เมินเปิดวิสามัญ ‘ปลัด สธ.’ ยันอีกไม่แตะบัตรทอง
วิปรัฐบาลจับมือ ส.ว. ปิดประตูเปิดสภาฯวิสามัญ “วิรัช” อ้างสงครามโควิดใกล้สำเร็จ ส.ส.มารวมตัวไวรัสระบาดจะทำอย่างไร ค้านปลดล็อกดาวน์ผวาติดเชื้อก้าวกระโดดซ้ำรอยสิงคโปร์ “ชัยชนะ” อวยมาถูกทางแล้ว ควรรอให้ลุล่วงก่อน “อัครเดช” เบรก สนท.ปลุก “ม็อบฟรอมโฮม” รอจบโควิดก่อนค่อยมาไล่ “ลุงตู่” ด้าน “วันชัย” ดักคอแค่จะใช้เวทีสภาฯด่ารัฐบาล สะกิดคนกันเองรื้อแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไม่ทันโลก ปลัด สธ.การันตีไม่มีหมกเม็ดตัดงบบัตรทอง “โฆษกรัฐ” ย้ำนายกฯสั่งการทำอะไรต้องไม่กระทบประชาชน “มหรรณพ” เตือนการ์ดอย่าตก ผ่อนปรนต้องมีเงื่อนไข “จาตุรนต์” เชียร์เปิดรับฟังรอบด้าน เหน็บถ้าโปร่งใสไม่มีเหตุผลต้องหวาดกลัว “วัฒนา” เย้ยโอกาสอยู่ในมือคนโง่ก็เป็นวิกฤติ “วันนอร์” ลั่นเป็น ส.ส.กินภาษีจะนิ่งอยู่เฉยไม่ได้
ฝ่ายรัฐบาลไม่ตอบรับข้อเรียกร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขอให้รัฐบาลเปิดให้มีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ และแนวทางการแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งวิปรัฐบาลและวุฒิสภา ต่างอ้างว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหามาถูกทางแล้ว และเหลืออีกเพียง 1 เดือนจะเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญอยู่แล้ว
...
“วิรัช” นัดถกแกนนำวิป รบ.27 เม.ย.
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะเสนอให้มีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญชำแหละ พ.ร.ก.กู้เงินว่า ในความเห็นส่วนตัวมองว่าไม่ควรที่จะมีการประชุมสภาในขณะนี้เพราะหลายฝ่ายกำลังร่วมมือกันเพื่อกำจัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้หมดไป ถือว่าใกล้ประสบความสำเร็จแล้ว หากมีการเปิดประชุมสภาฯแล้วมีคนมารวมตัวกันทำให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดขึ้นมาอีก แล้วจะทำอย่างไร อย่างไร ก็ตาม วิปรัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยกับข้อเสนอของฝ่ายค้าน ในการประชุมวันที่ 27 เม.ย. จะหารือร่วมกับแกนนำวิปรัฐบาลแต่ละพรรค เพื่อหาข้อสรุปเรื่องนี้อีกครั้ง
รีบปลดล็อกผวาติดเชื้อพุ่งแบบสิงคโปร์
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล มองว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงหลักสิบต้นๆ หากเราสามารถพยุงไว้เช่นนี้ได้ จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง หากมีการเปิดให้ใช้ชีวิตตามปกติก็อาจจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงอย่างก้าวกระโดดแบบบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 1,500 คน ดังนั้นหากมีการเปิดประชุมสภาฯแล้วทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างนั้นบ้างจะทำอย่างไร
วิป ปชป.ค้านเปิดประชุมสภาฯวิสามัญ
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการประสานงาน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญว่า ไม่เห็นด้วย ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศว่าจะยกเว้นให้สภาผู้แทนราษฎรจัดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญได้หรือไม่ เพราะยังมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ให้หยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติอยู่ นอกจากนี้ การเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญประจำปี 63 ตามกำหนดเดิมที่จะเปิดในวันที่ 22 พ.ค.อยู่ในห่วงเวลาใกล้เคียงกันพรรคฝ่ายค้านจึงควรจะรอให้มีความชัดเจนของสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดก่อนจะดีกว่า เพราะต้องยอมรับว่าการแก้ไขทั้งการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ รัฐบาลดำเนินการมาถูกทาง มีผู้ติดเชื้อลดจำนวนลงมาก ส่อไปในทิศทางที่ดีจึงควรจะรอการสรุปสถานการณ์ การวางมาตรการในการคลายล็อกควบคู่ไปกับการช่วยเหลือ สนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงผ่านไปก่อนจะดีกว่า
เบรก สนท.รอจบโควิดค่อยไล่ รบ.
