ครูบาอาจารย์นั่งทางในรับรู้ด้วยฌาน โหรหลวง โหรเอกชน เปิดตำราคำนวณดวงดาว หมอดูทุกสำนักจับยามสามตาทำนายทายทักตรงกัน ดวงเมืองเดินถอยหลังจากราศีเมษเข้าราศีมีน

จับตาห้วงระทึก ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงสิ้นปี 2563

ตามเค้าลางที่โยงกับเงื่อนไขสถานการณ์บ้านเมือง ตรงกับท้องเรื่องที่รัฐบาล

ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กำลังเผชิญมรสุมกระหน่ำ

เปรียบคน “ดวงตก” อยู่ในห้วงเคราะห์ซ้ำกรรมซัด

การเมืองเน่าใน เศรษฐกิจดิ่งเหว ม็อบนักศึกษาชักลาม “กรรมเก่า–กรรมใหม่” ไหลประเดประดังเดินสายแก้เคล็ด สะเดาะเคราะห์กันแทบไม่ทัน

อยู่ๆปมอันตรายร้ายแรงสุดโผล่มาฉุดศรัทธาซ้ำ

ปรากฏการณ์ “โป๊ะแตก” ทายาทเครื่องดื่มบำรุงกำลังมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆของเมืองไทยที่หลุดคดีเมาแล้วขับรถชนตำรวจตาย เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง แถมตำรวจยังไม่ติดใจแย้งคำสั่งอัยการ

เป็นข่าวครึกโครมทั่วโลก สั่นสะเทือนระบบยุติธรรมเมืองไทย

โดยเฉพาะการตอกย้ำข้อกังขา มาตรฐาน “ต้นน้ำ” กระบวนการยุติธรรมคือตำรวจและอัยการที่เป็นจุดปัญหา ถูกสังคมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปใหญ่ แต่เอาเข้าจริงก็ยื้อไม่ไปถึงไหน

แล้วก็มา “โป๊ะแตก” ตอกย้ำภาพ “คุกมีไว้ขังคนจน”

ส่งผลสั่นสะเทือนรุนแรงระดับ 7–8 แมกนิจูด “ร้าวลึก” กว่าที่คาดคิด พิษคดี “บอส” กระแสลามลึกถึงฝ่ายคุมเกมอำนาจ มีการไล่สาวโยงย้อนไปถึงอดีตคณะ

กรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในยุค คสช.ที่เข้าไปเอี่ยวสำนวนการสอบสวนทำคดีพลิก

ปม “ตุกติก” กลายเป็นไฟร้อนลามลวกมือผู้นำรัฐบาล

...

แบบที่มีสัญญาณจาก “เมืองไคฟง” กระตุก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบแสดงจุดยืนว่ารัฐบาลไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อให้ตัวเอง “หลุดรอด” และพารัฐบาลออกจากพายุอารมณ์ผู้คนในสังคม

ย้ำภาวะพลิกคว่ำพลิกหงาย “Law and Order” คือหลักสุดท้ายที่จะค้ำจุนรัฐบาล

สัญญาณเตือนถึงขีดระดับสูงสุด

ถึงจุดที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา “เชียร์ลีดเดอร์” ทีมอำนาจ คสช.ต้องรัวเกราะเคาะไม้

ไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้วและจะไปกันใหญ่

ฟันธงตามปรากฏการณ์ “บอส” โผล่ขึ้นมาใน สถานการณ์ที่นักเรียน นิสิต นักศึกษากำลังชุมนุมเป็นกระแสคลื่น

กระแทกเป็นระลอกๆ กระทบไปแต่ละจังหวัด สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ตรงกับสุภาษิตโบราณที่ว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” แค่นั้นยังไม่พอกำลังกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่จะบานปลาย

“ส.ว.ลากตั้ง” องค์ประกอบทีมอำนาจ คสช.ผวาถึงจุดอันตราย

สารพัดหัวเชื้อสุมไฟการเคลื่อนไหวของนักศึกษาส่อ “เอาไม่อยู่”

แต่ที่จมูกไวกว่าก็คือเหล่า “นักเลือกตั้งอาชีพ” จับอาการคน

การเมืองยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ที่รีบกระโดดโหนม็อบนักศึกษาแบบ

ที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯรับฟังข้อเสนอของ “เยาวชนปลดแอก” ทีมงาน ปชป.รีบเคลมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหลักของพรรค

อารมณ์เดียวกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่ไม่กล้าขวางลำ ไม่ห้าม การชุมนุมของนักศึกษา แค่ขอร้องให้ใส่หน้ากากอนามัย

โชว์จุดยืนพรรคภูมิใจไทยพร้อมรื้อรัฐธรรมนูญตามข้อเรียกร้อง

ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ต้องหามุมปลอดภัย หลบกระแสการเคลื่อนไหวของแนวร่วม “เยาวชนปลดแอก” ที่กำลังเชี่ยวกรากขึ้นทุกขณะ แม้แต่ ส.ส.พลังประชารัฐรวมไปถึงฝ่ายค้านหลักอย่าง

พรรคเพื่อไทยยังต้องรีบชงให้สภาจัดเวทีรับฟังข้อเสนอของกลุ่มเยาวชน นักศึกษาก่อนสายเกินไป

“นักเลือกตั้งอาชีพ” ผวา กลัวม็อบนักศึกษาล่มสภา

อาการแบบที่ “เสี่ยหนู” แบไต๋ พร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำประชามติ แล้วค่อยยุบสภา เลือกตั้งใหม่

เผยเหลี่ยมยื้อเวลา ลากอายุรัฐบาลต่อไป

แต่ถึงนาทีนี้ไม่รู้จะเบรกอยู่หรือไม่ เพราะแม้แต่คนถือดาบยุบสภาอย่าง “บิ๊กตู่” เอง ก็น่าจะใจฝ่อลงไปอีก ตามโพลล่าสุดทั้ง “สวนดุสิตโพลซูเปอร์โพล” สะท้อนอารมณ์ประชาชน

ปรับ ครม.ไม่มีอะไรดีขึ้น อยากเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศ

กระแสปฏิเสธอำนาจ 3 ป. ไม่รอ ไม่ฟัง ไม่หวังอะไรแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง