เนื้อหาเหมือนเดิมเป๊ะ! ส.ส.ใต้ทวงมอเตอร์เวย์

“บิ๊กตู่” ย้อนฝ่ายค้านก่อหนี้กันทุกรัฐบาลแหละ “วิษณุ” อ้างอยู่มานานกว่า 6 ปีเลยก่อหนี้มากสุดไม่แปลก ให้มีปัญญาชดใช้แล้วกันชำแหละงบฯ 64 วันที่สอง ปชป.โชว์เก๋า “สาทิตย์” แฉผู้ช่วย รมต.เคาะกะลา มีงบฯลง จ.ตรัง อยู่ในมือ 300 ล้าน “เทพไท” ลุกทวงความเป็นธรรมให้คนภาคใต้ ขาดงบฯพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมานาน โวยภาคอื่นเขาได้หมดแล้ว “บิ๊กตู่” รีบเด้งรับสั่งคมนาคมไปศึกษา ย้ำดูแลทุกภาค ทุกจังหวัด “โรม” ซัดใช้งบฯล้าง สมองเด็กแก้ไฟใต้ “สมคิด” อารมณ์ดีหวานใส่นักข่าว “ชัยวุฒิ” ปฏิเสธไม่ได้ไล่ 4 กุมาร แค่ให้ปรับแนว ทำงาน รับนายกฯออกปากปรามจริง “สมศักดิ์” ชี้ยังไม่ปรับ ครม.เร็วๆนี้

หลังจากพรรคฝ่ายค้านเปิดฉากชำแหละการจัดทำงบประมาณฯ ปี 2564 ของรัฐบาลว่า โบราณคร่ำครึ สักแต่ว่าทำ ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ ล่าสุด ส.ส.ประชาธิปัตย์ อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประกาศทวงความเป็นธรรมให้คนภาคใต้ที่ไม่ได้รับงบฯพัฒนาพื้นที่มานานแล้ว

...

“สมคิด” อารมณ์ดีหวานใส่นักข่าว

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่ห้องรับรองตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ นายไมเคิลกล่าวภายหลังเข้าพบว่า พูดคุยแนวการทำงานร่วมกันเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง ส่งเสริมนักลงทุนสหรัฐฯมาลงทุนในไทยมากขึ้น เชื่อไทยยังมีความน่าลงทุน ขณะที่นายสมคิดกล่าวว่า แจ้งกับทางสหรัฐฯไปว่าให้โฟกัสไทยเป็นพิเศษ ปีหน้าโครงการอีอีซีจะเริ่มสมบูรณ์ เชื่อตลาดเงินตลาดทุนเราไม่แพ้สิงคโปร์ ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯได้ให้กำลังใจเรื่องการเมืองหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า “เราคุยในเรื่องสำคัญเท่านั้น ไม่ต้องถามเลยนะน้องจ๋า” เมื่อถามว่ากระแสการเมืองที่รุมเร้าเป็นห่วงหรือไม่ นายสมคิดกล่าวพร้อมหัวเราะว่า “ไม่หรอก เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่านายกฯเข้าใจดีใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวตัดบทอย่างอารมณ์ดีว่า “โอเคนะ บ๊ายบาย” และขึ้นรถออกไปทันที

“ชัยวุฒิ” โร่ปฏิเสธไม่ได้ไล่แค่เตือน

ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขอชี้แจงกรณีที่กล่าวในห้องประชุมพรรคเรื่องของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่มีเจตนาไปไล่ท่าน เพียงแต่อยากชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่าเวลามีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการยุบสภา เพราะสภาไม่ได้มีปัญหายังทำงานได้ และนายกฯทำงานได้ดีมาตลอด การยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออกและอยากเตือนให้ทีมเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับภาวะวิกฤติ และควรคิดนอกกรอบ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน

