แต่ขอเสนอแนะ โยกงบกลาโหม มาแก้วิกฤติก่อน

พรรคการเมืองทุกฝ่ายประสาน เสียงหนุน อัดงบกระตุ้น ศก.-แก้โควิด “เทพไท” แนะเจียดงบ กองทัพมาเยียวยา จี้รัฐดูแลธุรกิจ ท่องเที่ยว “กรณ์” ย้ำใช้แผนโยกงบก่อนคิดกู้เงิน “อนุดิษฐ์” ไม่ขวาง ถ้าจำเป็นต้องกู้ แต่อยากให้ใช้เงินในกระเป๋าก่อน โฆษก พท. ดักคออย่าทำแค่หวังผลการเมือง “พิชัย” ยุ “บิ๊กตู่” ปลด “สมคิด” ซะ ข้องใจงบกลาง 5 แสน ล. ไปไหนหมด พปชร.โต้ครหาตั้งหน้าตั้งตากู้ “ทิพานัน” ขออย่าเอาชนะกันบนซากปรักหักพัง “ศรีสุวรรณ” เผย “วัฒนา” อาจได้เฮรื้อคดีคลองด่านใหม่

ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง มีแนวทางจะออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาประเทศทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุดหลายพรรคการเมืองออกมาแสดงความเห็น โดยไม่มีใครคัดค้านหากจำเป็นต้องกู้จริงๆ แต่ควรปรับลดงบฯที่ไม่เร่งด่วนอย่างงบจัดซื้ออาวุธมาใช้ก่อน

...

“เทพไท” จี้รัฐดูแลธุรกิจท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นอุตสาหกรรมที่นำเงินเข้าประเทศไทยมากเป็นอันดับต้นๆ ขณะนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ธุรกิจโรงแรมไม่มีลูกค้านักท่องเที่ยวเข้าพัก มียอดจองเป็นศูนย์ต้องปิดกิจการชั่วคราว ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ต้องรับภาระดูแลพนักงานของโรงแรมอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวและลูกค้าทั่วไป ขณะนี้เปิดขายได้เฉพาะซื้อกลับบ้าน ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานที่ร้าน ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือพนักงานโรงแรมและพนักงานร้านอาหาร ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนต้องขาดรายได้ และคนกลุ่มนี้ไม่ได้สิทธิได้รับเงินตามโครงการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาล และไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากสำนักงานประกันสังคม

หนุนเจียดงบกองทัพมาเยียวยา

นายเทพไทกล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มนี้ด้วย สำหรับข้อเสนอให้กันงบประมาณแผ่นดินมาสู้กับไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้นั้น ตนเห็นด้วยและขอสนับสนุนแนวความคิดนี้ของหลายฝ่ายที่ต้องการให้นำงบลงทุนของกระทรวงกลาโหมมาใช้เยียวยาทางด้านเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะปัญหาใหญ่ของประเทศในวันนี้คือการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่การต่อสู้กับอริราชศัตรูที่มารุกราน จึงสนับสนุนให้มีการโอนงบลงทุนด้านการทหาร มาเป็นงบประมาณแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศก่อนดีกว่า

“กรณ์” ย้ำใช้แผนโยกงบก่อนคิดกู้

นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า แค่คืนแรกก็มีประชาชนแห่ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือตามโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” กว่า 10 ล้านคน มากกว่าที่รัฐบาลตั้งงบประมาณเอาไว้ ขอยํ้าว่ารัฐบาลต้องเพิ่มวงเงินดูแลผู้เดือดร้อนให้ทั่วถึง ไม่เช่นนั้นอาจถูกกล่าวหาว่าคัดเลือกผู้ได้สิทธิอย่างไม่เป็นธรรม นี่ยังไม่นับถึงผู้ประกันตนตามมาตรา 33 อีกจำนวนมากที่ถูกลดเงินเดือน หรือถูกพักงาน และไม่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการของสำนักงานประกันสังคม โดยเฉพาะพนักงานกลุ่มภาคการท่องเที่ยว และบริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้สัญญาณว่าจะออก พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน 200,000 ล้านบาท แต่ก่อนที่รัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มขอเสนอย้ำอีกครั้งว่า รัฐควรปรับแผนการใช้เงินงบประมาณ และโอนงบที่ไม่เร่งด่วน หรือมีแนวโน้มว่าจะใช้ไม่ทันในปีงบประมาณนี้มาเป็นเงินทุนดูแลประชาชนให้ทั่วถึง โดยปรับลดจากทุกกระทรวง กระทรวงละ 10 เปอร์เซ็นต์ จะได้เพิ่มกว่า 3 แสนล้านบาท วินัยการคลังยังสำคัญ ทุกคนเชียร์ให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชน แต่ต้องใช้เงินภาษีให้เหมาะสมที่สุดในยามนี้