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกวิปรัฐบาลกล่าวถึง ข้อเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาฯวิสามัญเร่งอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินและรับฟังแนวรับมือผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ว่า วิปรัฐบาลนัดหารือเตรียมการพิจารณากฎหมายที่จะเข้าสู่สภาฯสมัยสามัญแล้ว จึงอยากให้อดทนรอ เวลานี้ยังอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอยู่ ขณะที่ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้แล้ว อีกไม่ถึงเดือนเมื่อถึงช่วงเปิดประชุมสภาฯ พวกเราในฐานะ ส.ส. มาใช้เวทีสภาฯร่วมกัน เพื่อชี้แนะเพิ่มเติมได้ยังไม่ช้าเกินไป เพราะวิกฤติครั้งนี้ยังใช้เวลานานพอสมควร ในการฟื้นฟูประเทศ จึงอยากให้ทุกฝ่ายรวมไปถึงสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่ออกมาทำแคมเปญ #MobFromHome ได้ให้เวลารัฐบาลทำงานก่อน ประเทศต้องการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนสนับสนุนให้ฟันฝ่าวิกฤติไปให้ได้ โควิดไม่ใช่แค่แพร่ไวรัส แต่ยังเป็นปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจด้วย อยากให้ สนท.มาร่วมฟันฝ่าวิกฤติกับประชาชน เรื่องทางการเมืองเมื่อจบโควิดหมดวิกฤติเมื่อไหร่ ค่อยมาว่ากันใหม่
ปลัด สธ.การันตีไม่ตัดงบบัตรทอง
เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงการจัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) โดย นพ.สุขุมกล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการตัดงบบัตรทองว่า งบประมาณในส่วนนี้จำนวน 2,400 ล้านบาท ไม่ได้ถูกตัดตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ยืนยันไม่กระทบการดูแลประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ โควิด-19 งบฯอาจจะไม่เพียงพอ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบฯกลาง 3,000 ล้านบาท ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มเติม สามารถใช้ในการตรวจจากผู้ป่วย ทำห้องความดันลบ ยืนยันการดูแลประชาชนไม่มีเปลี่ยนแปลงมีแต่จะดีขึ้นขอให้มั่นใจ เพราะงบฯบัตรทองวางไว้ตั้งแต่ต้นปี นายกฯยังให้มาสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์กว่า 40,000 ตำแหน่งตามมติ ครม.วันที่ 15 เม.ย. แต่ละปี สธ.มีรายได้จากงบประมาณและนอกงบประมาณที่เป็นการบริจาคต่างๆของประชาชน ตอนต้นปีมีการกำหนดเงินเดือนจากแหล่งที่มาต่างๆ คนที่ได้รับการบรรจุมีการเตรียมงบฯบำรุงอยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้
นายกฯย้ำทำอะไรต้องไม่กระทบ ปชช.
ด้านนางนฤมลกล่าวว่า นายกฯให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพประชาชน จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณหารือกันเพื่อหาเงินมารองรับไม่ให้กระทบทั้งสองส่วน ทั้งการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ และการดูแลประชาชนที่ถือสิทธิบัตรทอง ยืนยันผู้ถือสิทธิประโยชน์ของบัตรทองไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ขอให้มั่นใจยังมีสิทธิ์รักษาตามเดิมทั้งหมด ส่วนการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์กว่า 40,000 ตำแหน่ง มีแหล่งงบประมาณรองรับไว้แล้ว นายกฯได้สั่งการว่าการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ต้องไม่กระทบกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ถือสิทธิบัตรทอง
“ไก่” อัดโอกาสในมือคนโง่เป็นวิกฤติ
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วิกฤติโควิด-19 คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะทำให้เศรษฐกิจทุกประเทศในโลกพังพินาศ กลับมานับหนึ่งเหมือนกันหมด เศรษฐกิจไทยที่แย่กว่าชาติอื่น จะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ พฤติกรรมของมนุษย์ภายหลังโควิด-19 จะให้ความสำคัญกับสุขภาพและสุขลักษณะจะทำให้การเริ่มต้นของไทยได้เปรียบชาติอื่น เริ่มจากสภาพแวดล้อมที่ไวรัสไม่ชอบ ความเข้มแข็งของการสาธารณสุขโดยเฉพาะโครงการ 30 บาท ที่กลายเป็นต้นแบบของโลก อดีตประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แนะนำว่า ไทยควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข คัดกรองคนเข้าประเทศ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยจากความตายที่มองไม่เห็น จะทำให้การลงทุนและการท่องเที่ยวกลับมาอย่างรวดเร็ว ไทยจะกลายเป็นสวรรค์ของพวกกลัวตาย ทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่ร่อแร่มีโอกาสฟื้นตัว แต่ถ้าเจอผู้นำอีกแบบ โอกาสจะกลายเป็นวิกฤติแทน