รับนายกฯปรามอย่าพูดรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ในพรรคถึงเจตนาที่ออกมาพูดหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ทำความเข้าใจแล้วไม่มีเจตนาไปไล่ใคร เพียงแต่อยากให้ปรับปรุงการทำงาน เพราะ ส.ส.ถูกตำหนิและซักถามมากเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาช่วงแรกที่แจกแล้วโดนด่า เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายสมคิดหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า “ยังไม่ได้พูดคุยกัน ผมไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับท่าน ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น พูดเพราะหวังดี เพราะยังมีอีกมากต้องแก้ ทั้งการส่งออกที่ชะลอตัว โรงงานทยอยปิดกิจการ มีคนตกงานจำนวนมาก อาจเกิดจลาจลเหมือนที่อเมริกาก็เป็นได้” เมื่อถามย้ำว่าถูกนายกฯปรามใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า นายกฯบอกไม่อยากให้พูดจารุนแรง เพราะเราอยู่ด้วยกันและต้องทำงานด้วยกัน ย้ำว่าตนไม่ได้เจตนาไปไล่หรือพูดจาอะไรไม่ดีกับนายสมคิด แต่หวังดีจริงๆ ไม่ได้มีการเมืองแอบแฝง ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง

“สมศักดิ์” ชี้ยังไม่ปรับ ครม.เร็วๆนี้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และกรรมการบริหาร พปชร. กล่าวถึงปัญหาภายในพรรคขณะนี้ว่า ไม่มีอะไรแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาเป็นหัวหน้าพรรคท่านเป็นกันเองกับทุกคน เมื่อถามว่ามองเห็นความระหองระแหงระหว่างสมาชิกพรรคกับทีมนายสมคิด นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่สามารถไปพูดคุยได้ เพราะนายสมคิดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า นายชัยวุฒิชี้แจงแล้วว่าเป็นประเด็นเรื่องยุบสภา ส.ส.คงไม่อยากให้ยุบสภาขณะนี้ถือว่ายังเร็วเกินไป ประชาชนยังเหน็ดเหนื่อยและคิดว่าทุกอย่างยังไปได้ ส่วนกระแสข่าวการปรับ ครม.ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจากนายกฯเรื่องปรับ ครม. อย่าเพิ่งพูดดีกว่า เมื่อถามว่า แต่มีข่าวว่าบางคนถึงขนาดเตรียมแต่งตัวรอแล้ว นายสมศักดิ์ตอบว่า “ส.ส.ทุกคนก็แต่งตัวกันทุกคน เพราะมีโอกาส ถ้าพรรคเลือกเขาก็มีโอกาส และทั้งหมดต้องให้นายกฯเป็นผู้พิจารณา แต่ผมยืนยันว่าการปรับ ครม.ไม่เร็ว”

“บิ๊กตู่” ย้อนฝ่ายค้านก่อหนี้ทุก รบ.

วันเดียวกันที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ต่อเป็นวันที่ 2 ว่า ขอบคุณสมาชิกทุกคน เข้าใจว่าทุกคนหวังดี ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนบ้างแต่เรามีการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดแนวนโยบาย ส่วนที่มองว่าจัดทำงบฯกลางไว้มากนั้น เพื่อรองรับกรณีภัยพิบัติ ตนไม่ได้กำหนดเพียงคนเดียว มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้งบฯกลาง ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งฉายาว่าเป็นผู้นำแห่งการก่อหนี้นั้น มันก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาลเพียงแต่วันนี้ปัญหาเรามากขึ้นก็ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น ไม่โทษใคร เพราะโทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง เข้าใจความต้องการประชาชน ทุกคนหวังจากรัฐบาล และรัฐบาลก็หวังจากการจัดเก็บรายได้ มันเชื่อมโยงกัน และรัฐบาลต้องใช้งบฯเป็นขั้นเป็นตอน ต้องมีคนได้ คนเสีย ต้องดูว่าคนไม่ได้จะได้เมื่อไหร่ เมื่อถามว่าที่ชี้แจงเรื่องงบท้องถิ่นว่าไม่ต้องการให้ใครแทรกแซง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พูดถึงทั่วไป ที่สื่อถามก็รู้อยู่ในหัว จะถามให้ไปชี้โน้นชี้นี่ตนไม่ชี้ ต้องช่วยกันดูแลทุกโครงการ เพราะประชาชนเป็นคนเสนอผ่านกลไก อย่าไปยุ่งกับโครงการเหล่านั้น เช่น การล็อกสเปก เพราะมันเคยเกิดมาแล้ว เพียงแต่เตือนว่าอย่าไปทำยังไม่ได้ว่าใคร