พท.ไม่ขวางถ้าจำเป็นต้องกู้จริง

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามแนวทางของรัฐบาลที่เตรียมออก พ.ร.ก.กู้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากจำเป็นจริงๆก็สามารถกู้ได้ แต่อยากให้พิจารณาข้อเสนอพรรคเพื่อไทยว่าควรใช้เงินในกระเป๋าตัวเองก่อนดีกว่าหรือไม่ วันนี้รัฐบาลมีงบกลางที่กันไว้ใช้ยามฉุกเฉินเหลืออยู่พอสมควร หากบวกเข้ากับโครงการในงบประมาณปี 2563 หลายรายการที่ชะลอได้ จะมีตัวเลขเกือบ 2 แสนล้านบาท ส่วนมาตรการชดเชยรายได้นั้น อยากให้เร่งดำเนินการแจกให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด พร้อมกับหาวิธีการให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ตามปกติ โดยเริ่มจากธุรกิจที่สามารถควบคุมได้ และไม่กระทบกับการป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อให้ธุรกิจและแรงงานที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองน้อยใหญ่เหล่านี้หมุนไปข้างหน้า โดยมีเงินชดเชยของรัฐบาลช่วยหล่อลื่นให้คล่องตัวและหมุนเร็วขึ้น เกรงว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ เศรษฐกิจจะพังพินาศย่อยยับไปเรื่อยๆ การปิดเมืองเป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่ต้องมีมาตรการรองรับ ไม่ใช่ตัดสินใจปิดเมืองแล้วให้ทุกคนอยู่บ้านแค่นั้น คนส่วนใหญ่อาจอดตายก่อนเป็นโควิดตาย

ดักคออย่าทำแค่หวังผลการเมือง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรวางมาตรการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาให้ดี อย่าให้เกิดกรณีพอเปิดให้ลงทะเบียนปุ๊บระบบล่มทันทีแบบนี้อีก และอย่าทำแค่หวังผลทางการเมือง ทำเสมือนว่ามีประชาชนจำนวนมากต้องการการเยียวยา ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง เป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดแบ่งหมวดหมู่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อลดความแออัดของการพยายามเข้าถึงการรับสิทธิ รัฐบาลต้องมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้ามาสนับสนุนในเรื่องนี้ อย่ามัวแต่ไปไล่จับเฟกนิวส์ การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องดำเนินการ แต่ต้องเตรียมความพร้อมและลดขั้นตอนความยุ่งยาก ให้ประชาชนเข้าถึงการเยียวยาได้สะดวกรวดเร็วทั่วถึง

“พิชัย” ยุ “บิ๊กตู่” ปลด “สมคิด” ซะ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงเศรษฐกิจไทยแบบย่ำแย่ พร้อมประกาศว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยินดีช่วยไทย น่าจะแสดงถึงความไม่เข้าใจอย่างรุนแรง อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พิจารณาปลดนายสมคิดออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เพราะแสดงถึงความหมดสภาพในการบริหารเศรษฐกิจแล้ว สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชนอย่างไม่มีเหตุผลในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ปัจจุบันประเทศ ไทยยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมาก ล่าสุดมีถึง 2.199 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่มีความจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ ไม่เหมือนในปี 2540 ที่เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยหายหมด หากนายสมคิดยังไม่เข้าใจเรื่องแค่นี้ ก็ไม่ควรบริหารเศรษฐกิจประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว

งงงบกลาง 5 แสน ล.ไปไหนหมด

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุว่าไม่ตกใจกับตัวเลขเศรษฐกิจถดถอยติดลบร้อยละ 5.3 นั้น หากนายอุตตมบอกว่าไม่ตกใจ คนไทยทั้งประเทศคงต้องตกใจแทน อย่าอ้างว่าเศรษฐกิจตกต่ำติดลบกันทั่วโลกจากไวรัสโควิด-19 อาจจะจริงบางส่วน แต่ประเทศไทยทรุดหนักมากสุด เพราะก่อนจะมีโควิดเศรษฐกิจไทยก็ทรุดหนักอยู่แล้ว จากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวมาตลอด 5 ปี ส่วนการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้านบาท ส่วนตัวเห็นถึงความจำเป็นในภาวะเช่นนี้ อาจต้องใช้มากกว่านี้ด้วย แต่ต้องระวังอย่าให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน มีประชาชนจำนวนมากสงสัยว่างบกลางที่ตั้งเอาไว้ในงบประมาณปี 2563 จำนวนกว่า 5 แสนล้านบาท ถูกใช้ไปในเรื่องใดบ้าง ทำไมถึงหมดแล้ว 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบจำนวนมหาศาลกว่า 17 ล้านล้านบาทไปใช้อย่างอีลุ่ยฉุยแฉก ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์ในระยะยาวแต่อย่างใด ประชาชนไม่ได้กินอยู่ดีขึ้น และประเทศก็ไม่ได้พัฒนา

ใช้งบจังหวัดจัดการเหมือนภัยพิบัติ

ที่ห้องประชุมบ้านศรียะลา จ.ยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ ส.ส. 3 จังหวัดภาคใต้ และกรรมการบริหารพรรค เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ว่า เรามีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้ รัฐบาลต้องควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน การจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน ต้องครอบคลุมถึงกลุ่มคนงานกรีดยาง คนงานสวนปาล์ม เกษตรกร ประมงพื้นบาน โดยนำงบกลางที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาทนำมาใช้ และเห็นสมควรให้งดการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ยุติการศึกษาดูงานออกไปก่อน และนำงบบูรณาการหรืองบจังหวัดในการจัดการภัยพิบัติที่มีอยู่มาใช้ ไม่ใช่อ้างแต่ว่าไม่มีงบ

พปชร.โต้ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตากู้

ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายค้านทราบดีว่าวิกฤติโควิด-19ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งโลก ตามที่กระทรวงการคลังเตรียมหลายมาตรการรวมถึงการกู้เงินเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา ถือว่าถูกต้องแล้ว ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกู้เงินท่าเดียวเหมือนรัฐบาลในอดีต แต่กระทรวงการคลังมีมาตรการหลายชุดออกมา จนถึงการกู้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำเมื่อจำเป็นจริงๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องวินัยการเงินการคลัง ฐานะเรายังกู้ได้อยู่ ส่วนข้อเสนอให้รัฐบาลโยกงบแทนการกู้เงินนั้น ขั้นตอนอาจจะยุ่งยาก ต้องนำกฎหมายเข้าสภาฯต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนมาก และ พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 มีผลทางกฎหมายที่ต้องใช้กับความจำเป็นที่กำหนดแผนนโยบายไว้แล้ว ขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเสียหายต่อเศรษฐกิจของไทยและทั่วโลก การที่มีคนไปลงทะเบียนรับเงินเยียวยากว่า 10 ล้านคน นั่นแสดงว่าประชาชนเดือดร้อนจริงๆ ฝ่ายค้านน่าจะชะโงกหน้ามาดูบ้าง มาช่วยกันคิดว่าจะช่วยรัฐบาลอย่างไร หมดเวลาเล่นการเมืองแล้ว

