“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” แฉปฏิบัติการไอโอ (IO) กลางสภาฯ สับแหลกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” โยงอยู่เบื้องหลังยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ฉะ แค่ให้อภัยก็ไม่สมควร

เรียกว่ากลายเป็นกระแสในช่วงข้ามคืนสำหรับแฮชแท็ก #รู้ทันIO ภายหลัง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตสังกัดพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดหัวก่อนลงรายละเอียดว่าเป็นข้อหาร้ายแรง คือ คุกคามประชาชน ยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ทำลายความรู้รักสามัคคีของประชาชนในชาติ ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งใดๆ

จากนั้น นายวิโรจน์ ได้เริ่มอภิปรายว่า ปัจจุบันหากเข้าโลกออนไลน์จะพบบัญชีรายชื่อปลอม เพจปลอม โดยเอารูปตัวการ์ตูน รูปต่างๆ ที่ไม่ใช่ตัวเองมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ และออกปฏิบัติการคุกคามประชาชน เรียกภารกิจแบบนี้ว่า “ไอโอ” (IO) หรือปฏิบัติการข่าวสาร เป้าหมายคือ คุกคามประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล โดยการขุดประวัติบุคคลนั้นมาโพสต์ประจาน พฤติกรรมเหมือนการล่าแม่มด ใช้ถ้อยคำเกลียดชังด่าทอประชาชน เข้าไปโพสต์ข้อความด่าทอนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ สร้างความเกลียดชัง เลือกเอาข้อมูลด้านเดียวประโยคเดียวเพื่ออวยรัฐบาล กองทัพ กันไม่ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และการทำแบบนี้จะส่งผลเสียบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพียงเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไอโอเหล่านี้คุกคามประชาชนหนักจนเหมือนมีงบสนับสนุน มีคนอยู่เบื้องหลัง วันนี้จับกระบวนการนี้ได้ทั้งรังแล้ว 

...

การกระทำดังกล่าวมีการทำเป็นกระบวนการเพื่อแชร์เนื้อหาจากเว็บไซต์หนึ่ง บทความถูกแชร์เนื้อหาเหมือนเติมเชื้อไฟให้แบ่งฝักฝ่าย เป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งประชาชนให้ร้าวลึกลงเรื่อยๆ พฤติกรรมแบบนี้บั่นทอนการเจรจาสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และโจมตีนักการเมืองไม่ให้นำปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้มาแก้ไขในสภา ตนพยายามหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเว็บไซต์นี้ กระทั่งตนพบเอกสารฉบับหนึ่งจากการเป็นกรรมาธิการงบประมาณ 2563 ที่ส่งมาของบโดย กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเอกสารระบุถึงรายงานการปฏิบัติการข่าวสารของเว็บไซต์ ซึ่งมีการของบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560-2562 วันนี้ ต้องกระชากหน้ากากนายกรัฐมนตรีออกมา เพราะเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เหตุการณ์ไม่สงบ ทำให้ปัญหายังคุกรุ่น เลี้ยงไข้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการที่รัฐโดย กอ.รมน. ซึ่งขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปคุกคามนักสิทธิมนุษยชน ตนอยากถามว่าทำแบบนี้ไปทำไม และเพื่ออะไร โทษมหันต์ของท่านยังไม่หมดขณะนี้ในโซเชียลมีการปั่นวาทกรรมชังชาติ

ไม่เพียงเท่านั้น การทำงานของไอโอเหล่านี้มีรูปแบบทำซ้ำทุกครั้ง มีวงรอบปฏิบัติการวนไปรายชั่วโมงเหมือนเดิมทุกวัน จนมาเจอเอกสารทางราชการ 3 ฉบับ ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งในเอกสารมีการซักซ้อมการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้แต่ละวัน มีการสอนการโพสต์ว่าไม่ต้องเรียงลำดับหัวข้อตามภารกิจที่มอบให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นบัญชีผู้ใช้ปลอมหรือเรียกว่าอวตาร และมีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกองทัพจะทำเองโดยพลการไม่ได้ต้องมีคำสั่ง ดังนั้น ภารกิจคุกคามจึงเป็นการปฏิบัติการคำสั่งโดยมิชอบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

นายวิโรจน์ ได้อภิปรายต่อไปว่า กระบวนการไอโอทั้งหมดเราสืบทราบว่าจะมี 20 ภารกิจเศษ โดยมีกรุ๊ปไลน์ 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรก ผู้บังคับบัญชา กลุ่มที่สอง ส่งมอบภารกิจให้กับหน่วยปฏิบัติการ และกลุ่มที่สาม รายงานผลและชี้วัดภารกิจในแต่ละวัน หนึ่งในกลุ่มไลน์นี้ระบุชัดเจนในการออกคำสั่งให้คุกคามพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร อีกทั้งยังให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจในเฟซบุ๊กต่างๆ ที่เป็นลบต่อรัฐบาลด้วย และในทวิตเตอร์ก็ใช้วิธีการเดียวกัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของท่าน ใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนยุยงปลุกปั่นประชาชน พร้อมฝากเจ้าหน้าที่ที่ทำภารกิจไอโอ ว่า ภารกิจนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการสร้างความมั่นคงของชาติ แต่เป็นความมั่นคงในการสืบทอดอำนาจของตัวเองและรัฐบาลที่มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันนี้พบคำตอบแล้ว ถึงเวลาที่ประชาชนต้องเลิกเกลียดกันเสียที เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ความผิดนี้ค่อนข้างฉกรรจ์ จนสภาฯ และประชาชนมิอาจแค่ไม่ไว้วางใจ แต่แค่ให้อภัยก็ไม่สมควร.