“วิษณุ” อ้างอยู่นานเลยก่อหนี้มากสุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายค้านว่าการจัดงบฯปี 64 ไม่ตอบโจทย์ประเทศ และกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลชุดนี้ก่อหนี้มากที่สุดนั้น ถ้าว่าจะจริงมันก็จริง เพราะว่ารัฐบาลอยู่นาน เวลาพูดถึงรัฐบาลนี้ต้องไปนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 เขาอยู่นานกว่าคนอื่น ทำงานมากกว่าคนอื่น และต้องใช้เงิน รวมถึงต้องมาเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลอื่นไม่เจอ เมื่อต้องใช้เงิน ดังนั้นจะเอาเงินมาจากไหน สมัยก่อนมาจากภาษีอากร วันนี้ประชาชนไม่มีรายได้ ปิดบ้าน ปิดเมือง ปิดประเทศ ล็อกดาวน์ รายได้ไม่มี รัฐบาลจำเป็นต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.แก้ปัญหาโควิด-19 และ 2.แก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ตรงนี้มีการชดเชยเยียวยากันอยู่ จะไปเอาเงินจากไหนก็ต้องเอามาจากการกู้ ดังนั้นจะกู้มากกู้น้อยไม่แปลก ขอให้มีปัญญาใช้หนี้เขาอย่าเบี้ยวก็แล้วกัน

“สุทิน” ผิดหวัง “ลุงตู่” ชี้แจงไม่รู้เรื่อง

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เท่าที่รับฟังการชี้แจงของนายกฯ มองว่ายังเหมือนเดิม รู้สึกผิดหวังคือพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และเร็วเกินไป ใช้วิธีอ่านเอกสารให้จบ ยังชี้แจงข้อกังวลของฝ่ายค้านได้ไม่ดี อย่างเรื่องต่างชาติย้ายฐานการผลิต นายกฯก็ชี้แจงว่าไปตรวจสอบแล้วยังไม่เห็นมีการย้ายฐานการผลิต พูดเช่นนี้เหมือนไม่รู้ ทั้งที่ภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิตกันโครมๆ ยังไม่พอใจการชี้แจงของรัฐบาล แต่ที่พอใจมีอย่างเดียวคือบรรยากาศการประชุม ที่ไม่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายและแสดงบทบาทด้วยความสุภาพ เท่าที่ สังเกตฝ่ายรัฐบาลเองมีไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดงบประมาณ

ปชป.มองจัดงบฯไม่ตรงวิกฤติ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภาพรวม ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ร่วมอภิปรายมีความเห็นสอดคล้องกันว่าการจัดงบของส่วนราชการยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด จากการประเมินของผู้บริหารพรรคในวันแรก ถือว่า ส.ส.ของพรรคชี้ให้เห็นถึงปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศได้อย่างครบถ้วนเป็นที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับ ส.ส.ฝ่ายค้านถือว่าทำการบ้านมาดีในภาพรวม แต่ยังไม่ได้ลงลึกในตัวงบประมาณเท่าไหร่ นัก ขณะที่นายกฯก็ชี้แจงในจุดที่เป็นข้อสังเกตหรือข้อสงสัยของสมาชิกได้ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี

ถกงบจืด-ส.ส.รุมสับสำนักงบฯ

จากนั้นเวลา 09.30 น. เริ่มการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่สอง โดยบรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างจืดชืด ส.ส.หลายคนอภิปรายตำหนิการทำงานของสำนักงบประมาณที่ตัดงบไม่สมเหตุผล โดยเฉพาะงบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอมา ถูกตัดทิ้งจำนวนมาก อาทิ นายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า สำนักงบประมาณวันนี้ทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเข้าไปทุกวัน ตัดงบไม่สนใจท้องถิ่น ท้องถิ่นเล็กๆเสนอโครงการเล็กๆ แต่สำนัก งบฯกลับให้แต่โครงการใหญ่ สำนักงบฯบริหารงานผิดพลาดมาตลอดหลายยุคนี้แย่มากๆ แม้จะมีอำนาจทำได้ แต่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่อยากทำอะไรทำได้ทุกเรื่อง ต้องฟังคนอื่นบ้าง

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า อยากให้ปฏิรูปสำนักงบประมาณในการจัดสรรงบฯ ส.ส.เหมือนตรายางมีหน้าที่ยกมือให้ผ่าน จะตัดลดก็ไม่ได้ ยกตัวอย่างการจัดสรรงบฯของกรมทางหลวง ที่ได้งบ 20,000 กว่าล้านบาท ไปทำถนน ราดยางถนน ดูแล้วมากเกินไป ควรนำงบเหล่านี้ไปพัฒนาแหล่งน้ำดีกว่า โดยเฉพาะระบบประปาที่หลายพื้นที่มีปัญหา ไม่มีระบบประปาหรือน้ำไม่ไหล

“โรม” ซัดใช้งบฯล้างสมองแก้ไฟใต้

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตัวเลขงบฯสำหรับแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2564 ได้รับ 6,400 ล้านบาท แม้จะดูว่าลดลงจากปี 2563 ประมาณ 900 ล้านบาท แต่รายละเอียดเปลี่ยนแปลงน้อยมาก เพราะงบส่วนใหญ่ 42 เปอร์เซ็นต์ ยังถูกนำไปใช้ในการปรับทัศนคติและโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ขณะที่งบเยียวยาและฟื้นฟูสันติภาพได้เพียง 16.4 เปอร์เซ็นต์ ที่น่าสนใจคือโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง ซึ่งถูกสภาวิจารณ์มากเมื่อปีที่แล้วว่าเป็นงบล้างสมอง ให้ทหารเข้าไปในโรงเรียนปลูกฝังค่านิยมให้เด็กนักเรียน มาปีนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสันติสุข แต่รายละเอียดโครงการแทบจะถอดแบบกันมา ถือเป็นความพยายามตบตาสภาใช่หรือไม่ เห็นสภาเป็นแค่ตรายาง สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการใช้พื้นที่ชายแดนใต้เป็นห้องทดลองมนุษย์ ทดสอบนวัตกรรมควบคุมเก็บข้อมูล ล้างสมองประชาชน มีชาวบ้านในพื้นที่เป็นหนูทดลอง วันนี้ทดลองจากประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ก่อน สบ โอกาสเมื่อใดค่อยเอามาใช้ทั่วประเทศ

ก้าวไกลเหน็บคนพายเรือให้โจร

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า 6 ปีของยุค คสช.สู่รัฐบาลสืบทอดอำนาจจากกลุ่มคนหน้าเดิม เพิ่มเติมด้วยกลุ่มคนที่พายเรือให้โจรนั่ง ทำให้ประเทศเราถดถอย ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องเตือนทันทีและขอให้ถอนคำพูด นางอมรัตน์จึงเปลี่ยนคำพูดเป็น กลุ่มที่สนับสนุน คสช.ให้เป็นรัฐบาล ทำให้ประเทศถดถอย จนถูกจัดให้ติดอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ แต่ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน คือความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความยุติธรรม ล้าหลัง ซ้ำเติมคนจนคนด้อยโอกาส เพราะกองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ และกรมบังคับคดี ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงกฎหมาย ได้รับงบฯน้อยมาก ปี 2562 มีการจัดสรรงบส่วนนี้มาช่วยเหลือคนที่ถูกละเมิดสิทธิมมนุษยชน เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น สาเหตุเพราะคนเหล่านี้ล้วนมีทัศนะทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาลและกองทัพ

“สาทิตย์” ปูดผู้ช่วย รมต.เคาะกะลา

ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การจัดทำงบปี 64 เป็นไปตามปกติ ไม่ใช่การจัดงบในสภาวะวิกฤติ เป็นคำตอบว่าเราจะแก้วิกฤติได้หรือไม่ เมื่อไปดูการจัดทำงบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท จากงบเงินกู้ พบว่าไม่มีกรอบการใช้เงินที่ชัดเจน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บรรเลงเองหมด คำถามคืองบเหล่านี้ จะถึงมือประชาชน หรืออยู่ในมือผู้รับเหมา หรือคนจัดอีเวนต์ ที่ จ.ตรัง มีคนแอบอ้างว่าเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี บอกว่ามีงบในมือ 300 ล้านบาท ใครจะขอให้บอกมา ทั้งนี้ ถ้าจะแก้ไขปัญหา 1.ต้องปรับวิธีการกลั่นกรองงบเงินกู้ 4 แสนล้านบาทใหม่ทั้งหมด 2.ปรับหลักเกณฑ์ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย กับ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน 3.เร่งการใช้จ่ายงบปี 63 และ 64 อย่างมีประสิทธิภาพ 4.งบประมาณปี 2565 ต้องปรับโครงสร้างงบประมาณใหม่ และจัดเป้าหมายใหม่เป็นงบวิกฤติ ไม่ใช่งบปกติ