อย่าเอาชนะบนซากปรักหักพัง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า เชื่อว่าประเทศไทยของเราจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไม่ช้า หากเราร่วมมือร่วมใจกันวิกฤติจะสิ้นสุดในไม่ช้า พรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนมาตรการของรัฐบาล และพร้อมรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน สิ่งสำคัญในช่วงสถานการณ์วิกฤตินี้คือความสามัคคี ฝ่ายการเมืองควรพักรบชั่วคราวให้สถานการณ์การแพร่ระบาดผ่านพ้นไปก่อน ขอบคุณนักการเมืองพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ช่วยประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เช่น เรื่องการปฏิบัติตนหากไปในพื้นที่เสี่ยง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ขณะนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเอาชนะกันบนซากปรักหักพังของบ้านเมือง และลมหายใจของประชาชน

วอนทุกฝ่ายร่วมก้าวข้ามวิกฤติ

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า ในยามวิกฤติต้องมองเป็นโอกาสทอง อย่างน้อยพึงลดละความโกรธ ลดละอัตตา ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและสังคมสู้ภัยโควิด-19 ทุกฝ่ายต้องให้กำลังใจกัน รวมถึงนักการเมืองทุกขั้วทุกฝ่าย ไม่มองว่าตนเท่านั้นเก่ง ดี ถูก ส่วนคนอื่นโง่ ด้อย ดักดาน ไม่ใช้สถานการณ์นี้เป็นประโยชน์กับตนหรือฝ่ายตน ต้องทะนุถนอมให้กำลังสนับสนุนทุกด้านแก่นักรบเสื้อกาวน์ หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และผู้บริหารท้องถิ่นทุกระดับ ที่เสียสละตรากตรำช่วยชีวิตประชาชน ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤติมานับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายเมื่อทุกฝ่ายรวมพลังกันจะรอดวิกฤติครั้งนี้ไปได้แน่ จากนั้นจะกลับมาขัดแย้งกันใหม่ สู้กันทางการเมืองอีกก็เชิญตามสบาย

“ศรีฯ” เผยอาจได้รื้อคดีคลองด่าน

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ได้รับหนังสือสำคัญจากอดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน (อบต.คลองด่าน) จ.สมุทรปราการ และอดีต 2 สมาชิก อบต.คลองด่าน โดยทั้ง 3 คนยืนยันตรงกันว่าพ้นข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีมีผู้กล่าวหาว่าร่วมกันจัดทำหลักฐานการประชุมสภา อบต.คลองด่าน เพื่อให้ความเห็นชอบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสีย อันเป็นเท็จ เพื่อนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปใช้ประกอบการเบิกเงินค่าที่ดินให้กับนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เป็นผลมาจากคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการฯ ที่ ป.ป.ช.แต่งตั้ง ยกข้อกล่าวหา ซึ่งมีผลให้คดีความต่างๆที่เกี่ยวพันกับการกล่าวหานายวัฒนา อัศวเหม ในศาลต่างๆ ทั้งศาลแพ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจต้องรื้อฟื้นคดีใหม่ เพราะถือเป็นข้อเท็จจริงใหม่

ถึงเวลายกเครื่องระบบไอทีรัฐสภา

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สภาฯ กล่าวว่า จากการทดลองประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ทำให้ทราบปัญหาเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงยังไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร ถึงเวลาแล้วที่รัฐสภาแห่งใหม่ต้องยกเครื่องพัฒนาระบบโทรคมนาคมการสื่อสาร ระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ เพราะรัฐสภาถือเป็นศูนย์รวมอำนาจของประเทศ ที่ต้องใช้ขับเคลื่อนบริหารประเทศ โครงสร้างพื้นฐานระบบโทรคมนาคมต้องมีความพร้อมที่สุด

กกต.นัดถกเลื่อนจัดประชุมพรรค

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การประชุม กกต. วันที่ 30 มี.ค. ที่ประชุม กกต.มีวาระการพิจารณาประเด็นที่พรรคการเมืองหลายพรรค ส่งหนังสือมายังสำนักงาน กกต. ขอหารือและสอบถามความชัดเจนถึงแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคการเมือง ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะสามารถเลื่อนออกไปได้หรือไม่ ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.