ซัดรัฐราชการช่วยช้าได้แต่คำสาปแช่ง
“เช่น การจ่ายเงินเยียวยา ถ้ารัฐบาลจ่ายให้กับทุกครอบครัว ครอบครัวละ 10,000 บาทต่อเดือน ให้หัวหน้าครอบครัวเอาบัตรและทะเบียนบ้านไปรับเงินที่ธนาคารก่อน แล้วรัฐบาลค่อยโอนเงินไปคืนให้ธนาคาร จะทำให้คนไทยมีเงินใช้ทันที จะเกิดการจับจ่าย กระตุ้นการบริโภคภายใน และเงินที่จ่ายแม้ต้องกู้มาก็ไม่มีใครว่า มีแต่จะได้รับคำยกย่อง ที่เคยทำเศรษฐกิจพังมาคนจะลืมและให้อภัย แต่บางรัฐบาลกลับทำให้โอกาสกลายเป็นวิกฤติแทน สร้างเงื่อนไขการจ่ายเงินยุ่งยากแบบรัฐราชการ จ่ายเงินล่าช้าและไม่ทั่วถึงจนคนต้องฆ่าตัวตายทั้งที่เป็นเงินของประชาชน แทนที่จะได้คำชมก็เลยได้คำสาปแช่งจากทุกสารทิศ ตรงกับคำกล่าวที่ว่าถ้าโอกาสไปตกอยู่ในมือคนโง่จะกลายเป็นวิกฤติแบบที่เห็น
“สมคิด” ฉะข้อมูลมั่วช่วยเกษตรกรยุ่งอีก
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาของรัฐบาล ที่มีปัญหาจ่ายให้กับบางคนที่ไม่มีสิทธิ เช่น พนักงานรัฐวิสาหกิจว่า เป็นความไม่รอบคอบของรัฐบาลเอง ความจริงการพิสูจน์สิทธิไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เมื่อเราใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบคัดกรองไปในเบื้องต้นแล้ว ควรให้เจ้าหน้าที่ในองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาตรวจสอบข้อมูลอีกสักครั้ง ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมาย แต่จะทำให้ข้อมูลถูกต้องไม่ผิดพลาด และไม่ต้องมาเรียกเก็บเงินคืนกันภายหลัง เพราะถ้ายังปล่อยให้เกิดกรณีแบบนี้บ่อยๆ จะสร้างปัญหาไม่รู้จบ รัฐบาลจึงควรหันกลับมาดูวิธีการว่า ทำไมจึงมีช่องโหว่แบบนี้อยู่ ส่วนตัวมองว่านอกจาก ให้ท้องถิ่นเข้ามาช่วยแล้ว ระบบข้อมูลรัฐบาลควรจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ เพราะถ้าข้อมูลยังไม่มีการปรับปรุงการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ค.จะเป็นปัญหาอีก ดังนั้นเวลานี้ก่อนจะจ่ายเงินให้กับเกษตรกร รัฐบาลควรไปตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เรียบร้อยก่อน อย่าให้มีปัญหาแบบนี้อีก เพราะวันนี้เกษตรกรเขารอการช่วยเหลืออยู่
“อ๋อย” เชียร์เปิดเวทีรับข้อเสนอรอบด้าน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แก้วิกฤติโควิด-19 ว่า ขณะนี้จำเป็นที่สุดต้องให้เปิดประชุมรัฐสภา ส.ว.อาจไม่เห็นความสำคัญเพราะปกติไม่ค่อยทำหน้าที่บทบาทในรัฐสภา ที่ต้องตรวจสอบการทำงานรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้เตรียมงบฯไว้สำหรับสถานการณ์วิกฤตินี้ จำเป็นต้องใช้เงินเยียวยาประชาชนและภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แม้แต่งบฯด้านสาธารณสุขยังขาดแคลน จึงจำเป็นต้องรีบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อให้ใช้งบฯปี 63 ได้โดยเร็ว แล้วพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลัง เป็นการใช้เงินและงบประมาณมหาศาล ปัญหาเหล่านี้หากเปิดประชุมสภาแล้วรัฐบาลเสนอขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ จะได้เสียงสะท้อนปัญหาและข้อเสนอรอบด้าน ทำให้ทุกฝ่ายมองเห็นปัญหาในภาพรวม แก้ปัญหาตรงจุดและรวดเร็วมากขึ้น
ถ้าโปร่งใสไม่มีเหตุผลต้องหวาดกลัว
“ในอดีตเวลามีปัญหาใหญ่ๆประชาชนเดือดร้อนกันมากๆ การเปิดอภิปรายในสภาช่วยให้รัฐบาลรับรู้และแก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้นมาตลอด สถานการณ์ขณะนี้ยิ่งจำเป็น หากรัฐบาลทำงานทุกอย่างโปร่งใสก็ไม่มีเหตุผลหวาดกลัวการประชุมสภาหรือเสียงสะท้อนจากประชาชน สิ่งที่นายกฯควรทำขณะนี้คือเปิดไฟเขียวให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมสนับสนุนให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญและรัฐบาลควรเป็นฝ่ายเสนอขอเปิดให้มีอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็น ส.ส.” นายจาตุรนต์กล่าว
