ไม่นึกไม่ฝันว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริหารปกครองประเทศด้วยอำนาจเด็ดขาด ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี ยังไม่พ้น 5 ปีแรก รัฐธรรมนูญการปกครองปี 2560 ที่ คสช.ร่างมากับมือ กำหนดให้มี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ภายใต้ ความเห็นชอบของ ส.ว. 250 เสียง ที่มาจาก การคลอดของ คสช. และตั้งกับดักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาไว้ให้ยากที่สุดนับจากที่มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมา ภายใต้ฝีมือของนักร่างรัฐธรรมนูญมืออาชีพที่นำโดย มีชัย ฤชุพันธุ์ จะต้องมาตายน้ำตื้นจากฝีมือของพลังบริสุทธิ์ ที่ประกอบด้วย นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
ใครจะนึกว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในยุคนี้ จะต่างจากในอดีต ทั้งวิธีคิดและแนวทางในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ที่ผู้ใหญ่ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ฝ่ายเสธ.ของรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ตามไม่ทัน และคิดไม่ถึง ความพร้อมเพรียงในการ ขับเคลื่อนเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ที่คิดว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของ เด็กรุ่นใหม่ กลายเป็นจุดที่แข็งที่สุด
รัฐจะอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ยังต่ออายุกันไปเรื่อยๆก็ไม่ได้ เห็นเด็กตัวเล็กๆ หน้าใสๆมาผูกริบบิ้นสีขาว ชูกระดาษขาว หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน ในรั้วโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย แล้วผู้บริหารจะไปบ้องตื้น ห้ามการแสดงออก หรือจะแจ้งความดำเนินคดีกับเด็ก ใช้ความรุนแรงเข้าจัดการ ก็เท่ากับสร้างความเกลียดชังและความเป็นเผด็จการให้ประจักษ์กับสังคม
เชื่อว่ารัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดไม่ถูก รุ่นลูกรุ่นหลานทั้งนั้น สอนวิชาประชาธิปไตยในโรงเรียน แต่ไม่ให้เด็กๆแสดงออกตามวิถีประชาธิปไตย ก็จะดูทะแม่งชอบกล ผู้บริหาร ครูอาจารย์ จะใช้อำนาจบังคับก็ยิ่งจะเป็นเผด็จการในโรงเรียนในสถานศึกษาไปฉิบ
...
งานนี้ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะ อดีต กปปส. คงจะรู้รสชาติการออกมาประท้วงของเด็กนักเรียนดีที่สุด เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกเป่านกหวีดใส่หน้า จะไปโทษเด็กก็ไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่เคยทำเป็นตัวอย่าง ชัตดาวน์ กทม. ปิดหน่วยเลือกตั้ง ยึดสถานที่ราชการ หนักกว่าการแสดงออกของนักเรียน นักศึกษาเวลานี้ด้วยซ้ำไป
รัฐบาล สภา นักการเมือง กองทัพ จะรับมือกับกองทัพเด็กที่ออกมาเรียกร้อง ประชาธิปไตย ครั้งนี้อย่างไร ขอเตือนว่า อย่าเอาโมเดลในอดีตมาใช้เด็ดขาด เด็กเหล่านี้ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ในวันนั้นเยอะ
แต่ที่ต้องไปคิดเป็นการบ้านให้มากๆคือ วันนี้ผู้ใหญ่ ตามโลก ตามความคิดของคนในอนาคตทันหรือยัง คำว่า ปลดแอก เลือกอนาคตเอง เป็นคำตอบที่ดีที่สุด วันนี้ผู้ใหญ่ต้องเริ่มเปลี่ยนความคิดของตัวเองมากกว่า
กระบวนการยุติธรรม ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ การโกงกิน ทุจริตคอร์รัปชัน และท้ายที่สุดคือการแอบอ้างสถาบัน เป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก ประชาธิปไตยที่วนเวียนอยู่ในมือของคนไม่กี่กลุ่ม เศรษฐกิจที่ถูกผูกขาดโดยคนไม่กี่ตระกูล เป็นคำตอบของประชาธิปไตยที่สมบูรณ์หรือยัง
อย่าไปโทษคนที่อยู่เบื้องหลัง อย่าไปโทษนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม อย่าไปให้ราคา การเมืองแบบเก่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ การเมืองวิถีใหม่ ท่ามกลางหัวเลี้ยวหัวต่อประชาธิปไตยกับรากเหง้าเผด็จการที่ค้ำคออยู่.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th