เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีกลาโหม ดันทุรังให้กองทัพซื้อเรือดำน้ำจีนอีก 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ทั้งที่ ประเทศชาติกำลังตกอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลต้องกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาอุ้มเศรษฐกิจ ประชาชนก็ยากลำบากไปทุกหย่อมหญ้า ธุรกิจเอสเอ็มอีกกว่า 1 ล้านรายกำลังรอวันเจ๊ง คนว่างงานจะเพิ่มอีกหลายล้านคน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเอาเงินภาษีประชาชนในยามทุกข์ยากไปซื้อเรือดำน้ำจีน 22,500 ล้านบาท สมควรหรือไม่ควรไปตรองดู
ข้ออ้างต่างๆ ของ กองทัพเรือ ที่ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ ฟังไม่ขึ้นเลย
คุณยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ ผู้เปิดเผยเรื่องนี้ระบุว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติ 1 ต่อ 4 เสียง หลังจากที่คะแนนเสมอกัน 4 ต่อ 4 นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะอนุกรรมา-ธิการ จึงลงคะแนนตัดสิน ให้ซื้อเรือดำน้ำจีน 2 ลำ 22,500 ล้านบาทในงบฯปี 2564 ซึ่งจะเป็น “ปีเผาจริงเศรษฐกิจไทย” แต่ รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็น นายกรัฐมนตรี ด้วย และเป็น ผู้อำนวยการวอร์รูมเศรษฐกิจ (ศบศ.) รู้อยู่เต็มอกว่า เศรษฐกิจไทยวิกฤติขนาดไหน แต่ก็ยังเอาเงินประชาชนไปซื้อเรือดำน้ำ
คุณยุทธพงศ์ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ ให้เหตุผลที่ต้องซื้อเรือดำน้ำเพิ่มอีก 2 ลำ เพราะไทยได้ลงนาม MOU กับจีนไว้ว่าต้องซื้อ 3 ลำ ลำแรกจัดซื้อไปแล้วด้วยงบฯปี 60 (13,500 ล้านบาท) จะได้รับเรือในปี 2567 อีก 2 ลำจะใช้งบฯปี 64 กองทัพเรือได้นำ MOU ซื้อเรือดำน้ำลำแรกมาให้ดู ไม่ได้เขียนว่าไทยต้องซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ไม่ได้ผูกพันไว้ ในแง่ธุรกิจการค้า ใครๆก็รู้ เอ็มโอยู เป็นเพียง “บันทึกความเข้าใจ”ไม่ใช่ ข้อตกลง ไม่ใช่สัญญา ไม่มีผลผูกพัน ฉีกทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ข้ออ้างของกองทัพเรือจึงเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ได้และฟังไม่ขึ้นจริงๆ
...
เรื่องนี้ ประชาชนไม่สบายใจแน่นอน
รัฐบาลเอาเงินภาษีของชาติไปซื้อเรือดำน้ำรุ่นเก่าอีก 2 ลำ โดยไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ในขณะที่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ำอย่างสาหัส คนไทยทุกคนตกอยู่ในความยากลำบาก จึงยากที่จะทำใจรับได้จริงๆ
เรือดำน้ำจีน 3 ลำ 36,000 ล้านบาท ที่ กองทัพเรือ ดันทุรังซื้อ เป็นเรือดำน้ำรุ่นเอส 26 ที ที่ดัดแปลงจากรุ่นเก่า (ราคา 36,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าอะไหล่เรือดำน้ำ ไม่รวมค่าตอร์ปิโด ค่าทุ่นระเบิด ที่ต้องซื้อแยกต่างหากอีกบานเบอะ) ขณะที่สงครามยุคใหม่ในโลกวันนี้ก้าวไกลไปสู่ “เรือดำน้ำโดรน” ที่ไม่ต้องมีทหารเรือประจำการ มีแต่ตอร์ปิโดประจำการ ไปจนถึง “โดรนพิฆาตเรือดำน้ำ” กันแล้ว เรือดำน้ำรุ่น เอส 26 ที เจอ โดรนพิฆาตเรือดำน้ำ ลำเล็กๆลำเดียวก็จมแล้ว แล้วผู้ใหญ่จะเอาชีวิตทหารเรือไปเสี่ยงทำไม
วันนี้ สหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย ล้วนมี เรือดำน้ำโดรน ใช้ในกองทัพกันแล้ว เรียกว่า Autonomous Underwater Vehicles (AUVs) รวมทั้ง โดรนสังหารเรือดำน้ำ Submarine–hunting Unmanned Underwater Vehicle (UUV) ตุลาคมปีที่แล้ว เกาหลีใต้ เพิ่งเปิดตัว โดรนพิฆาตเรือดำน้ำ Anti–Submarine Warfare Unmanned Underwater Vehicle สู่สายตาชาวโลก และประกาศว่า จะนำเข้าประจำการในกองทัพเรือเกาหลีใต้ในปีนี้
แต่อีก 4 ปี กองทัพเรือเพิ่งจะได้เรือดำน้ำลำแรกจากจีน ได้ครบ 3 ลำเมื่อไหร่ก็คงต้องเก็บไว้โชว์วันเด็ก บางประเทศเขาใช้ โดรนดำน้ำแบบ Stealth หรือ เรือดำน้ำล่องหน กันแล้ว เรือดำน้ำไทยยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล อย่าผลาญเงินภาษีของประชาชนแบบนี้เลยครับ ประเดี๋ยว เด็กนักเรียนจะชูกระดาษเปล่า ริบบิ้นขาวประท้วง จะหาว่าไม่เตือน ในอนาคต นักเรียนเหล่านี้ จะต้องเป็น “ผู้ใช้หนี้” ที่ “กองทัพไทย” ไปก่อเอาไว้ในวันนี้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”