บี้ รบ.ทำแผนคลายล็อกชัดไม่ลักลั่น
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ส่วนกระแสเรียกร้องคลาย ล็อกให้เศรษฐกิจเดินได้ หลัง พ.ร.ก.ฉุกเฉินครบกำหนดวันที่ 30 เม.ย. เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ควรนำมาอภิปรายกันในสภา ขณะนี้การควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ดี แต่มีค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องร่วมกันจ่ายด้วยการต้องหยุดงาน ไม่มีรายได้ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน ถึงขั้นไม่มีจะกิน ข้อเสนอทางวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่เห็นว่าควรเปิดให้เศรษฐกิจโดยมีมาตรการที่เข้มงวดรองรับ แต่รัฐบาลยังขาดความชัดเจนจะตัดสินใจอย่างไร ทำให้เกิดการปฏิบัติที่ลักลั่นและคาดการณ์เตรียมการที่ต่างๆ กันไป ที่สำคัญรัฐบาลควรตัดสินใจและมีแผนอย่างเป็นขั้นตอน ควรทำความเข้าใจถึงมาตรการและเงื่อนไขเปิดกิจการและทำ กิจกรรมต่างๆว่าต้องมีแนวปฏิบัติอย่างไร แล้วจัดให้ชี้แจงของผู้รับผิดชอบด้านต่างๆทางทีวีพูลเลย ไม่ควรปล่อยให้ข้อมูลออกมาจากที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง จนไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง
เฉ่งข้อมูลสับสนคนรู้วงในได้เปรียบ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า หากปล่อยให้ทุกอย่างสับสนอยู่ อาจทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทำธุรกิจ เพราะผู้ประกอบการบางส่วนรู้ข้อมูลวงในเตรียมพร้อมได้ก่อน ผู้ไม่ได้ข้อมูลไม่กล้าเตรียมการ ถึงเวลาเปิดก็เปิดไม่ได้ ที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อเปิดแล้วอาจไม่มีมาตรการทางด้านสาธารณสุขและมาตรการการจัดระยะห่างทางสังคมที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้ปัญหาวนไปเวียนมาหาทางออกไม่เจอ ในขณะที่ประชาชนนับสิบๆล้านคนเดือดร้อนมากขึ้น
“วันนอร์” ชู ส.ส.กินภาษี ปชช.อยู่นิ่งไม่ได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีท่าที ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ และแนวทางการแก้ปัญหาโควิดว่า เราต้องเคารพในความคิดเห็นของเขา แต่ส่วนตัวคิดว่าเมื่อประชาชนเดือดร้อน ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลควรร่วมกันให้ความคิดเห็นกับรัฐบาลที่เป็นฝ่ายบริหาร ให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ที่เราต้องการเปิดสภาฯไม่ต้องการไปขัดขวางรัฐบาล แต่อยากให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ทันการณ์กว่านี้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลทำอะไรอืดอาดไม่ทันการณ์ ถ้าเปิดสภาฯมีการพูดจากันอาจมีมาตรการต่างๆมาบอกรัฐบาลให้การทำงานดีขึ้น และเรา ส.ส. ที่กินเงินเดือนของประชาชนอยู่ เมื่อประชาชนเดือดร้อนจะนิ่งเฉยให้รัฐบาลทำฝ่ายเดียวคงไม่ถูกต้อง การไปช่วยเหลือประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเองคงแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมด จึงน่าจะร่วมกันแสดงความคิดเห็นให้กลไกของรัฐบาลกระฉับกระเฉงยิ่งขึ้นและจะทำให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น เงินงบประมาณที่จะกู้เป็นเงินไม่น้อย จึงต้องช่วยกันวางมาตรการต่างๆเพื่อให้การใช้เงินจำนวนนี้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ
เฉ่งเยียวยาช้ายิ่งเสียหายหนักกว่า
เมื่อถามถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาของรัฐบาล ที่มีปัญหาจ่ายให้กับบางคนที่ไม่มีสิทธิ์ เช่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า การจ่ายเงินอาจมีผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนที่ขอรับสิทธิ์มีจำนวนมาก เมื่อผิดพลาดต้องเรียกคืนภายหลัง แต่สิ่งที่จะสร้างความเสียหายมากกว่าความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ นี้คือความล่าช้า ถ้ามัวแต่กลั่นกรองกันมากไปชาวบ้านจะลำบาก จึงอยากให้จ่ายเงินด้วยความรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ เพราะชาวบ้านจะอดตายกันทุกวัน ตั้งแต่ประกาศล็อกดาวน์ เป็นเดือนกว่าเงินยังไปไม่ถึง ส่วนที่ผิดพลาดค่อยเรียกคืนทีหลัง วันนี้รัฐบาลต้องเอาเงินมาชดเชยให้เร็วที่สุด