ขู่นับองค์ประชุม ส.ส.รบ.โหรงเหรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมในช่วงเย็นมีสะดุดเล็กน้อย เมื่อนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือว่าองค์ประชุมเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ทำไมการประชุมงบปี 64 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่รัฐบาลเสนอ ถึงมีแต่ ส.ส.ฝ่ายค้านนั่งฟัง และรออภิปราย ส.ส.รัฐบาลหายไปหมด ทำไมวังเวงแบบนี้ นายกฯเองก็มานั่งรอตั้งใจจะตอบอยู่ ตนไม่อยากใช้ข้อบังคับให้นับองค์ประชุม ฝ่ายค้านรู้สึกมันวังเวงและว้าเหว่จริงๆ ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ ทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวติดตลกว่า “อย่างน้อยครูมานิตย์ก็มีประธานนั่งเป็นเพื่อนอยู่” ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล รีบชี้แจงว่า ส.ส.รัฐบาลยังอยู่ครบ นั่งอยู่รอบๆห้องประชุม รอและรับฟังการอภิปรายอยู่ตลอด การประชุมจึงดำเนินต่อไป

“เทพไท” ทวงความเป็นธรรมคนใต้

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอพูดแทนคนภาคใต้ 9.4 ล้านคน ทวงความเป็นธรรมที่เสียโอกาสการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานมาตั้งแต่ยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พูดถึงงบพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์รวม 109,023.8 ล้านบาท มีงบก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ ที่ต้องการถนนมอเตอร์เวย์ในภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคอื่น ที่มีครบทุกภาคแล้ว ยกเว้นภาคใต้ รัฐบาลควรสร้างถนนทางเลือกในภาคใต้ เช่น ถนนมอเตอร์เวย์ หรือถนนโลคัลโรด เลียบทางรถไฟสายใต้ จึงอยากให้รัฐบาลรับข้อเสนอไปพิจารณาและจัดสรรในปีต่อไป เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ที่ถูกทอดทิ้ง และเสียโอกาสมานาน

“บิ๊กตู่” เด้งรับสั่งคมนาคมไปศึกษา

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกภาค ทุกจังหวัด ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ตนเห็นใจ สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาแล้ว สำคัญที่สุดวันนี้เราพัฒนาภาคใต้มาตามลำดับ มากกว่าช่วงที่ผ่านมา อย่างเรื่องสนามบิน จ.ตรัง มีงบพัฒนาถนนเข้าสนามบินแล้ว เพราะ ประธานสภาฯเป็นห่วง ตนฟังเสียงประชาชน ทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์การคมนาคมขนส่ง ในฐานะผู้นำจะเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การขนส่งใหม่ทั้งประเทศ ต้องทำพร้อมกับรถไฟคู่ขนาน ร่องและทางระบายน้ำ วันนี้ประชาชนมากขึ้น เราทำเส้นทางใหม่จะเกิดการเคลื่อนย้าย จ้างงาน สร้างอาชีพ ต้องขอความร่วมมือ ส.ส.ทุกพรรค ต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม สุจริต เริ่มต้นการศึกษา ทำอีไอเอ ทำประชา-พิจารณ์ไปตามขั้นตอน สำคัญสุดคือต้องมีการลงทุน ถ้าเป็นโครงการมอเตอร์เวย์ต้องเป็นการลงทุนแบบรัฐร่วมทุนกับเอกชน ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปอีกนาน วันนี้โครงการต่างๆเสนอเข้ามาแล้ว อยู่ในชั้นกรรมาธิการที่จะแปรญัตติ

