"นภาพร" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ห่วง "นักรบเสื้อกาวน์" ขาดแคลนหน้ากากอนามัย ถาม รองนายกฯ ที่ดูแล เคยคุยถึงปัญหา แพทย์-พยาบาล ขาดแคลนหน้ากากอนามัย บ้างหรือไม่ หลังพบยังจัดสรรมาให้ไม่เพียงพอ
วันที่ 25 มี.ค. น.ส.นภาพร เพ็ชรจินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยถึงการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน ผ่านทีมงานรับเรื่องร้องทุกข์ของพรรคว่า ยังไม่สามารถหาซื้อได้โดยเฉพาะตามร้านขายยาในชุมชน ซึ่งควรจะมีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ ไว้จำหน่าย แต่กลับพบว่ายังขาดแคลนเหมือนเดิม ทั้งที่รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบเคยออกมายืนยันว่า จะสามารถบริหารจัดการให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ทั้งนี้ น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า คือ การขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตัวเองของกลุ่มแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุข หรือ "นักรบเสื้อกาวน์" ซึ่งเป็นทัพหน้าของการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านสาธารณะทุกประเภท เช่น เจ้าหน้าที่บนรถโดยสาร รถไฟฟ้า หรือรถไฟ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต่างก็ต้องการหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ยาฆ่าเชื้อ หรือชุดป้องกันตนเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะทำหน้าที่ แต่กลับพบว่า รัฐบาลยังไม่สามารถจัดสรรให้ได้อย่างเพียงพอ จนกระทั่งหลายโรงพยาบาลต้องขอรับบริจาคทั้งงบประมาณและอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
น.ส.นภาพร กล่าวต่อว่า “ในประเทศที่มีเงินซื้ออาวุธอย่างมหาศาล” แต่หน่วยงานแพทย์พยาบาลต้องขอรับบริจาคเงินซื้อหน้ากาก ยิ่งในภาวะวิกฤติแบบนี้ ยิ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นเพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะจัดสรรให้พวกเขาอย่างเพียงพอ ในฐานะตัวแทนของประชาชนขอให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขทุกท่าน รวมทั้งผู้ที่ต้องทำงานให้บริการด้านสาธารณะทุกคน เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือผู้เสี่ยงภัยอย่างแท้จริง ทั้งการให้บริการประชาชนและการป้องกันรักษาไม่ให้คนไทยต้องเผชิญกับไวรัสร้ายที่กำลังกระจายไปทั่วประเทศ อันเนื่องมาจากความผิดพลาดของรัฐบาลเอง
...
"ไม่ทราบว่าแกนนำรัฐบาลเคยคุยกันหรือไม่ว่าจนถึงขณะนี้ทำไมหน้ากากอนามัย จึงยังไม่มีให้แพทย์พยาบาลได้ใช้อย่างเพียงพอ ส่วนประชาชนก็ยังหาซื้อเอาเองตามยถากรรม ทั้งที่ในหลายประเทศเขาแจกฟรีไปแล้ว ขณะที่เรื่องการสอบสวนขบวนการกักตุนหน้ากากก็เงียบไป จับได้แต่พ่อค้าแม่ค้าตัวเล็กตัวน้อย ส่วนขบวนการรายใหญ่กลับลอยนวล" น.ส.นภาพร กล่าว...
น.ส.นภาพร กล่าวต่ออีกว่า ยิ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มรุนแรงมากขึ้นและกระจายออกไปในต่างจังหวัด ความต้องการอุปกรณ์เหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแต่ละจังหวัด ที่ต้องดูแลกลุ่มเสี่ยงที่ทะลักไปจาก กทม.แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการให้ได้ จึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าของคนไทย ที่วันนี้ต้องมาดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง โดยที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการให้ได้ แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานอย่างการแจกหน้ากากอนามัย