“ปดิพัทธ์”ฉะไร้ประสิทธิภาพคนอดโซ
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่าขอวิจารณ์มาตรการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาผ่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการเยียวยาผ่านมาตรการเราไม่ทิ้งกัน ที่มีประชาชนตกค้างไม่ได้รับการเยียวยาจำนวนมาก เข้าใจใน ความจำเป็นทางสาธารณสุข ที่ยังคงต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรายังไว้ใจสถานการณ์ไม่ได้ แต่อีกด้านหนึ่งตัวเลขคนฆ่าตัวตายสูงขึ้น และปัญหาปากท้องเป็นวิกฤติรุนแรงไม่แพ้กัน การปิดเมืองต่อโดยที่ไม่ปิดประเทศ และไม่มีการเยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้า จะนำพาความเดือดร้อนทุกข์ยากแสนสาหัสมาสู่คนพิษณุโลกและจังหวัดอื่นเพิ่มขึ้น กลุ่มคนที่อยู่ในกลุ่มพื้นที่เสี่ยง เช่น ผับ บาร์ ร้านอาหาร เป็นกลุ่มแรกที่ถูกปิด และเป็นกลุ่มท้ายๆที่จะเปิดได้ เป็นกลุ่มที่โดนทั้งค่าเช่า หนี้สินทั้งในและนอกระบบ คำขู่ยึดที่ ยึดรถ ไล่ออกจากห้องเช่า แผงต่างๆ ไล่ตามจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร คำถามคือแล้วรัฐช่วยพวกเขาให้อยู่บ้านเฉยๆได้อย่างไร พวกเขาควรเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการยกเว้นค่าเช่า มอบถุงยังชีพ และดูแลครอบครัวไม่ใช่หรือ แต่ทำไมมีแต่คำสั่งปิดและทิ้งกลุ่มนี้ไว้ในฐานะที่เสี่ยงกับคนที่เหลือ นี่ คือความไม่ยุติธรรม ไม่รอบคอบ ไม่มีประสิทธิภาพในการออกนโยบาย
แนะ 6 มาตรการควรทำได้ทันที
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ขอเสนอมาตรการที่เราควรทำและทำได้เลย อย่างน้อยใน จ.พิษณุโลก คือ 1.ทำด่านการเดินทางสาธารณะต่อไปอย่างเข้มแข็ง และจัดสรรงบฯให้เพียงพอ 2.แจกหน้ากากและ Face shield ให้ทุกคนทุกบ้านและบังคับให้ใส่เมื่อออกนอกบ้าน 3.อนุญาตให้ร้านอาหารนั่งทานและร้านตัดผมเปิดได้ แต่จำกัดจำนวนคนต่อครั้ง ไม่ให้เกินตามที่กำหนด และลูกค้าต้องเช็กอินเพื่อส่วนกลางจะได้มีฐานข้อมูลเฝ้าระวัง 4.ให้ตลาดนัดจัดการแผงใหม่ห่างกัน 1.5-2 เมตร สลับคิวให้เข้ามาตั้งร้านได้ไม่เกินที่กำหนด มีทางเข้าออกทางเดียวและมีจุดสแกน แจกเจลแอลกอฮอล์ จุดล้างมือให้บริการ 5.คนที่อยู่ในพิษณุโลกโดยไม่มีอาการครบ 28 วันแล้วให้ติดสติกเกอร์ที่บัตรประชาชน และ 6.ตรวจเชิงรุกคนที่มีอาการทุกคน ไม่ต้องรอมาขอตรวจและกักตัวตามมาตรการเดิม เรื่องพวกนี้ทำได้ทันที เอาเงินที่ต้องแจกไปเรื่อยๆมาลงทุนด้านมาตรการความปลอดภัย แล้วค่อยๆผ่อนคลายไปทีละพื้นที่-กลุ่มงาน ควบคู่การเยียวยากลุ่มที่ยังเปิดไม่ได้ และขอเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพราะมีหลายเรื่องที่เราต้องตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะเงินกู้ 2 ล้านล้าน ต้องนำเสนอมาตรการหลายอย่างที่จะทำให้การแก้ปัญหาโควิดมีประสิทธิภาพขึ้น โดยเราจัดประชุมอย่างปลอดภัยได้
“เทพไท”บี้ รบ.ช่วยค่าไฟคนรากหญ้า
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับร้องทุกข์จากประชาชนว่าค่าไฟฟ้าสูงมากผิดปกติจำนวนมาก ปัญหาหนึ่งมีผู้มีรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำต้องเช่าบ้านหรือเช่าห้อง มีมิเตอร์ไฟฟ้าพ่วงรวมกับมิเตอร์ของเจ้าของบ้าน เจ้าของห้องพัก มีจำนวนมากที่ไม่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาล เจ้าของจะไม่ลดหย่อนค่าไฟฟ้าให้ ตามอัตราการจัดเก็บค่าไฟฟ้าที่รัฐช่วยเหลือคือคิดเหมารวม จึงอยากให้เข้าไปดูแลสอดส่องหอพัก ห้องเช่าหรือบ้านเช่า เพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มนี้ด้วย เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
ไฟฟ้า-ประปาซ้ำเติม ปชช.ควรให้ใช้ฟรี
