ห้วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 คนไทยอยากเห็นนักการเมืองร่วมมือร่วมใจแก้วิกฤติครั้งนี้ ไม่ใช่ต่างฝ่ายเดินเกมอาศัยช่วงความเดือดร้อนของประชาชนชิงความได้เปรียบทำคะแนน และแน่นอนโควิด ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีชีวิตใหม่ ผู้คนต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับยุค “New Normal” หลังผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว ส่วนการเมืองไทย จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูจะเดินหน้า หรือถอยหลัง

เพราะโควิด ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “New Normal” ในทุกวงการทั้งเศรษฐกิจ สังคม และแม้แต่การเมือง ในมุมมองของรศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” โดยในแง่ของการเมืองจะส่งผล 2 ส่วน ในเรื่องโครงสร้างทางการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่

  • เริ่มจากโครงสร้างทางการเมือง จะทำให้ลักษณะการทำงานของรัฐไม่เหมือนเดิม จากที่เรียกว่ารัฐราชการ มีการรวมอำนาจระบบราชการในส่วนกลาง จะกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นมากขึ้น นอกจากนี้จะเกิด อี-กอฟเวอร์เมนต์ มาสู่การปรับเปลี่ยนทำให้รัฐสภาและการเมือง จะกลายเป็นสถาบันที่ล้าหลัง ไม่สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้

...

“ช่วงเกิดโควิดได้เห็นว่ารัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หรือแม้แต่ฝ่ายค้านจะขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ ก็ยังทำไม่ได้ จึงเกิดคำถามว่ารัฐสภาและการเมือง ควรต้องปรับตัวหรือไม่”

  • เมื่อโควิดนำไปสู่ “New Normal” จะทำให้การเมืองนอกสภา เกิดการเคลื่อนไหวทางสังคมมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะทางกายภาคเท่านั้น อาจมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภาในหลายรูปแบบ เช่น ม็อบฟอร์มโฮม

  • การเปลี่ยนแปลงอีกส่วนที่จะเกิดขึ้นกับวัฒนธรรมการเมือง จากเดิมไม่เห็นการมีส่วนร่วมให้ประชาชนเข้ามามีบทบาท และเมื่อเข้าสู่ยุคดิสรัปชั่น (Disruption) มาสู่ “New Normal” จะทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบติดตามมากขึ้น จนภาพการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงจากความท้าทาย ซึ่งมาจากปัจจัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

  • หากรัฐบาลไม่ปรับตัวจะไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากโควิดเป็นโรคโลกาภิวัตน์ มีศูนย์กลางการระบาดเคลื่อนไหวตลอดเวลาไปทั่วโลก สะท้อนภาพให้เห็นว่าเป็นการสลายความเป็นรัฐชาติ ซึ่งขอบข่ายอำนาจต่างๆ ไม่สามารถแก้ไขได้ จนกลายเป็นการเมืองในเรื่องระบาดวิทยา

จากสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤติโควิด หากมองพฤติกรรมของนักการเมืองไทยคงปรับตัวได้ยาก ยังมีแนวคิดการเมืองแบบเดิมๆ แต่การเมืองไทยจะเกิดมิติใหม่เข้ามาทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อม การระบาดวิทยา ซึ่งนักการเมืองในอดีตไม่เคยคำนึงถึง แต่ในสภาได้มี ส.ส.หน้าใหม่เข้ามา จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่เกิดขึ้นตามเจนเนอเรชั่นใหม่

เพราะฉะนั้นหากทำการเมืองแบบล้าหลังโดยยึดติดกับแกนนำไม่กี่คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องตำแหน่งต่างๆ ซึ่งในอนาคตมองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่เช่นนั้นจะล้าหลัง และการเลือกตั้งในอนาคตไม่ได้อยู่ที่เงินทุนในการจะกวาดที่นั่งอีกต่อไป ทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง

“นักการเมืองรุ่นเก่า หรือนักการเมืองรุ่นใหม่ หากยังมีความคิดเก่าๆ จะอยู่ไม่ได้ สรุปเลยว่าโควิด เป็นการล้างไพ่ อย่างเช่นในยุโรป ช่วงการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือช่วงเดอะเกรทดีเปรสชัน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เกิด New Normal ทุกครั้ง”