องถิ่น 20 ธ.ค.แสดงว่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเชื่อหรือไม่ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นภายในปี 2563 นายธนาธรกล่าวว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือวันเลือกตั้งท้องถิ่นว่าจะเป็น 13 ธ.ค. หรือ 20 ธ.ค. หากเป็น 20 ธ.ค. จะมีผลให้ประชาชนต้องกลับภูมิลำเนาถึง 3 ครั้ง เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวในวันรัฐธรรมนูญและเทศกาลปีใหม่ จึงไม่สมเหตุสมผล อาจทำให้ประชาชนไปเลือกตั้งน้อยลง คณะก้าวหน้าเห็นว่าควรจัดวันที่ 13 ธ.ค.หากรัฐบาลประกาศให้มีการเลือกตั้ง 20 ธ.ค.ก็เป็นความชัดเจนว่ากลัวความพร้อมของคณะก้าวหน้า อยากฝากไปถึง กกต.ว่าจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ยึดมั่นในความถูกต้อง ถ้าทำหน้าที่ในส่วนนี้ไม่ได้ และประชาชนเคลือบแคลงสงสัยหรือประชาชนไม่มีศรัทธาให้แก่องค์กรอิสระก็เท่ากับว่าท่านกำลังพาสังคมไทยไปสู่ทางตัน
เผยรายชื่อ 32 ผู้สมัครนายก อบจ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.ของคณะก้าวหน้า 32 จังหวัด ประกอบด้วย 1.จ.ฉะเชิงเทรา นายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ 2.จ.พะเยา นายชัยประพันธ์ สิงห์ชัย 3.จ.นครราชสีมา นายสาธิต ปีติวรา 4.จ.นครสวรรค์ นายศรัญ ฤกษ์อัตกร 5.จ.สุรินทร์ นายมานพ แสงดำ 6.จ.นครพนม นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ 7.จ.แพร่ นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ 8.จ.ร้อยเอ็ด นายสถาพร ว่องสันธพงศ์ 9.จ.สิงห์บุรี นายสุรชัย บุญลือ 10.จ.ลพบุรี นายฤทธิ์ พัวพันธ์ 11.จ.สมุทรสงคราม นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย 12.จ.สระบุรี นายวิทูลย์ แก้วสุวรรณ 13.จ.สมุทรสาคร นายอวยชัย จาตุรพันธ์ 14.จ.สุราษฎร์ธานี นายพงษ์ศักดิ์ โพธิครุประเสริฐ 15.จ.อุบลราชธานี นายเชษฐา ไชยสัตย์ 16.จ.หนองคาย นายกฤศภณ หล้าวงศา
17.จ.หนองบัวลำภู นายสมเกียรติ เชษฐสุมน 18.จ.พระนครศรีอยุธยา นายวัสพงศ์ วิทูรเมธา 19.จ.อ่างทอง นายโยธิน เปาอินทร์ 20.จ.อุดรธานี นายฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์ 21.จ.อุตรดิตถ์ นายปัณณวัฒน์ นาคมูล 22.จ.ราชบุรี นางภรมน นรการกุมพล 23.จ.ตาก นายคริษฐ์ ปานเนียม 24.จ.นครปฐม นายชัชวาล นันทะสาร 25.จ.นนทบุรี นายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ 26.จ.ระยอง นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ 27.จ.บึงกาฬ นายภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น 28.จ.พิษณุโลก นายณชพล พลอาสา 29.จ.ปราจีนบุรี นางกฤษณ์กมล แพงศรี 30.จ.พังงา นายสุทธิโชค ทองชุมนุม 31.จ.สกลนคร นายณรงค์เดช อุฬารกุล และ 32.จ.มุกดาหาร นายสุพจน์ สุอริยพงษ์
พปชร.ยังฝุ่นตลบไม่ตกผลึก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุมหัวหน้าภาค 9 ภาคของพรรค พปชร. เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า หัวหน้าพรรคแจกงานให้รองหัวหน้าพรรค เตรียมพร้อมเลือกตั้งนายก อบจ. แต่ยังไม่ชัดเจน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผู้ลงสมัครจำนวนมากจากหลายกลุ่ม หลายบริบท ต้องดูรายละเอียดกันสักพัก พูดคุยภายในระดับแกนนำพรรค เมื่อถามว่ามี ส.ส.บางจังหวัดจะสนับสนุนคนของพรรคอื่น เช่น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี สนับสนุนคนของพรรคภูมิใจไทย นายอนุชากล่าวว่า ต้องมาพูดคุยกัน บางครั้งเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.จะกำหนดกฎเกณฑ์ตายตัวคงไม่ได้
เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ ส่ง “นันทิดา” ลุย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า สนามเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรปราการ มีการวางตัว “ตู่” นางนันทิดา แก้วบัวสาย นักร้องชื่อดัง ปัจจุบันเป็นรองประธานหอการค้า จ.สมุทรปราการ ลงสมัครแข่งขันนายก อบจ.สมุทรปราการ ในนาม “กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า” ที่มีนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้า จ.สมุทรปราการ อดีตสามี เป็น แกนนำสำคัญ พร้อมเตรียมทีมผู้สมัคร ส.จ.เอาไว้ครบแล้ว แม้นางนันทิดาจะลงในนามกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า แต่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบัน ส.ส.สมุทรปราการ 7 เขต เป็นของพรรคพลังประชารัฐถึง 6 เขต
ปชป.นัด 18 ต.ค.เฟ้นคน ลต.ท้องถิ่น
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 18 ต.ค.จะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.บางพื้นที่ มีผู้ที่สนใจหลายคน พรรคเตรียมบุคคลที่มีศักยภาพ มีความรู้ความสามารถ ทำงานใกล้ชิดประชาชน แม้บางพื้นที่อาจไม่ได้ส่งลงในนามพรรค แต่สนับสนุนได้หลายรูปแบบ ยึดส่งเสริมให้คนดีเข้ามาทำงานท้องถิ่น อยากให้เดินหน้าเพื่อจัดเลือกตั้งจริง อาจมีนักการเมืองบางกลุ่มพยายามอ้างสารพัดเหตุ ไม่ให้มีการเลือกตั้ง
“วิสาระดี” ติงไม่เหมาะเปิด ปท.ตอนนี้
น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีแนวคิดเปิดให้คนต่างชาติเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยว่า แม้จะเลื่อนเวลาไปแต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม ถึงอ้างว่าสร้างรายได้ท่องเที่ยว แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อมนัก ล่าสุดการแพร่กระจายโควิด-19 ทั่วโลกยังอันตรายมาก ในไทยคนเดินทางกลับจากต่างประเทศยังติดเชื้อเข้ามา ถ้าเปิดประเทศจริงเชื่อว่าจะไม่สามารถควบคุมได้ เสี่ยงระบาดรอบ 2 อีกทั้งยังมีการติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาเกรงจะกระทบไทย โดยเฉพาะ จ.เชียงรายมีด่านธรรมชาติหลายจุด ขอฝ่ายความมั่นคงอย่าการ์ดตก ถ้ามีผู้ติดเชื้อคนเดียวจะแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว
คนเชียงใหม่บี้ กกต.คืน ส.ส.ให้ “สุรพล”
เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มประชาชน จ.เชียงใหม่ เขต 8 ประกอบด้วย อ.จอมทอง ดอยหล่อ สันป่าตอง และแม่วางกว่า 200 คน ไปรวมตัวกันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำ จ.เชียงใหม่ ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องคืนความเป็นธรรมแก่นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้อง กกต.นายสุรพลไม่ได้ทุจริตการเลือกตั้ง ระบุว่ายืนยันว่าคะแนนเสียงยังไม่สูญเสียหรือเป็นโมฆะ ขอให้ กกต.เชียงใหม่คืนความเป็นธรรมผู้แทนฯที่แท้จริงของราษฎรเขต 8 ถ้านิ่งเฉยจะยกระดับการเรียกร้อง โดยนายสมบัติ จอมมลทิล ตัวแทนชาวบ้าน อ.จอมทอง กล่าวว่า อีก 7 วันกลุ่มชาวบ้านจะมาขอคำตอบ ถ้าไม่มีคำตอบชัดเจน จะมาชุมนุมปักหลักกินนอนหน้า กกต.เชียงใหม่จนกว่าจะได้รับคำตอบชัดเจนที่น่าพอใจ
“พรเพชร” เซ็นตั้ง 6 ผู้ชำนาญการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาได้ลงนามในคำสั่งวุฒิสภา ที่ 22/2563 เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ประจำปีงบฯ 64 เพื่อเป็นที่ปรึกษาประจำ ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 50,000 บาท จำนวน 6 ราย ดังนี้ 1.พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 2.พล.อ.ท.ประกิต ศกุณสิงห์ เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านเศรษฐกิจและการพาณิชย์ 3.นางดวงพร เทียนทอง เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านการเมือง 4.นายจุมพล สงวนสิน เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านการเกษตรและการพาณิชย์ 5.นายคณิพงษ์ แขวัฒนะ เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านการเงิน การธนาคารและ 6.พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ เป็นผู้ชำนาญการของวุฒิสภา ด้านความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 เป็นต้นไป