นายเทพไทกล่าวอีกว่า อยากนำเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ได้ทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในการใช้บริการในด้านสาธารณูปโภคของรัฐบาล ทั้งการไฟฟ้าและการประปา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนโดยตรง เจตนารมณ์การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจคือการให้บริการและดูแลความเดือดร้อนประชาชนโดยไม่หวังผลกำไรและขาดทุน แตกต่างกับกิจการบริษัทของภาคเอกชน ที่ต้องการกำไรสูงสุด อยากให้กลับไปดูเจตนารมณ์ของการไฟฟ้าและการประปา ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ว่า มีหน้าที่ให้บริการดูแลบริการประชาชนอย่างไร จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือความ เดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในลักษณะรัฐสวัสดิการ ให้บริการฟรีในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย” นายเทพไทกล่าว
“อู๊ดด้า–ผู้การแต้ม”แจกถุงยังชีพหลักสี่
เมื่อเวลา 15.00น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค นางกานต์ มูสิกะอดีตสมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ร่วมลงพื้นที่เดินเคาะประตูบ้านในชุมชนร่วมพัฒนา ทุ่งสองห้อง เขต หลักสี่ ช่วยชมรมเพื่อนแต้มแจกจ่ายข้าวสารอาหารแห้ง ถุงยังชีพแก่ประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างแม่บ้านบริษัท หรือพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่บางส่วนถูกเลิกจ้างชั่วคราว เพราะสถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด จึงไม่มีรายได้ในสถานการณ์นี้ โดยนายจุรินทร์ได้สอบถามชาวบ้านถึงความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของแต่ละ ครอบครัว พร้อมระบุว่า โครงการช่วยชาวบ้านของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากแจกหน้ากากอนามัยแบบผ้าไปตามสาขาพรรคทั่วประเทศแล้ว ยังให้สมาชิกพรรค ทั้งอดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. ออกช่วยประชาชน เคาะประตูบ้านเยี่ยมชาวบ้านอย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้สถานการณ์ที่ประชาชนเดือดร้อน อย่างน้อยจะเป็นการรับเรื่องร้องทุกข์และคอยประสานงานในสิ่งที่ขาดเหลือ หลายพื้นที่นำถุงยังชีพและอื่นๆ ตามกำลังไปช่วยประชาชน ร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคมต่อไป
“พงศ์กวิน” ฟุ้งมั่นใจ รบ.ฟื้นประเทศได้
นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ชุมชนแออัดริมคลองราชมนตรี และบริเวณตลาดบางแค เพื่อแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ผู้เดือดร้อนจากภัยโควิด-19 โดยนายพงศ์กวินกล่าวว่า วิกฤติจากภัยโควิด-19 เป็นวิกฤติที่รุนแรงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุกระดับ แต่ที่ต้องเป็นห่วงอย่างแรกคือประชาชนผู้มีรายได้น้อย กำลังจะขาดแคลนอาหาร หลายบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินกันได้ เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้พรรคพลังประชา-รัฐมีนโยบายให้ ส.ส.ลงพื้นที่เพื่อเร่งทำกิจกรรมบรรเทาปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น เห็นด้วยกับรัฐบาลว่าชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดจะต้องมั่นใจว่าโรคระบาดจะไม่ลุกลาม แล้วค่อยทยอยผ่อนปรนมาตรการต่างๆ มั่นใจว่ารัฐบาลมีทีมงานด้านเศรษฐกิจที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ที่จะออกนโยบายเพื่อเยียวยาประชาชนในทุกภาคส่วน และฟื้นประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
“วันชัย” ชี้ไม่ถึงเดือนสภาฯเปิดไม่ต้องเร่ง
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อเร่งอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน และรับฟังแนวรับมือผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ว่า การประชุมวิปวุฒิสภาครั้งล่าสุด ไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว นอกจากเตรียมการประชุมเพื่ออนุมัติ พ.ร.ก. 4 ฉบับของรัฐบาลช่วงเปิดประชุมสมัยวิสามัญที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 22 พ.ค. คิดว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพราะรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 โดยมีข้อมูลบริหารจัดการได้รอบด้านอยู่แล้ว ที่สำคัญจากวันนี้ไปถือว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน จะถึงวันเปิดสมัยประชุมแล้ว ช้าหรือเร็วคงไม่น่าจะมีผลใดๆต่อการแก้ไขปัญหาประเทศ รัฐบาลสามารถใช้ พ.ร.ก.เดินหน้าไปได้
ตอกฝ่ายค้านแค่จะเปิดวิสามัญด่า รบ.
“หากฝ่ายค้านหรือ กมธ. คณะใดในสภาฯ ต้องการเสนอความเห็นต่อรัฐบาล สามารถทำได้ โดยส่งเป็นเอกสารถึงรัฐบาลได้ เชื่อว่ารัฐบาลจะฟังฝ่ายการเมือง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่อค้ามหาเศรษฐี การพยายามใช้ช่วงเวลาแห่งการสงบปากสงบคำ การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มาใช้เวทีสภาฯเพื่อพูดจาโจมตี กระแนะกระแหนรัฐบาลเป็นเรื่องทำให้ประเทศเสียเวลาแก้ปัญหาวิกฤติประเทศ ควรปล่อยให้รัฐบาลทำแล้วร่วมกันเสนอแนะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน หากรัฐบาลไม่ฟัง ถึงเวลาเปิดสภาฯมาเมื่อไหร่ก็ซัดได้เต็มที่อยู่แล้ว” นายวันชัยกล่าว
สะกิดรื้อปรับใหม่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
นายวันชัยกล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเชื้อโควิด-19 ระบาดประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองรองรับต่อการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหากันครั้งใหญ่ ทั้งการเงินงบประมาณให้แก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นวิกฤติจะซ้ำซ้อนวิกฤติ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผน ปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน บวกด้านการศึกษา 1 ด้าน รวมเป็น 12 ด้านที่กำหนดไว้ก่อนเชื้อโควิดจะมาอย่างไม่มีใครคาดคิด จึงทำให้ไม่มีแผนและยุทธศาสตร์รองรับต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครคิดว่าแต่ละประเทศต้องปิดประเทศ คนต้องอยู่ในบ้าน เลิกสัญจรไปมา จึงถึงคราวต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้ ให้ทันยุคทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงและการแก้วิกฤติของประเทศ วิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้นอกเหนือจากการคาดคิด นอกตำรา ฝ่ายการเมืองต้องนำเรื่องเหล่านี้มาพิจารณาไปแก้ไข อย่าปล่อยให้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศเป็นเพียงตัวอักษรในเล่ม แต่ไม่รองรับการแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นแผนจัดการการแก้วิกฤติอย่างเป็นรูปธรรม
อย่าการ์ดตกผ่อนปรนต้องมีเงื่อนไข
นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น อัตราผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตลดลง เพราะประชาชนให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐ ตระหนักถึงภัยเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือว่าประเทศไทยแก้ปัญหามาถูกทางแล้ว แต่ขณะนี้มีนักการเมือง นักวิชาการบางกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งผ่อนปรนมาตรการต่างๆลง ทั้งที่รัฐบาลมีข้อมูลวิชาการ ข้อเท็จจริงต่างๆที่ใช้ กำหนดมาตรการ และผ่อนปรนมาตรการต่างๆอย่างดีแล้ว ดังนั้นอยากขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่าการ์ดตก ขอให้ฟังมาตรการที่รัฐบาลกำหนดขึ้น การผ่อนปรนต่างๆรัฐบาลค่อยๆผ่อนปรนอย่างมีเงื่อนไข ไม่ให้เชื้อโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกเหมือนประเทศสิงคโปร์และประเทศอื่นๆที่เกือบจะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่พลาดท่าจนเกิดการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงไม่อยากเห็นประเทศไทยกลับไปสู่วิกฤติที่รุนแรงมากขึ้น ถ้าคนไทยการ์ดตก เชื้อร้ายนี้จะกลับมาเล่นงานเราอีก จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน ต้องรอเวลาคิดค้นวัคซีนอีกอย่างน้อย 1 ปี
เตือนอย่าฝากความหวังไว้ที่เศรษฐี
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐ-ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ขอให้ 20 มหาเศรษฐีไทย เร่งส่งเอกสาร โครงการและข้อเสนอต่อรัฐบาลในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ว่า จริงอยู่กลุ่มคนเหล่านี้มีบทบาทและอิทธิพลทางเศรษฐกิจในประเทศ แต่รัฐบาลจะหวังพึ่งเพียงคนกลุ่มนี้ไม่ได้จะต้องฟังเสียงทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน ทั้งจากประชาชนและภาคประชาสังคม การนำเเนวทางของกลุ่มมหาเศรษฐีมาปฏิบัติ ก็จะต้องทำอย่างโปร่งใส ก่อนหน้านี้เมื่อมีการเเถลงของนายกฯ เรื่องการที่จะให้บรรดากลุ่มทุนเศรษฐีได้ร่วมเเสดงความเห็น จนกระทั่งมีจดหมายออกมาชัดเจน ทุกคนมีคำถามเรื่องดีลต่างๆ เพราะเรื่องของทุนกับการเมืองเป็นสิ่งที่เเยกกันไม่ออกกระบวนการทำงานหลังจากนี้ต้องตรวจสอบได้ เปิดเผยให้สังคมได้เห็นคือมีธรรมาภิบาลทางการเมือง จะต้องชี้เเจงข้อวิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน ให้ได้ และจะไปฝากความหวังไว้กับกลุ่มทุนเหล่านี้ไม่ได้ กลุ่มทุนเหล่านี้เขาก็เป็นผู้สนับสนุนได้ แต่จะมาให้เขาเป็นตัวกำหนดนโยบายเลยคงไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้จะมีรัฐบาลไว้ทำไม
จี้เลิก พ.ร.ก.หวั่นคนเครียดฆ่าตัวตายสูง
นายยุทธพรกล่าวถึงผลสำรวจเรื่องตัวเลขการฆ่าตัวตายจากความเครียดระหว่างการระบาดของโควิดว่า วันนี้เราต้องรักษาคนไม่ได้รักษาโรค การหยุดสถานประกอบการ หยุดกิจกรรมบางอย่างในสังคม ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคน วันนี้เราจะต้องรักษาคนด้วย ไม่ใช่เเค่รักษาโรค อะไรที่ผ่อนคลายได้ ต้องเริ่มผ่อนคลาย การบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ รัฐบาลพยายามใช้กฎหมายเเล้วเอารัฐเป็นตัวตั้ง เอาเรื่องสาธารณสุขมาสร้างความชอบธรรม ใช้กฎหมายนำวิถีชีวิตของคน อาจจะเหมาะในช่วงต้นที่โรคระบาดมาก แต่เมื่อลดลงก็ต้องปรับเปลี่ยน ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการ ก็มีโอกาสที่คนจะเครียดฆ่าตัวตายมากขึ้น ก่อนหน้านี้จะเห็นคนฆ่าตัวตาย เพราะมีปัญหาเศรษฐกิจก่อนโควิดจะระบาดก็เริ่มเห็นแล้วพอมีโควิดปัญหาเศรษฐกิจก็รุมมาอีก ประกอบกับปัญหาสังคมทำให้ภาวะการฆ่าตัวตายมากขึ้น คิดว่าต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน แล้วกลับมาใช้กฎหมายปกติ เช่น กฎหมายโรคติดต่อหรือแม้แต่การมีมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนบ้าง และต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือว่าต้องมองไปช่วงหลังวิกฤติโควิด ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด เพราะการเยียวยาจากรัฐบาลต่างๆมีผลแค่เพียงระยะสั้นเท่านั้น
ไฟไหม้บ้าน “ส.ส.กวินนาถ”
เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.จีรศักดิ์ แอบแฝง พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ร้านอาหารแอบแซ่บ ตั้งอยู่ภายในซอยมาบสอง-ค่ายมวย 17/1 จึงได้ประสานหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองหนองปรือ เข้าดับไฟ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเป็นร้านอาหารแอบแซ่บและบ้านพัก ซึ่งเป็นที่ทำการ ส.ส. ของน.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคพลังท้องถิ่นไท ตั้งอยู่เลขที่ 24/23 ม.6 ซอยมาบสอง-ค่ายมวย 17/1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาล เมืองหนองปรือ ได้ทำการฉีดน้ำสกัดเพลิงไหม้พร้อมกระทุ้งหลังคาเพื่อให้ควันไฟลอยตัวออกไปนอกบ้าน พบทรัพย์สินภายในร้านเสียหายจำนวนมาก จากการสอบถามนายยศพนธ์ อ่อนตา ผู้ช่วย ส.ส.ชลบุรี เขต 7 เล่าว่า ต้นเพลิงน่าจะเกิดจากห้องนอนเด็ก เนื่องจากจุดที่ชาร์จไฟอยู่ต่ำ และมีการชาร์จไฟฟ้าอยู่ใกล้ที่นอน ต้นเพลิงอยู่ตรงจุดนั้น อาจเป็นสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จะได้รวบรวมหลักฐานสืบหาสาเหตุเพลิงไหม้ต่อไป