ที่แท้ลักไก่ฝากโอนมีงบให้ใช้จริงน้อย มิ่งขวัญขู่-ระวังเจ๊ง
ฝ่ายค้านตามถล่มร่าง พ.ร.บ.งบฯต่อวันที่สาม “วิสาร” ถลกงบฯจัดซื้อ ฮ.กู้ภัยรถผลิตอากาศสะพานเหล็ก ของ ปภ.เกินจำเป็นซื้อมากองทิ้งให้เสื่อมสภาพ “บิ๊กป๊อก” โต้ทันทีของมันต้องมี เอาไว้กู้ภัย ไม่ใช่ไว้รับวีไอพี ปัดล็อกสเปกให้บริษัทคู่สัญญากองทัพ “จิราพร” ห่วงงบฯ 64 เป็นระเบิดเวลาพาชาติไปสู่การล้มละลายทางการคลัง ก้าวไกลจวกเล่นแร่แปรธาตุงบฯท้องถิ่น จ้องบอนไซไม่ให้โต ฉะซ่อนงบหาเสียงไว้ใน “กองทุนประชารัฐสวัสดิการ” กว่า 2.6 พันล้าน “มิ่งขวัญ” บอกให้เตรียมตัวเจ๊งกันได้ “บิ๊กตู่” ย้ำจัดงบฯโปร่งใสทั่วถึง พระสังฆราชประทานพรให้กำลังใจนายกฯ รมต. “ลุงป้อม” ปลื้มปริ่มได้พรดี “เทพไท” ขู่ “ลุงตู่-เสี่ยโอ๋” ถ้าเบี้ยวเจอกันแน่ “ไพบูลย์” เอาคืนเร่งเกมสอย “เสรีฯ”
ฝ่ายค้านยังคงตามถล่มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ทั้งการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย รถผลิตอากาศ ที่เกินความจำเป็น รวมถึงการเล่นแร่แปรธาตุกับงบของท้องถิ่น หวังบอนไซท้องถิ่นไม่ให้เติบโต
...
ฝ่ายค้านถลกงบฯจัดซื้อ ฮ.ของ ปภ.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ต่อเป็นวันที่สาม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เริ่มอภิปรายเป็นคนแรกว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณฯ ปี 64 โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่มีการจัดสรรงบฯจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ป้องกันภัย ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เช่น เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยมูลค่าหลายพันล้านบาท ระบุว่านำมาใช้ในการดับเพลิง รถผลิตอากาศและสะพานเหล็กชั่วคราว ทั้งนี้อุปกรณ์บางอย่างไม่มีความจำเป็น และไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในต่างจังหวัดบางแห่งมีแล้วไม่มีที่จัดเก็บ ต้องไปจอดกองไว้ให้เสื่อมสภาพ ขอให้ยกเลิกงบฯจัดซื้อดังกล่าว เพื่อนำงบฯส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชนเป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะเกิดประโยชน์กว่า
“ป๊อก” ยันจำเป็นของมันต้องมี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่าทุกอย่างมีความจำเป็น ต้องมีไว้ช่วยเหลือประชาชนยามเกิดภัยพิบัติ ที่ผ่านมาได้จัดไว้ แบ่งเป็นศูนย์ปภ.เขต จำนวน 18 ศูนย์ เมื่อเกิดเหตุไฟป่าหรือเหตุอื่น ต้องใช้อุปกรณ์และรถดับเพลิงจำนวนมาก เช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงมีไว้เพื่อใช้ดับไฟป่า และไฟไหม้ตึกสูง ที่ผ่านมาต้องขอยืมจากกองทัพ แต่ไม่มีเครื่องฉีดน้ำติดเฮลิคอปเตอร์จึงไม่แม่นยำในการดับไฟ และมีเฮลิคอปเตอร์ไม่เพียงพอ ยืนยันว่าเป็นการใช้เฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติการกู้ภัย ไม่ใช่ไว้รองรับบุคคลสำคัญหรือผู้ใหญ่ของบ้านเมืองตามที่ฝ่ายค้านกังวล เช่นเดียวกับรถผลิตอากาศ ยืนยันว่ามีความจำเป็นหากเกิดกรณีแบบ 13 หมูป่าอีก ส่วนสะพานเหล็กชั่วคราว ต้องมีไว้รองรับอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น ยืนยันว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้อง ไม่มีการล็อกสเปกกับบริษัทที่เคยเป็นคู่สัญญากับกองทัพ ตามที่กล่าวอ้าง
พท.ห่วงพาชาติไปสู่การล้มละลาย
ด้าน น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ไม่สามารถรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ได้ เพราะรัฐบาลประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจคลาดเคลื่อน ทำให้จัดสรรงบประมาณผิดพลาด ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงตกอยู่ในภาวะล้มละลายทางการคลังด้วย หากรัฐบาลใส่ใจเรื่องวินัยการคลังจริง เห็นว่าสามารถตัดลดงบฯได้ถึง 1 แสนล้านบาท จากงบกลาง 12 รายการ และจากงบลงทุนที่ไม่เกิดประโยชน์ของกระทรวงกลาโหม เช่น งบซื้ออาวุธ งบก่อสร้างอาคารที่พักของข้าราชการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลตัดงบก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียน แล้วโอนมาไว้ในงบกลางให้นายกฯ ใช้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคิดว่าการก่อสร้างอาคารเรียนให้ลูกหลานของเรา ไม่ได้จำเป็นเร่งด่วนเท่ากับการก่อสร้างที่พักให้กับข้าราชการกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้กำลังกลายเป็นระเบิดเวลาพาประเทศไปสู่การล้มละลายทางการคลัง
ก้าวไกลซัด รบ.จ้องบอนไซท้องถิ่น
ต่อมานายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่ท้องถิ่นเผชิญอยู่ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับหลักการที่รัฐบาลขายฝันไว้ในงบฯ 64 ตามหลักการกฎหมาย รายได้ท้องถิ่นต้องได้รับการจัดสรรที่ร้อยละ 25 ของรายได้สุทธิรัฐบาล ตามร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 นี้ จัดทำอยู่ที่ร้อยละ 29.5 หรือคิดเป็น 790,000 ล้านบาท เหมือนว่าจะเป็นไปตามกฎหมาย แต่พอไปดูไส้ในกลับพบว่ารายได้ที่ท้องถิ่นสามารถใช้ได้จริงมีน้อยมาก เงินอุดหนุนเกือบครึ่งหนึ่งเป็นงบฝากโอน เป็นการใช้ อปท.เป็นแค่แขนขา เป็นทางผ่าน โดยเฉพาะเบี้ยอสม.จะใช้วิธีส่งตรงไปที่บัญชีของ อสม.เลย ทำให้ท้องถิ่นถูกบอนไซเอาไว้ แต่ภารกิจเหล่านี้ถูกนำมาคิดเป็นงบที่ท้องถิ่นจะได้รับ ทั้งที่จริงๆแล้วท้องถิ่นไม่ได้ใช้เงินเลยแม้แต่บาทเดียว ถ้าเราตัดงบฝากโอนออกไป รายได้ของ อปท.จะลดลงทันทีร้อยละ 29.5 จะเหลือแค่ร้อยละ 24.3 ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พูดง่ายๆว่ามีการลักไก่เอางบไปแปะไว้ จึงเป็นที่มาของการที่งบท้องถิ่นไม่เคยเพียงพอ
ฉะ “งบหาเสียงประชารัฐสวัสดิการ”
นายปดิพัทธ์กล่าวอีกว่า หลายคนโทษไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าไม่ทำงาน แต่ความจริงไม่ใช่ยุคนี้ อปท.ถูกทำให้อ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในระบอบประชาธิปไตย ศัตรูของประชาชนจึงไม่ใช่ อปท. แต่เป็นรัฐราชการรวมศูนย์ สถาปนาไว้ด้วย คสช. สืบต่อมาในรัฐบาลนี้ อยากถามว่ากองทุนประชารัฐสวัสดิการนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับงบท้องถิ่น เพราะมีการแทรกกองทุนประชารัฐสวัสดิการเอาไว้ในงบท้องถิ่น 2,647 ล้านบาท ขอตั้งชื่องบก่อนนี้ว่า “เป็นงบหาเสียงประชารัฐสวัสดิการ” ที่ผิดทั้งหลักการ ผิดทั้งมารยาท ผิดทั้งหลักจริยธรรมที่ดีของการตั้งงบประมาณ ถ้างบท้องถิ่นยังเป็นแบบนี้ประเทศไทยไม่มีวันเจริญ การกระจายอำนาจเท่านั้นจะเป็นคำตอบของการใช้งบที่มีประสิทธิภาพ ควรคืนอำนาจประชาชนจัดเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับทันที เพราะชาวบ้านเขาสงสัยว่าการที่ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นซักที เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจของพวกท่านหรือเปล่า
“มิ่งขวัญ” บอกเตรียมตัวเจ๊งกันได้
จากนั้นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายว่า สงสารคนไทยเงินก็ไม่มี ความช่วยเหลือก็ไปไม่ถึง ประชาชนกำลังอดยากปากแห้งแต่กลับมาตั้งงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ตั้งเป็นงบขาดดุลถึง 6.23 แสนล้านบาท พวกท่านจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ จะจัดเก็บรายได้ได้ขนาดนั้นหรือไม่ พูดจริงๆว่าไม่รอดหรอก เตรียมตัวกันให้ดี วิกฤติปี 2540 เป็นเรื่องเล็กไปเลย รัฐบาลอยู่มาในรูปแบบต่างๆตั้งแต่ คสช.ใช้เวลากว่า 6 ปี ตรงนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่าสติปัญญาคิดอะไรอยู่กับประเทศ เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทยอย่างการท่องเที่ยวดับไปแล้ว อีกเครื่องยนต์ที่จะมีปัญหา คือการลงทุน วันนี้ประเทศไทยถูกจัดอันดับความโปร่งใสอยู่ลำดับที่ 101 ถือว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตัว 101 ภาษาตนหมายถึงดัลเมเชียน สุนัขลายจุดขาวดำ ก็ขอให้รัฐบาลโชคดีท่านอยากอยู่ 20 ปีก็อยู่ไปเถอะ หลายวิธีคิดเราคิดไม่เหมือนกัน ถ้าสีดำก็คือสีดำ ถ้าเป็นสีดำแล้วจะบอกให้เป็นสีขาว ไม่เอาด้วย เวลาจะไปเลือกตั้งก็ขอให้จำด้วยใครทำอะไรไว้ ขอให้คนไทยออกมาทวงสิทธิของท่านด้วย
นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายว่า เงินนอกงบประมาณที่มีอยู่ 5-8 ล้านล้านบาท รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินทุกบาทเพื่อฟื้นฟูประเทศอย่างมีเอกภาพ ขอเสนอให้โอนเงินนอกงบประมาณบางส่วนมาอยู่ในงบประมาณ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาเงินนอกงบประมาณมาช่วยฟื้นฟู และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉินอย่างมีเอกภาพ
นายกฯย้ำงบฯ 64 โปร่งใส–ทั่วถึง
กระทั่งเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ชี้แจงหลังนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบด้านคมนาคม ที่อาจทุ่มลงไปกับโครงการที่ไม่จำเป็น และทำไม่ทั่วถึงในบางพื้นที่ ว่า เรื่องโครงการด้านคมนาคมเป็นเพียงแผนงานและแนวคิด การจัดทำต้องไปศึกษารายละเอียด ทุกอย่างไม่สามารถทำทีเดียวได้ทั้งหมด ขณะที่การลงทุนของภาครัฐมุ่งเน้นไปที่การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โดยมีการประมูล เซ็นสัญญา รวมถึงดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใสตามกฎหมาย ในส่วนของการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ยืนยันว่าเราต้องดูแลประชาชนอยู่ แต่ถ้าต้องทำตามความต้องการของทั้งหมดขอถามว่าจะเอาเงินจากที่ไหน ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิด ตนไม่เคยดำเนินการหรือคิดแค่คนเดียว ไม่เคยไปเรียกรับผลประโยชน์จากใคร ย้ำว่าทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่ว่าทำโง่ๆไปแล้วที่เหลือต้องมาทำโง่ๆตาม ยืนยันว่าการจัดซื้อทุกโครงการ อาทิ เรือดำน้ำ เมื่อซื้อมาต้องใช้ได้จริง มีความเหมาะสม และโปร่งใส
“จิรายุ” ตอกย้ำมหกรรมกู้แห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายตั้งแต่ช่วงเย็นมาจนถึงช่วงค่ำ ฝ่ายค้านยังคงเน้นการทักท้วงในด้านวินัยการเงินการคลัง โดยเฉพาะเป็นห่วงเรื่องการกู้เงินต่อเนื่องของรัฐบาล โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า นายกฯกำลังจะผันตัวเป็นผู้จัดงานมหกรรมการก่อหนี้แห่งชาติอยู่แล้ว ขืนจัดงบแบบนี้ประเทศเจ๊งแน่ หากทำงบแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเสี่ยงต่อภาวะล้มละลายทางด้านการคลัง ที่ผ่านมารัฐบาลกู้ไปแล้วร้อยละ 58 และปี 2564 หนี้สาธารณะอาจทะลุเกินร้อยละ 60 ส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถกู้ได้อีกแล้ว คำว่าดุลข้าราชการเคยเกิดขึ้นสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ตอนนั้นต้องลดกำลังพลลงจากปัญหาเศรษฐกิจ ครั้งนี้จะเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ด้วยหรือไม่ ขอให้ท่านสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าดุลข้าราชการจะไม่เกิดขึ้นในยุคนี้
ยกสถิติหนี้สาธารณะโต้ทุกดอก
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ฝ่ายค้านเป็นระยะว่า ที่บอกตนกู้มากที่สุดนั้นย้อนไปดูแล้วพบว่าปี 2556 มีหนี้สาธารณะอยู่ร้อยละ42.19 ปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 43 จนถึงเดือน พ.ค.2563อยู่ที่ร้อยละ 44.01 ที่เพิ่มขึ้นเพราะต้องกู้มาแก้ปัญหาโควิด รัฐบาลนี้เข้ามาดูแลประชาชนถ้วนหน้ามาตลอดทำไมไม่พูดบ้าง ไม่ช้าก็จะมีงบฟื้นฟูการจ้างงาน ทุกอย่างอนุมัติโดย ครม. ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงมีเพียงให้นโยบายเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุมผ่านมาจนถึงช่วงกลางดึก ในที่สุดที่ประชุมให้ความเห็นชอบรับหลักการวาระแรก และมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯดำเนินการพิจารณาในวาระ 2 ต่อไป
สังฆราชฯให้กำลังใจรัฐบาล
วันเดียวกันเวลา 09.00 น.ที่พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์–โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เข้าเฝ้าฯถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาประจำปี 2563 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วม โอกาสนี้สมเด็จพระสังฆราชฯประทานพรให้นายกฯและคณะ มีสุขภาพแข็งแรง และประทานกำลังใจรัฐบาลในการปฏิบัติหน้าที่ก่อนพาคณะไปถวายเครื่องสักการะเข้าพรรษาแด่สมเด็จพระวันรัต ที่อาคาร 100 พระชันษา สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร
ทำบุญ ปท.ขอดูสถานการณ์ก่อน
ต่อมาเวลา 14.40 น.ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เป็นวันที่ 3 มีนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเหรัญญิกพรรค พปชร. มารอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระสังฆราชว่า ประทานพรให้กำลังใจและขอให้ทุกคนระมัดระวังห่วงสุขภาพ เพราะทราบว่ารัฐบาลและ ครม.ทำงานหนัก ถามว่าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้วมีแนวคิดจะทำบุญประเทศหรือไม่ พล.อ ประยุทธ์ตอบว่า ต้องพิจารณาความเหมาะสมและสถานการณ์ก่อน เราต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
“บิ๊กตู่” คุยฟุ้งกระตุ้น ศก.ได้แน่
เมื่อถามว่าหลังลงมติรับร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 ผ่านวาระแรกแล้ว คิดว่ามาตรกระตุ้นเศรษฐกิจจะสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มันก็ต้องได้ สิ่งแรกคือต้องกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ การลงทุนภาครัฐ ทยอยเปิดกิจการต่างๆ โดยเฉพาะกิจการสำคัญที่มีศักยภาพ และหารือร่วมกับประเทศต่างๆเพื่อแก้วิกฤติ ได้หารือกับเอกอัคร-ราชทูตหลายประเทศต่างยินดีร่วม ตอนนี้กำลังจะผ่อนคลายให้นักธุรกิจต่างชาติ และผู้ที่จะมาศึกษาดูงานในไทย นักลงทุนมาดูกิจการในไทย และแขกรัฐบาลให้สามารถเข้ามาได้ โดยเราต้องมีมาตรการคัดกรองทางสุขภาพที่ต้องทำทั้งประเทศต้นทาง และปลายทาง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ย้อนถาม “นิรโทษกรรมใครล่ะ”
เมื่อถามถึงความคืบหน้านโยบายรวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ดำเนินไปแล้วจากที่เดินสายพบภาคส่วนต่างๆ เวลานี้เอาแค่รวมใจพวกเราให้ได้ก่อน รวมใจทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างชาติ แม้แต่สภาผู้แทนราษฎรก็ต้องรวมใจกัน วันนี้ภารกิจพื้นฐานมีเยอะแยะต้องดูแล ฉะนั้นอย่ามัวแต่ไปจับจ้องงบฯกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ หลายกระทรวงได้ชี้แจงไปแล้ว และคิดว่าชี้แจงละเอียดรอบคอบ แต่สมาชิกบางครั้งนำมาพูดและถามซ้ำตีกันใหม่ เมื่อถามว่าแนวคิดตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ มีเรื่องการเมือง และนิรโทษกรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “นิรโทษกรรมใครล่ะ” พร้อมกับเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที
“ลุงป้อม” ปลื้มปริ่มได้พรดี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “สมเด็จพระ สังฆราชฯประทานพรให้ขาผมดีๆ และประทานพรให้ทุกคน ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ขอให้ประทานพรให้รัฐบาลอยู่ต่อยาวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ยอมตอบคำถามแต่อย่างใด
“เทพไท” ขู่ “ลุงตู่–เสี่ยโอ๋” ห้ามเบี้ยว
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯและ รมว.คมนาคม ยืนยันในที่ประชุมสภาว่าจัดงบฯพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นคำสัญญาต่อที่ประชุมสภาฯ เชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ต้องมีโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ในพื้นที่ภาคใต้ ถูกบรรจุอยู่ในแผนงานงบประมาณของรัฐบาลในปีหน้าแน่นอน ถ้าผิดคำสัญญาก็ต้องเจอกับการอภิปรายทวงคำมั่นสัญญาจาก ส.ส.หลายคน อย่างน้อยต้องเจอกับ ส.ส.ภาคใต้ทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พท.ตอกย้ำภาพ “ยอดนักกู้สิบทิศ”
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในรอบ 7 ปีมานี้ รัฐบาลจัดทำงบฯแบบขาดดุล ทำให้เศรษฐกิจประเทศสุ่มเสี่ยงต้องใช้บริการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ฝ่ายค้านขอเตือนประชาชนว่าปี 2564 ถึง 2565 เป็นช่วงที่น่าจับตาที่ต้องประคองตัวเอง จากแนวทางการกู้เงินของรัฐบาลจะมีสูงถึงร้อยละ 58 เหลืออีกเพียงร้อยละ 2 ก็จะเต็มวงเงินในการกู้แล้ว ปี 2565 รัฐบาลจะไม่สามารถกู้เงินได้อีกต่อไปเมื่อเทียบสถิตินายกรัฐมนตรีไทย 28 คน ตั้งแต่ปี 2475-2557 หลายสิบรัฐบาลกู้เงินรวมกันแค่ 2.295 ล้านล้านบาท แต่นายกฯคนนี้คนเดียวจัดเต็มกู้มาใช้มากกว่านายกฯ 28 คน กู้เงินมากถึง 3.825 ล้านล้านบาท ไม่แปลกที่ได้ฉายา “นักกู้สู้สิบทิศแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา”
ไม่มีแล้วเลื่อยขาเก้าอี้ “สมคิด”
อีกเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกและหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 ว่าจะไปกดดันเรื่องอะไร แล้วแต่ประชาชน เมื่อถามว่าครั้งที่ผ่านมาชนะฉิวเฉียด ครั้งนี้น่าจะซื้อใจประชาชนได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ผมชนะหมื่นคะแนน แล้วแต่ประชาชนต้องให้เกียรติประชาชน” เมื่อถามถึงโครงสร้างพรรคใหม่ของพรรคเรียบร้อยดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เรียบร้อย เมื่อถามว่าในพรรคมีความพยายามเลื่อยขานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า “ไม่มีหรอก”
“สมคิด–อุตตม” ไม่สนการเมือง
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะเข้มข้นขึ้น แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ไม่ได้สนใจประเด็นทางการเมืองแม้แต่น้อย ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทำงานช่วยนายกฯเพื่อประเทศชาติและประชาชน นอกจากนั้นซูเปอร์โพลที่ระบุว่า นายสมคิดและนายอุตตม ซื่อสัตย์สุจริต เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
พท.ส่ง “สลิลทิพย์” ชิงธงปากน้ำ
นายภูมิธรรม เวชยชัย กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯมีมติเห็นชอบให้นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ อดีต ส.ส. สมุทรปราการ เป็นตัวแทนพรรค ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 โดยได้ส่งชื่อให้ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบ และประกาศชื่อลงในเว็บเพจของพรรคเพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิกก่อนเสนอชื่อ พร้อมข้อคิดเห็นให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาอนุมัติในวันที่ 10 ก.ค.
“ไพบูลย์” เอาคืนเร่งเกมสอย “เสรีฯ”
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. และกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงว่า กรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกมธ.ป.ป.ช. และกรรมาธิการทั้ง 8 คน มีมติเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนและเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์–โอชา นายกฯ กรณีถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง เพราะ กมธ.ป.ป.ช.เคยมีมติเสียงข้างมากแล้วว่าให้ยุติการพิจารณา ด้วยเหตุนี้จะประสานงานให้สภาฯเลื่อนญัตติพิจารณาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พ้นจากประธาน กมธ.ป.ป.ช. ที่บรรจุไว้ตั้งแต่เดือน ก.พ. ขึ้นมาให้ได้รับการพิจารณาก่อนในที่ประชุมสภาฯสัปดาห์หน้า และเรื่องนี้จะไม่จบแค่ที่สภาฯได้เตือน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แล้วแต่ไม่ฟัง จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย