วิปรัฐขู่-ปิดเกม ถ้าย้อนถึง คสช.

ฝ่ายค้านนัดถกวางตัว ส.ส.อภิปราย คัดเน้นๆประเภทฝีปากกล้าไม่เกิน 20 คน “อนุดิษฐ์” เผย พท.จัด 4 ขุนพลปูพรมถล่ม “บิ๊กตู่” ส่วน “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก-วิษณุ-ดอน-ผู้กองนัส” มีคนจองกฐินเพียบ ลั่นไม่พูดยืดเยื้อ-เน้นประสิทธิภาพ “วิษณุ” มั่นใจตอบคำถามได้หมด ยัน รมต.ช่วยแจงได้ถ้าพาดพิง นายกฯสั่ง รมต.ที่ไม่โดนคอยเป็นแบ็กอัปป้อนข้อมูล วิปรัฐบาลรอเคาะเอาวันที่รัฐบาลสะดวกสุด ขู่ฝ่ายค้านย้อนความหลัง คสช.มากๆ อาจเจอชัตดาวน์ปิดอภิปราย เลขาฯสภาฯจ่อลงนามเอกสารส่งศาล รธน.กว่าพันหน้า “พิชัย” ห่วงเครื่องยนต์ ศก.ดับไทยพังยับแน่

หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 6 คน ล่าสุดมีการจัดวางตัว ส.ส.ที่จะร่วมอภิปรายรัฐมนตรีแต่ละคน โดยมีผู้เสนอตัวกว่า 30 คน แต่จะคัดเลือกให้เหลือราว 20 คน คุมเนื้อหาไม่ให้ยืดเยื้อ เน้นประสิทธิภาพสูงสุด

ฝ่ายค้านรอถกวางคนซักฟอก

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวบุคคลสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 6 คน ว่า หลังจากหารือถึงการคุมเนื้อหาการอภิปรายของแต่ละพรรค จะมาหารือกันในวันที่ 3 ก.พ. เพื่อนำประเด็นที่แต่ละพรรคจะอภิปรายมารวบรวม ให้รู้ว่าเรื่องไหนซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจในส่วนของผู้บริหาร จากนั้นแต่ละพรรคจะให้ผู้รับผิดชอบประเด็นอภิปรายนั้นๆมาคุยกัน เพื่อแบ่งเนื้อหาการอภิปราย หรือมอบข้อมูลให้ใครคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบเรื่องนั้นๆไปเลย เพื่อควบคุมคุณภาพให้มีจำนวนผู้อภิปรายเหมาะสมสอดคล้องกับเวลาและไม่ให้เนื้อหาซ้ำซ้อน ทำให้การอภิปรายมีความต่อเนื่องไม่น่าเบื่อ เมื่อวางโครงเรื่องอภิปรายแล้วจะเห็นตัวบุคคล ว่าใครจะอภิปรายก่อนหลังอย่างไร เพื่อให้การอภิปรายของ ส.ส.ทั้ง 6 พรรคผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายได้รับสาระและประโยชน์มากที่สุด

...

จัด 4 ขุนพลปูพรมถล่ม “บิ๊กตู่”

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการวางตัวผู้ที่จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แก่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานวิปฝ่ายค้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ส่วนผู้อภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ จะมีทั้ง ส.ส.เพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย จึงต้องตรวจทานความซ้ำซ้อนกันก่อนวางตัวบุคคล ส่วนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ คงเป็น ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะรวบรวมประเด็นอภิปราย แต่ทั้งหมดนี้คงต้องหารือกันในวันที่ 3 ก.พ.ก่อน แล้วจะเริ่มมีความชัดเจนออกมาเป็นระยะ สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่อยากให้กำหนดกรอบเวลาไว้ล่วงหน้า เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นมาตรการตรวจสอบรัฐบาลขั้นสูงสุด เนื้อหาการอภิปรายจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ จึงไม่อยากให้เอาเรื่องเวลามาปิดกั้น หลังจากประธานสภาฯตรวจสอบญัตติของพรรคฝ่ายค้านแล้วคาดว่าจะให้เวลา 1 สัปดาห์ ถึงตอนนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านคงได้รายละเอียดผู้อภิปราย และกรอบเวลาที่เหมาะสม เราคงหารือกับประธานสภาฯเพื่อขอเวลาอภิปรายให้สอดคล้องกับเนื้อหาอีกครั้ง

คัด ส.ส.ฝีปากกล้าไม่เกิน 20 คน

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ขณะนี้มี ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอตัวขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนทั้งสิ้นประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่มาจากพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ พรรคละประมาณ 11-12 คน ส่วนพรรคอื่นมีเสนอตัวมาตามสัดส่วนของพรรค หลังจากนี้แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านจะคัดเลือก ส.ส.ที่จะอภิปรายให้เหลือไม่เกิน 20 คน เพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ถูกอภิปราย และเวลาที่คาดว่าจะได้รับ โดยดูจากประสบการณ์ ความสามารถ และความพร้อมของข้อมูลที่ ส.ส.แต่ละคนจะนำเสนอ โดยเราจะคัดเลือกไปเรื่อยๆ และซักซ้อมจนกว่าจะถึงวันอภิปราย เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมและเกิดประสิทธิภาพที่สุด

“วิษณุ” มั่นใจตอบคำถามได้หมด

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์นั้น ไม่ได้รู้สึกอะไร ธรรมดา เฉยๆ ที่ผ่านมาทำการบ้านเพื่อชี้แจงตอบคำถาม และข้อกล่าวหาดังกล่าวเขาบอกมาแต่แรกแล้ว ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรในเรื่องการอภิปราย แม้จะไม่เคยถูกอภิปรายแต่เคยอยู่ในบรรยากาศการอภิปรายหลายครั้ง ตอนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็เคยถูกใช้ให้เตรียมข้อมูล ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านบอกไปชี้นำกระบวนการยุติธรรมแรงไปหรือไม่นั้น เมื่อเขาเข้าใจเช่นนั้นก็ต้องพูดอย่างนั้น เรามีหน้าที่ตอบไปว่าชี้นำหรือไม่ชี้นำ อาจเป็นไปได้ว่าไม่ได้ชี้นำ หรือชี้แต่ไม่ได้นำ ที่ชี้ก็เพราะสื่อถาม

เตรียมข้อมูล “ฟิลลิปมอร์ริส” ไว้

เมื่อถามว่าคิดว่าประเด็นฟิลลิปมอร์ริส ยังอยู่ในการอภิปรายหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เมื่อเขาบอกมาก่อนว่ามีก็ต้องเชื่อ เราก็เตรียมข้อมูลชี้แจง เหตุการณ์มันผ่านมาจนลืมไปแล้วแต่ยังต่อเรื่องติด ต้องให้ความกระจ่างกับผู้ถามและประชาชน ฝ่ายค้านก็บอกมาแล้วว่าเกี่ยวกับการแก้กฎหมายศุลกากรทำให้เกิดการเสียหายด้านการเงิน แต่ตนไม่ได้เป็นคนแก้ ไม่ได้เป็นเจ้ากระทรวงมั่นใจว่าชี้แจงได้ แต่ผู้ถามและประชาชนจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่าเตรียมรับบรรยากาศที่ฝ่ายค้านจะยั่วให้โมโหไว้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เราเคยเห็นการอภิปรายมาแล้ว และไม่ใช่คนมุทะลุอะไร บางทีชี้กันไปโต้กันมาก็เอาชนะด้วยคารมและคะแนน แต่ประชาชนอาจไม่ได้ประโยชน์อะไร ต้องเอาให้ประชาชนให้ได้ประโยชน์

แจงแทนนายกฯได้ถ้าพาดพิง

เมื่อถามว่าการเป็นรัฐมนตรีที่ไม่มี ส.ส.ในมือ หวั่นเรื่องเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เฉยๆ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามย้ำว่าต้องไปขอความร่วมมือพรรคร่วมหรือไม่ นายวิษณุตอบติดตลกว่าแล้วแต่จะเมตตา เมื่อถามว่าในส่วนของนายกฯจะช่วยชี้แจงได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ถ้าประเด็นมันเกี่ยวและพาดพิง ก็ได้ แต่ถ้าไม่เกี่ยวไม่พาดพิงก็ไม่ควรทำให้เสียเวลาสภาฯเปล่าๆ และบางเรื่องที่เกี่ยวและพาดพิงและนายกฯไม่รู้ มีหลายเรื่องที่ดูในญัตติแล้วนายกฯอาจไม่รู้เรื่อง คนที่รู้เรื่องเขาพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว ส่วนถ้าเขาอภิปรายเรื่องเก่าก็อยู่ที่ประธานสภาฯ ถ้าอนุญาตก็ตอบ ต้องเคารพประธานในการคุมเกม

“บิ๊กป๊อก” ทำนิ่งกังวลข้อมูลลับ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คงเตรียมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ที่ได้ทำไป พร้อมชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เมื่อถามว่ามีประเด็นที่รู้สึกกังวลใจ หรือคิดว่าต้องเตรียมข้อมูลเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ยอมตอบคำถามและเดินจากไปทันที

“อนุทิน” ขอบคุณฝ่ายค้านยั้งไมตรี

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. สาธารณสุข กล่าวว่า กรณีที่ไม่มีชื่อถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ขอขอบคุณทุกๆคน แต่สมมติว่าถูกยื่นอภิปรายก็ต้องพร้อมชี้แจง ยืนยันว่าในใจไม่มีเจตนาแอบแฝง หรือมีเจตนาทุจริตคิดคดต่อบ้านเมือง มั่นใจว่าจะชี้แจงได้ เพียงแต่จะเครียดบ้างว่าทำไมถึงโดน และในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงได้ เพราะทุกคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยเฉพาะนายกฯทำงานจนป่วย พักผ่อนไม่เพียงพอ เท่าที่ดูแล้วทุกคนมีความมั่นคงมีกำลังใจดี เชื่อว่าทุกคนทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความจริงจะชนะทุกอย่าง

สั่ง รมต.ที่ไม่โดนคอยเป็นแบ็กอัป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในภาพรวมหากมีการอภิปรายพาดพิงรัฐมนตรีคนใด รัฐมนตรีคนนั้นก็ใช้สิทธิชี้แจง หรือใช้สิทธิพาดพิงได้ รัฐมนตรีทุกคนต้องติดตามการอภิปรายอย่างใกล้ชิด เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กำชับในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจว่าให้รัฐมนตรีแต่ละคนเตรียมข้อมูลในเรื่องงบประมาณแผ่นดินเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหาเศรษฐกิจ รวมไปถึงประเด็นอื่นที่คาดว่าจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุรินทร์ตอบว่า นายกฯสั่งการได้ถูกต้อง เผื่อมีประเด็นที่ฝ่ายค้านพาดพิงจะได้ชี้แจงอภิปรายทำความเข้าใจแทนได้ แม้จะไม่ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม

“เทพไท” จับไต๋ล็อกเป้าถล่ม 3 ป.

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ดูรายชื่อบุคคลที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปราย เน้นคนที่เป็นแกนนำคนสำคัญรัฐบาลทั้งสิ้น และไม่ได้เกินความคาดหมายเพราะวางเป้าหมายอภิปราย คสช.เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้อง 3 ป. และกลุ่มบริวาร 3 คน โดยพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เพราะเป็นมือทำงานคนสำคัญคอยประสานกลุ่มพรรคเล็กที่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ถูกอภิปรายเพราะทำตัวเป็นทนายหน้าหอ เป็นมือกฎหมายคอยหาทางออก แก้ปัญหาข้อกฎหมายให้รัฐบาลแบบเลี่ยงบาลี หรือแบบศรีธนญชัยมาตลอด ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นสายตรงที่นายกฯเลือกมาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ต่อต่างประเทศ แต่ทำงานผิดพลาดหลายครั้ง ส่วนกลุ่ม 3 ป. เพราะฝ่ายค้านล็อกเป้าหวังอภิปรายพาดพิงไปถึงรัฐบาล คสช. พุ่งเป้าไปยังศูนย์อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ หากสั่นคลอนได้จะเป็นการง่ายในการโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ในโอกาสต่อไป และที่ไม่อภิปรายรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ เป็นการวางยุทธศาสตร์การเมือง สร้างแนวร่วมเพื่อโดดเดี่ยวกลุ่ม คสช.ชัดเจน เพราะแม้แต่รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ ทีมเศรษฐกิจ กลุ่มสามมิตร สาย กปปส. ไม่ถูกอภิปรายแม้แต่คนเดียว ต้องรอดูต่อไปว่าการโหมโรงที่ผ่านมา จะเป็นแค่ราคาคุยหรือไม่

“วิรัช” ขู่ปิดเกมหากขุดอดีต คสช.

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การกำหนดวันอภิปรายอยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินใจ เอารัฐบาลสะดวกที่สุด และประเด็นอภิปรายต้องอยู่ในกรอบ ต้องรักษากฎระเบียบ โดยเฉพาะต้องพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบันเท่านั้น จะย้อนกลับไปในสมัย คสช.บ้างพอทำได้ แต่ไม่ใช่ย้อนกลับไปทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นฝ่ายรัฐบาลต้องประท้วง แต่หากประท้วงแล้วเตือนแล้วฝ่ายค้านยังจ้องอภิปรายย้อนอดีต ขอบอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า อาจมี ส.ส.รัฐบาลลุกขึ้นเสนอขอปิดการอภิปรายก็ได้ ยังไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะจะเสียบรรยากาศ จึงต้องเตือนกันล่วงหน้า เราจำเป็นต้องเข้มงวดเพื่อรักษาคนของรัฐบาลตามกฎระเบียบ จะมาบอกว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในรอบ 7 ปี ก็ต้องบอกว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลในรอบ 7 ปีเช่นกัน

จ่อลงนามเอกสารส่งศาล รธน.

วันเดียวกัน นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ความคืบหน้าการส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามที่ร้องขอ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบคำร้องของ ส.ส. ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตราโดยชอบตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีพบมี ส.ส.เสียบบัตรแสดงตน และลงคะแนนแทนกันในระหว่างการพิจารณานั้น ช่วงวันหยุดวันที่ 1-2 ก.พ. จะลงนามในเอกสารก่อนนำส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เอกสารมีกว่าพันหน้า เป็นรายละเอียดของเอกสารการบันทึกการประชุมสภาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ศาลรัฐธรรมนูญร้องขอจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ นั้น มีข้อแตกต่างจากการขอเอกสารในการพิจารณาเรื่องที่ผ่านมา เพราะไม่เจาะจงว่าต้องการเอกสารในประเด็นใดอย่างไรบ้าง ทำให้เอกสารที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯเตรียมส่งไปนั้น คือบันทึกการลงคะแนน และการแสดงตนของสมาชิกตลอดช่วงเวลาที่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ตั้งแต่วันที่ 8-11 ม.ค. โดยไม่เจาะจงว่าเป็นรายละเอียดของ ส.ส.คนใดหรือไม่ ทั้งนี้ตามกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ส่งเอกสารคำชี้แจง ภายในวันที่ 4 ก.พ. สำนักเลขาฯน่าจะส่งได้ทันตามกำหนดเวลา

เปิดตัว ปชป.หัวใจสตาร์ตอัพ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวโครงการ “ประชาธิปัตย์ ทันสมัย หัวใจสตาร์ตอัพ” จัดโดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค โดยนำกลุ่มสตาร์ตอัพของไทยที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้บรรดาสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มาร่วมงาน โดยมีสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอีที่มีชื่อเสียงผลงานมาแชร์ประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจ อาทิ นายภูริต ภิรมย์ภักดี จากค่ายสิงห์ Ventures นางสุรางคนา วายุภาพ อดีตผู้อำนวยการ ETDA & ผู้ก่อตั้ง BeTech นายสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้ง Local alike วิสาหกิจเพื่อสังคมด้านการท่องเที่ยวชุมชน

ห่วงเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยดับ

ที่สโมสรการท่าเรือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวในงานประชุมประจำปีสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก หัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ไทย ปลายศตวรรษที่ 21 จะไปในทิศทางไหน” ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 จะย่ำแย่หนักกว่าปี 2562 เพราะทุกเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจไทยดับหมด การส่งออกปี 2563 น่าจะไม่ขยายตัวจากปีที่แล้วที่ติดลบ 2.65% การท่องเที่ยวที่เป็นพระเอกมาตลอด 5 ปี แต่ปีนี้จะทรุดหนัก มีโอกาสติดลบสูงจากไวรัสโคโรนา การใช้จ่ายภาครัฐต้องหยุดชะงักเนื่องจากการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.รัฐบาล การบริโภคของประชาชนจะลดน้อยลงจากรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้เกษตรกรที่ลดลงจากราคาสินค้าเกษตรลดลง สำหรับด้านโลจิสติกส์นั้น อยากเห็นไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน รัฐควรทุ่มงบประมาณพัฒนา อยากให้ศึกษาโมเดลธุรกิจของโกเจ็กและแกร็บ การลดราคาน้ำมันดีเซล 5 บาท โดยลดการเก็บภาษีสรรพสามิต การติดตามเทคโนโลยีและศึกษาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้านโลจิสติกส์ รัฐบาลต้องตั้งหลักให้ได้ จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง อย่าสะเปะสะปะ ภาวะวิกฤติปัจจุบันต้องการผู้มีความรู้ความสามารถ ถ้าเป็นเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่รอดแน่ คงเป็นกบต้มตายกันยกหม้อ

ทางรอดในสถานการณ์ร้อน

ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บมจ. อสมท ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บสส.) รุ่นที่ 9 สถาบันอิศรา จัดสัมมนาสาธารณะ “How to รอด...รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง” นำเสนอมุมมองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเมือง ภายใต้ปัจจัยความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งในและต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ยังไม่ประกาศใช้ว่ารัฐบาลทำอะไรต้องมีงบฯ คงต้องประเมินและผลักดันงบประมาณออกมาโดยเร็ว ทำได้หลายช่องทาง ถ้าจำเป็นฉุกเฉินต้องออกเป็น พ.ร.ก. โดยเฉพาะงบด้านการลงทุน หรือหากใช้ร่าง พ.ร.บ.งบฯฉบับเดิมเอาเข้าสภาฯใหม่ หากใช้เวลาไม่แตกต่างกัน รัฐบาลคงเลือกใช้วิธีหลัง ที่ถามว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถูกทางหรือไม่ ถ้าถูกทางเศรษฐกิจคงดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นได้และยังมาเจอไวรัสอู่ฮั่น กำลังซื้อภายในประเทศลดลง ดังนั้น รัฐต้องกระจายงบฯและโอกาส เวลานี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรัฐต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ให้รวดเร็วสอดรับเทคโนโลยี