ก้าวไกลขยี้ “ธรรมนัส” ไม่เลิก

อีกเรื่องนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ 2 เรื่อง ที่รับคำร้องแล้วคือเรื่องการถูกจำคุกในต่างประเทศของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว เรื่องที่สองไม่รับคำร้องวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส กรณีภรรยาถือหุ้นของบริษัท ตลาดคลองเตย (251) จำกัด เป็นคู่สัญญากับรัฐ และเช่าแบบผูกขาดหรือไม่ ตอกย้ำกับภาพฉายาเป็นรัฐมนตรีเทวดา แต่ไม่ว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นอย่างไร ขอให้ประชาชนมองอย่างเป็นกลาง พรรคก้าวไกลสัญญาว่า ส.ส.ของพรรคทั้ง 54 คน จะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม.ต่อไป

“เก่ง” แอ่นอกรับ “สิระ” ฟ้องกลับ

ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะฟ้องดำเนินคดีกับ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับตำรวจและผู้บริหารท้องถิ่นที่ จ.ภูเก็ต ว่า ถือเป็นสิทธิของนายสิระ พร้อมรอรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นหน้าที่พิทักษ์สิทธิประชาชนที่ถูกข่มเหงรังแก หากฟ้องร้องจริงก็รอไปแก้ต่างตามกระบวนการยุติธรรม ไม่กลัวอยู่แล้ว ขอให้มาฟ้องตนคนเดียว เพราะเป็นคนเริ่มต้นทำเรื่องนี้ คนอื่นแค่ไปขอให้ร่วมลงชื่อรับรองเท่านั้น ส่วนตัวไม่ได้สนใจ ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับนายสิระ แต่หลายๆพฤติกรรมเหมือนกับว่าจะพุ่งมาที่ตน ก็ขอให้ทำตามกฎหมาย

กกต.เล็งเลือกซ่อมปากน้ำ 9 ส.ค.

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการรับรองผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. มีข้อร้องเรียน 2 เรื่อง คือ การใช้เงินซื้อเสียง และเจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเสนอที่ประชุม กกต.ในอีก 2 สัปดาห์ ขณะนี้ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่ กกต.จะต้องพิจารณาประกาศผลได้หรือไม่ ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 นั้น ได้ประสานไปยังรัฐบาลเพื่อตรา พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง เบื้องต้นคาดว่า วัน เลือกตั้งน่าจะเป็นวันที่ 9 ส.ค.

ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดปมถวายสัตย์

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมากให้ส่งเรื่องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทั้งนี้ เป็นมติของ กมธ.เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่มี กมธ.ประชุมพิจารณา 8 คน ฝ่ายค้าน 5 คน ฝ่ายรัฐบาล 3 คน โดย กมธ. 4 เสียง เห็นด้วยให้ส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช.อีก 4 คน คือ ตนและ กมธ. ฝ่ายรัฐบาล 3 เสียง งดออกเสียง

อ้าง “อภิสิทธิ์” ยืนยันไม่ครบถ้วน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า กมธ.เคยเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ มาให้ข้อมูล ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า เป็นการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ยังเชิญนายกฯมาชี้แจงแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ เชิญเลขาธิการ ครม.มา ปรากฏว่าไม่ยอมมา เลื่อนให้ข้อมูล 6 ครั้ง จึงได้รวบรวมหลักฐานข้อมูลทั้งหมดส่งให้ กมธ.ลงมติดังกล่าว และได้ยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ

จ่อทูลเกล้าฯ “สุชาติ” นั่ง ป.ป.ช.

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อธิบดีศาลแพ่งมีนบุรี ที่ที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการพ้นจากตำแหน่ง สนช.ไม่ถึง 10 ปีว่า ได้ตรวจสอบจนได้ข้อเท็จจริง และความเห็นผู้เกี่ยวข้องเพียงพอที่จะทำตามขั้นตอน นำชื่อนายสุชาติขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป ด้วยเหตุผล 1.นายสุชาติ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. เพราะคณะกรรมการสรรหาฯยืนยันกระบวนการถูกต้อง 2.ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานกรรมการสรรหาฯให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนยืนยันคณะกรรมการสรรหาฯทำหน้าที่ด้วยความสุจริต และ 3.ประธานวุฒิสภาศึกษาอย่างละเอียด และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายแล้ว ไม่พบบทบัญญัติกฎหมายใดให้อำนาจประธานวุฒิสภาส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย