โวยลั่น ‘ยังมาขู่กูอีกไอ้บ้า’ พท.ยืนยันไม่ทรยศปชช. อนค.ปัดปฏิกษัตริย์นิยม
พท.โดดหนีดีลพิสดารผสมพันธุ์ พปชร. “สมพงษ์” โต้ไม่มีแนวคิด แค่ “วิรัช” เพื่อนเก่าเจอหน้าหยอกล้อจีบไปอยู่ด้วยกัน ปฏิเสธรับงาน ก.คมนาคม 900 ล้านแลกเป่าทิ้ง “ศักดิ์สยาม” หลุดโผขึ้นเขียง ยันไม่มีซูเอี๋ยมวยล้มต้มคนดู “อนุดิษฐ์” โวยทำลายน้ำหนักซักฟอก ลั่นไม่ทรยศประชาชนจูบปากพวกสืบทอดอำนาจ คสช. “เฉลิม” ฉุนข่าวล็อบบี้ปล่อยผี ไร้ข้อมูลฟัน “บิ๊กป้อม” ใครมีเสนอไปเลย “วิสาร” ย้ำมีข้อมูลเด็ดละเว้นไม่ได้ แชตไลน์หลุด “ปารีณา” เฉ่ง “ธรรมนัส” ไม่ช่วยมีแต่กระทืบ ฉุนชีวิตฉิบหายใครรับผิดชอบ สบถ “ยังมาขู่กูอีกไอ้บ้า”ลุยฟ้องคดีถ้าชนะท้าลาออกทิ้ง รมต. “เอ๋” รับทะเลาะจริงขอเป็นเรื่องภายใน ท้า “เสรีพิศุทธ์-วัฒนา” ไขก๊อกด้วยกัน “ธนาธร” ฉะเศรษฐกิจประชารัฐเอื้อกลุ่มทุนใหญ่เขมือบ “ปิยบุตร” ซัดคำร้องยุบ อนค.ไร้สาระเหมือนใบปลิว อัดเกสตาโปกลัวคนหนุ่มสาวยัดข้อหาล้มเจ้า
ยิ่งใกล้ถึงกำหนดที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยิ่งมีกระแสข่าวการล็อบบี้ให้รัฐมนตรีบางรายไม่ต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกระแสข่าวการเปิดดีลการเมืองชวนพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาปฏิเสธระบุเป็นการดิสเครดิตทำลายน้ำหนักการอภิปรายฯ ยืนยันไม่มีแนวคิดทรยศประชาชนไปจับมือกับพวกสืบทอดอำนาจ
“สมพงษ์” โต้ พท.ไม่คิดจับมือ พปชร.
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐประสานพรรคเพื่อไทยเพื่อร่วมเป็นรัฐบาลว่า ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และส่วนตัวก็ไม่มีความคิดในเรื่องนี้จะมีก็แต่เพียงเพื่อน ส.ส.ที่คบกันมานาน 20-30 ปี หยอกล่อกระเซ้าเย้าแหย่กันเท่านั้น เช่นนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เวลาเจอหน้าก็แค่แหย่กันว่ามาอยู่ด้วยกันเท่านั้น
...
ปัดรับงาน 900 ล้านปล่อย “เสี่ยโอ๋”
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวที่ว่าแกนนำระดับสูงของพรรคเพื่อไทย เจรจาของานโครงการในกระทรวงคมนาคมมูลค่า 900 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ใส่ชื่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าไม่ทราบว่าบุคคลในกระแสข่าวเป็นใครในพรรคเพื่อไทย และไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาก่อน เพิ่งเห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ตนกับนายศักดิ์สยาม ไม่เคยพูดคุยอะไรกันเป็นการส่วนตัว หรือผ่านตัวแทนก็ไม่มี ที่ผ่านมาก็ทักทายกันปกติ เฉพาะเวลามาร่วมประชุมสภาฯ ตนถามถึงสารทุกข์สุกดิบของนายชัย ชิดชอบ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย บิดาของนายศักดิ์สยาม ซึ่งทราบว่ามีอาการป่วยอยู่ โดยบอกว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมนายชัยบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไป เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่าญัตติอภิปรายฯ ของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่มีชื่อนายศักดิ์สยาม ทั้งที่หลายโครงการในกระทรวงคมนาคมมักมีความไม่ชอบมาพากล นายสมพงษ์กล่าวว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป ทั้งในส่วนพรรคเพื่อไทย ที่ทำงาน 2 ส่วน คือคณะกรรมการกิจการพิเศษ ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานและที่ประชุมพรรค ก่อนจะพิจารณาร่วมกันออกมาเป็นข้อยุติต่อไป หากใครมีข้อมูลที่จะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน แล้วมีน้ำหนักเหตุผลเพียงพอสามารถเสนอเข้ามาได้ เมื่อพรรคเพื่อไทยได้ข้อยุติ จะนำไปพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ซึ่งนัดหมายกันช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนจะออกเป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อยื่นญัตติฯ ต่อสภาฯต่อไป
ยันไม่มีซูเอี๋ยล้มมวยต้มคนดู
“ข้อยุติเรื่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ จะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหนบ้าง ไม่ใช่เรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะไปชี้นำหรือจำกัด ไม่เอาคนนั้นคนนี้ได้ เราต้องรอฟังความเห็นของฝ่ายค้านทุกพรรค คนไหนพรรคเพื่อไทยไม่เสนอ พรรคร่วมฝ่ายค้านก็เสนอเข้ามาได้ ถ้ามีข้อมูลหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ก็นำมาบรรจุเข้าญัตติโดยความเห็นร่วมกันได้ ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ครั้งนี้ไม่มีการซูเอี๋ยหรือล้มมวย แล้วจะยังมีทีเด็ดที่จะมีผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลไม่มากก็น้อย” นายสมพงษ์กล่าว
ไม่ทรยศ ปชช.ดีลลับสืบอำนาจ
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวการประสานงานระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่ทราบว่าผู้ปล่อยข่าวมีวัตถุประสงค์อะไร แต่ในฐานะเลขาธิการพรรคขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าตนและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ทุกคน ไม่เคยพูดคุยหรือหารือประเด็นนี้กับซีกรัฐบาลแน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้ง จนได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ เพราะเรายืนยันเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของเราในการหาเสียงอย่างมั่นคงว่าจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นอันขาด ดังนั้น วันนี้หากพรรคเพื่อไทยจะไปเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับว่าเราทรยศต่อพี่น้องประชาชน และส่วนตัวมองว่าการปล่อยข่าวออกมาในช่วงที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงหวังผลในการทำลายน้ำหนักการตรวจสอบของพรรคเพื่อไทย
ยังไม่ปิดกล่องเพิ่มชื่อเชือด รมต.
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค เชื่อว่าเราคงจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาฯในสัปดาห์หน้า โดยผู้ที่จะถูกอภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทยคือรัฐมนตรี 5 คนที่มีการเปิดเผยรายชื่อก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ถือว่ายังไม่ปิดกล่องรายชื่อ เพราะข้อมูลสำคัญทั้งหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หาก ส.ส.พรรคใดก็ตาม มีความประสงค์จะเพิ่มเติมและตรวจสอบแล้วข้อมูลและหลักฐานครบถ้วนสามารถแจ้งมาเพื่อเติมรายชื่อ
“อ้วน” อัดปล่อยข่าวทำลายฝ่ายค้าน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวแกนนำรัฐบาลประสานงานแกนนำเพื่อไทยเพื่อไม่ให้อภิปรายรัฐมนตรีบางคนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว ช่วงนี้อยู่ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วมีการปล่อยข่าวลักษณะนี้ออกมาเพื่อให้เกิดความสับสน ให้ฝ่ายค้านเสียหายทั้งที่เป็นข่าวเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานข้อมูลรองรับ จึงอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสาร วันนี้ยังไม่ไปถึงขั้นว่าจะอภิปรายใครไม่อภิปรายใคร เพราะสัปดาห์หน้าจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ดังนั้นเราจึงต้องมาดูว่ารัฐบาลและรัฐมนตรีมีเรื่องอะไรบ้างที่มีปัญหา เข้าใจว่า มีหลายเรื่องจึงขอให้ช่วยประชาชนช่วยกันส่งข้อมูลมาให้ฝ่ายค้านด้วย เพราะการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
“เฉลิม” ฉุนข่าวล็อบบี้ปล่อยผี รมต.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวล็อบบี้ต่อรอง เพื่อไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนว่า คณะกรรมการกิจการพิเศษสรุปรายชื่อแล้วว่าจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่มีการล็อบบี้ต่อรองอะไรทั้งสิ้น ใครปล่อยข่าวเลอะเทอะ และไม่เห็นใครอึดอัด เพราะไม่เห็นใครมาประชุมเลยย้ำไปแล้วว่าสาเหตุที่ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะ ป.ป.ช.ตัดสินไปแล้วเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน
ไร้ข้อมูลฟัน “ป้อม” ใครมีเสนอไปเลย
“ส่วนตัวไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องอื่นใดที่จะอภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่หากว่าใครมีข้อมูลใหม่ ใครอยากอภิปรายไม่เคยปิดกั้นขัดขวาง ทั้งคนใน พรรคหรือพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ตนไม่เสนอเพราะถ้าถูก ป.ป.ช.ฟ้องข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แล้วจะเสียชื่อเสียหายไปด้วย ตอนนี้คณะกรรมการกิจการพิเศษแค่สรุปเบื้องต้นแล้วส่งเรื่องให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพิจารณาร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าใครจะเสนอชื่อคนอื่นเพิ่มเติมเป็นสิทธิ พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทยหรือแม้แต่คนในพรรคเพื่อไทย อยากจะพูดถึงใคร อภิปรายใครก็เสนอชื่อกันไปเลย”
“วิสาร” มีข้อมูลเด็ด “ประวิตร” เว้นไม่ได้
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้เสนอไปยังแกนนำพรรคแล้วหรือยังว่า วันที่ 20 ม.ค. จะมีการประชุมระหว่างคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยกับทีมอภิปรายของพรรค นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคและนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จะนำรายละเอียดเส้นทางหลักฐานการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับล็อกสเปกจัดซื้อจัดจ้างการทำโฆษณาของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และส่วนราชการเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งสามารถโยงไปถึง 3 ป.อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีการอภิปราย พล.อ.ประวิตร ทางพรรคต้องบอกเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะจากข้อมูลของตน ถึงอย่างไรต้องอภิปราย พล.อ.ประวิตรแน่นอน
“ธนกร” ยัน รบ.ไม่จิตตกศึกซักฟอก
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หวาดกลัว การอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้หวาดกลัวอะไร ไม่มีจิตตก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำงานตรงไปตรงมา รัฐบาลพร้อมชี้แจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตที่เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันมากมายจนมีอดีตรัฐมนตรีต้องติดคุกมาแล้ว เบื้องต้นพอจะทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว เชื่อว่าฝ่ายค้านยุคใหม่ จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเบื่อหน่าย ขณะที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว แต่เพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายเรื่องเพื่อพยุง อย่างชิมช้อปใช้ ประชาชนชื่นชอบ เข้าใจหัวอกฝ่ายค้านดี ชื่นชมฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามกลไกรัฐสภา ส่วนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ คงไม่มีใครทราบ
ปลื้มโพล ปชช.ชอบ“บิ๊กป้อม–สนธิรัตน์”
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงโพลสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจร.) ระบุประชาชนชื่นชอบผลงานรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบและปลดหนี้ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และผลงานนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในโครงการพลังงานชุมชน ที่ประชาชนอยากรู้จักและอยากเข้าถึงง่ายว่า ขอขอบคุณเสียงสะท้อนที่มาจากประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จริงๆ เป็นกำลังใจให้เร่งเดินหน้าโครงการอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง พรรคเน้นย้ำ ส.ส.ให้ลงพื้นที่ รับฟังปัญหาและสะท้อนความเดือดร้อนเรื่องหนี้นอกระบบเข้าสู่ฝ่ายบริหาร และประชาสัมพันธ์โครงการพลังงานชุมชนเพื่อให้ประชาชนรู้จักและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ขณะที่โครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและปลดหนี้ของ พล.อ.ประวิตร สอดคล้องยุทธศาสตร์สร้างโอกาสและความเสมอภาค สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
“เอ๋” โวย “ธรรมนัส” ไม่ช่วย มีแต่กระทืบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ในโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่แชตไลน์ลับในกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีผู้บริหารระดับสูงของพรรคและ ส.ส.อยู่ด้วยเกือบร้อยคน โดยแชตดังกล่าวมีข้อความในลักษณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดไม่พอใจต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยได้แคปหน้าจอแชตไลน์ ของตัวเองที่คุยกับ ร.อ.ธรรมนัสส่งมาในไลน์กลุ่มของพรรค มีข้อความว่า “ถ้ารองเลขาพูดว่าถ้าเอ๋ฟ้องก็ไม่ชนะและจะโดนอาญา เอ๋ก็ขอฟ้องแล้วกัน ถ้าเอ๋แพ้ก็ติดคุก ถ้าเอ๋ชนะ พี่ช่วยลาออกจากรัฐมนตรีได้ไหมคะ เพราะพี่ไม่ได้ช่วยอะไรเอ๋เลย มีแต่กระทืบเอ๋ ขออนุญาตแคปหน้าจอจะไปโชว์ผลงานพี่กับเพื่อนๆที่พรรคด้วยนะคะ”
ยัวะชีวิตพังสบถยังมาขู่กูอีกไอ้บ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้มีอีกไลน์หลุดเป็นข้อความที่ น.ส.ปารีณาได้พิมพ์ข้อความต่อจากไลน์ที่แคปส่งไปว่า “#ธรรมนัสvsปารีณา ที่ผ่านมา ไว้ใจและปฏิบัติตาม แต่ชีวิตแม่งฉิบหาย แล้วใครรับผิดชอบชีวิตปารีณา ใครช่วย ว่ากันตามกฎหมายไหม ไม่ใช่กฎกู ว่ากันที่ศาลดีกว่า ถ้าจะทำอย่างงี้ แล้วยังจะมาขู่กูอีก ไอ้บ้า” คาดว่ามาจากกรณีที่ น.ส.ปารีณาและบิดา นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ถูกโจมตี และกำลังส่อว่าจะถูกดำเนินคดีกรณีบุกรุกและครอบครองที่ดินของรัฐในพื้นที่ จ.ราชบุรี (ป่าไม้และป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่นํ้าภาชี) หลังแชตไลน์ดังกล่าวหลุดออกมา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงรอยร้าวใหม่ภายในพรรค
ลั่นทะเลาะกันขอเป็นเรื่องภายใน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปรากฏเป็นข่าวในไลน์กลุ่มพรรคมีหลุดออกมาอีก โดยเป็นข้อความที่ น.ส.ปารีณาเขียนว่า “ทะเลาะกันในพรรคพอนะคะ อย่าเอาไปนอกพรรค เอ๋เข้าใจมีคนไม่พอใจพี่ธรรมนัสเยอะ รวมถึงเอ๋ด้วย แต่อาจจะเป็นคนละเรื่อง ก็ขอเป็นเรื่องภายในนะคะ”
“เอ๋” รับของจริงไม่กล้ามีปัญหากับผู้ใหญ่
ต่อมา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีแชตไลน์หลุดในโลกออนไลน์ว่า แชตที่หลุดเป็นไลน์ของตัวเองจริง ความจริงการพูดคุยกันในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พูดคุยปัญหากันหลายเรื่อง แต่ไม่เข้าใจว่าคนที่เอาข้อมูลไปเผยแพร่มีวัตถุประสงค์อะไร ในกลุ่มนี้มีแต่ ส.ส.ของพรรค ดังนั้น คนที่เอาไปส่งให้สื่อต้องเป็น ส.ส.อยู่แล้ว แต่คงจะไม่เอาเรื่องใคร ขอปล่อยให้เรื่องผ่านไปดีกว่า ส่วนข้อความในแชตที่แสดงในลักษณะมีความขัดแย้งระหว่างกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์นั้น ยืนยันไม่ได้มีรอยร้าวอะไร เราเป็นผู้น้อยจะกล้าไปมีปัญหากับผู้ใหญ่ได้อย่างไร เป็นแค่ปัญหาภายใน และหลังจากไลน์หลุดยังไม่ได้พูดคุยเคลียร์กับ ร.อ.ธรรมนัส เพราะต่างมีภารกิจลงพื้นที่พบประชาชน ส่วนตัวไม่อยากให้ความสนใจเรื่องแชตหลุดมากนัก และอยากให้สังคมไปสนใจเรื่องภายใน กมธ.ป.ป.ช.มากกว่า
“ผู้กองมนัส” เงียบไม่รับสาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการปล่อย ภาพการแชตไลน์ลับระหว่าง น.ส.ปารีณา และ ร.อ.ธรรมนัส และการต่อว่าแสดงความไม่พอใจ ร.อ.ธรรมนัส ในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปที่เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของ ร.อ.ธรรมนัส และไลน์ที่ น.ส.ปารีณาใช้สื่อสารกับ ร.อ. ธรรมนัส เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้
“เทพไท” เย้ยลิ่วล้อหวังดีประสงค์ร้าย
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเล ขนอม-เกาะสมุย ว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่เคยเสนอต่อพรรคประชาธิปัตย์เพื่อใช้เป็นนโยบายพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ใน “ปฏิญญาทุ่งสง” เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคช่วงเลือกตั้ง มอบหมายให้นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ศึกษาออกแบบตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นเมกะโปรเจกต์ ต้องศึกษาข้อมูลรอบคอบและทำประชาพิจารณ์ จึงทำให้ชะลอไป แต่เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอในที่ประชุมสภาฯ เรื่องสร้างสะพานข้ามไปยังเกาะสมุย เสนอใช้ชื่อสะพานจันทร์โอชา ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง จนโฆษกรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงว่าเป็นเฟกนิวส์ ทั้งที่เป็นเรื่องจริง มีหลักฐานชัดเจน ที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นำเสนอในสภาฯเพื่อเอาหน้าเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯโดยตรง แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาปฏิเสธ ไม่เห็นด้วย ก็ถูกต้องแล้วควรจะดำเนินการกับผู้หวังดีประสงค์ร้ายสร้างความเสียหายให้นายกฯ เพราะการสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน การตั้งชื่อสะพานเป็นเรื่องของประชาชนในพื้นที่จะเห็นควรว่าจะใช้ชื่ออะไร
บี้เร่งหางบฯเลิกอวยตั้งชื่อเอาใจนาย
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “สะพานเชื่อมเกาะสมุยตอกเสาเข็มก่อน แล้วค่อยตั้งชื่อ” ว่า เป็นข่าวเกรียวกราวขึ้นมาเมื่อ ส.ส.คนหนึ่งเสนอให้ตั้งชื่อสะพานเชื่อมเกาะสมุยว่า “สะพานจันทร์โอชา” มองข้ามปัญหาต่างๆนานามากมายในการผลักดันให้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ตนได้เสนอให้ก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุยเมื่อวันที่ 17 พ.ค.60 มุ่งหวังจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปเกาะสมุย หากเดินทางโดยเครื่องบินไปจะเสียค่าโดยสารแพง หากเดินทางด้วยรถยนต์ต้องลงเรือหรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือดอนสักข้ามไปเสียค่าเดินทางถูกกว่า แต่เสียเวลานานกว่า ช่วงเทศกาลสำคัญต้องรอเฟอร์รี่นานมาก เพราะผู้โดยสารหนาแน่น รูปแบบสะพานที่ผมเสนอคือสะพานขึง (Cable Stayed Bridge) เช่น สะพานพระราม 8 สะพานพระราม 9 สะพานภูมิพล และสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ เป็นต้น ยาวประมาณ 18 กม. มี 4 ช่องจราจร ใช้วงเงินก่อสร้างประมาณ 45,000 ล้านบาท หากรัฐบาลต้องการผลักดันจริงจังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี ถ้ามุ่งมั่นจะทำให้สร้างจริง ขอเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งจัดสรรงบฯศึกษาความเหมาะสมและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทำประชาพิจารณ์ เลิกเถียงกันเรื่องชื่อสะพานเสียทีรอให้เริ่มก่อสร้าง แล้วค่อยคิดตั้งชื่อ เร่งหางบฯเลิกถกเรื่องชื่อ
“ธนาธร” เฉ่งโมเดล ศก.ประชารัฐ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 4 อาคาร SC3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคอนาคตใหม่จัดงาน “Future is Now : อย่ากลัวอนาคต” โดยมีประชาชนร่วมงานจำนวนมากจนที่นั่งที่จัดไว้ประมาณ 1,000 ที่นั่งไม่พอจนผู้ร่วมงานต้องยืนรับฟัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า เราอยากฝันเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน หรือจะส่งต่ออนาคตให้ลูกหลานเราแบบไหน การสร้างบ้าน รถยนต์หรือเรือดำน้ำ เราต้องมีพิมพ์เขียว เพื่อออกแบบว่าจะทำให้ออกมาเป็นแบบไหน จากกิจกรรมที่เราทำตลอดมามีความหลากหลาย แต่มีความเป็นเอกภาพ คือเรากำลังสู้ เรากำลังซ่อม และเรากำลังสร้างสังคมไทย อยากให้เรามองย้อนโมเดลที่ผ่านมาของประเทศไทย คือโมเดลการสร้างรูปแบบเศรษฐกิจประชารัฐ ที่ให้กลุ่มทุนใหญ่เข้าร่วมมาทำงานกับภาครัฐ โดยคาดว่าจะสามารถดึงภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กขึ้นไปด้วย โมเดลนี้เป็น 3 ขา คือ 1.การให้กลุ่มทุนใหญ่เข้ามากำหนดเป็นหัวหอกในการพัฒนาเศรษฐกิจ 2.เปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และ 3.สงเคราะห์คนยากไร้ให้พออยู่ได้
ปลุกอย่ากลัวอนาคตอย่ากลัวเปลี่ยนแปลง
นายธนาธรกล่าวอีกว่า กลไกแบบนี้จะพาเราไปสู่อนาคตแบบที่มีแต่การพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติ ทำให้ประเทศไทยเติบโตต่อไปอย่างไร้เทคโนโลยี และอำนาจที่มาจากการแต่งตั้งสูงกว่าเสียงและอำนาจของประชาชน จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และสุดท้ายการกดทับกีดดันเสรีภาพจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามนุษย์ และการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ เราจึงอย่ากลัวอนาคต อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แต่เราควรกลัวว่าเราจะสายเกินกาล อยากเสนอเรื่องที่ค่อนข้างกว้างและเป็นนามธรรม ในอนาคตตนอยากเห็นประชาชนมีความมั่นคง มีสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าถึงบริการภาครัฐ ทั้งน้ำ อากาศ และการเดินทางสาธารณะ มีสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในระดับโลก
ถ้าการเมืองดีดันเศรษฐกิจดีได้
“แต่จากนี้จะสร้างประเทศไทยจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร เราจำเป็นต้องกลับมาดูปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยปัจจุบันก่อน พิมพ์เขียวเศรษฐกิจอย่างเดียวยังไม่พอ แต่ต้องมีพิมพ์เขียวการบริหารภาครัฐด้วย คือต้องกระจายอำนาจไม่กระจุกตัวแค่ในเมืองหลวง นอกจากนี้ เรายังต้องมีพิมพ์เขียวการพัฒนาทรัพยากรบุคคล พัฒนาเยาวชนให้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม แม้ว่าวันนี้เราไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่เรายังมุ่งมั่นตั้งใจทำตามนโยบายของเรา เราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ แต่ทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้ เราต้องจัดการปัญหาทางการเมืองก่อน เพราะการเมืองที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้เศรษฐกิจดีได้”
“ปิยบุตร” ซัดคำร้องยุบ อนค.ไร้สาระ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาในคดีอิลลูมินาติ หาว่าตน นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีการกระทำดังกล่าว จะสั่งให้ยุติการกระทำนั้น แต่ข้อหาดังกล่าวไม่มีการระบุโทษถึงการยุบพรรค นายณฐพร โตประยูร ผู้ร้องในคดีดังกล่าวพยายามผูกโยงเรื่องต่างๆของตนและนายธนาธร ทั้งงานเขียนของตนในอดีตและนโยบายต่างๆของพรรคอนาคตใหม่ ไปจินตนาการเองว่าพวกเราพยายามล้มล้างการปกครอง
เกสตาโปกลัวคนหนุ่มสาวยัดข้อหาล้มเจ้า
“ขอชี้แจงว่าการที่นายทหารกลุ่มหนึ่งออกมายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ต่างหากนี่แหละถึงจะเป็นการล้มล้างการปกครองของจริง สิ่งที่นายณฐพร นำมาร้องคือสิ่งที่เกิดก่อนที่จะจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ คำร้องของนายณฐพร เป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ไม่ต่างอะไรกับใบปลิว เขาหวาดกลัวกระแสของคนหนุ่มสาว ชนชั้นกลาง กลัวนายธนาธร ผมและพรรคอนาคตใหม่ พยายามกำจัดเราออกไปให้ได้ ข้อหาหนึ่งที่ใช้กันมาตลอด คือข้อหาล้มเจ้า เขาพยายามสื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่าพวกเราล้มเจ้า พยายามบิดเบือนเพราะกลัวในสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง นี่คือเกสตาโปแบบใหม่” นายปิยบุตรกล่าว
จวกเผด็จการต่างหากอันตรายต่อสถาบัน
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ขอประกาศตรงนี้ว่าตน นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เราไม่เคยคิดที่จะทำการอะไร เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ ระยะหลังมีการพยายามใช้คำว่า “ปฏิกษัตริย์นิยม” ขอประกาศกับสาธารณชนตรงนี้ว่าเราไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม แนวคิดของเราคือการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพื่อจะเป็นการป้องกันและรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ระบอบเผด็จการต่างหากที่จะอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราเห็นได้จากประวัติศาสตร์ทั่วโลก นอกจากนี้ พวกที่พยายามรักษาอำนาจของตนเอง ถือเป็นอันตรายต่อสถาบัน เช่นกัน และยังมีสื่อบางสำนักที่พยายามปลุกระดมใส่ร้ายป้ายสีตนและนายธนาธร ว่าเป็นพวกล้มเจ้าและเป็นพวกสุดโต่ง เราหวังที่จะพัฒนาประเทศคนที่มองว่าเราเป็นพวกสุดโต่ง เขาใส่แว่นตาแบบอนุรักษนิยมสุดขั้ว เป็นพวกขวาตกขอบ พวกเขาต่างหากที่เป็นพวกสุดโต่ง คนเหล่านี้ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เหนี่ยวรั้งพัฒนาการของประเทศต้องการแช่แข็ง คนแบบนี้แหละที่เป็นอันตรายต่อประเทศ
แฉ รบ.จ่อดึง 20 ส.ส.เติมเสียงอยู่ยาว
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า เชื่อว่าวันนี้ประเทศไทยยังร่วมกันปฏิรูปได้ วันที่ 21 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาว่าจะยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว ไม่มีทางยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่พวกเราแต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลายคนบอกเราว่าหากไม่ถูกยุบคดีนี้คดีหน้าก็ถูกยุบ วันนี้การยุบพรรคคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องการเมือง ในอดีตคนที่มีอำนาจเขามองการยุบพรรค คือการหวังดึง ส.ส.ไปและครั้งนี้มีการพูดกันว่าจะเอาให้ได้ถึง 20 คนเพื่อเติมเสียงให้รัฐบาลอยู่ยาว นี่คือวัตถุประสงค์ของผู้ครองอำนาจ
กอดคอย้ายบ้านใหม่ให้กระสุนด้าน
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ดังนั้นเราจะทำอย่างไร เราทำได้อย่างเดียวคือ อาวุธที่ชื่อว่าการยุบพรรค เป็นกระสุนที่ด้านให้ได้คือ ขอเรียกร้องให้ ส.ส.อนาคตใหม่ทั้งหมด เมื่อศาลสั่งยุบพรรคให้ย้ายไปอยู่พรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกันอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมทั้งสมาชิกพรรคทั้ง 6 หมื่นกว่าคนไปสมัครสมาชิกอย่างพร้อมเพรียง หากวันนั้นมาถึง นายธนาธรจะยังทำงานการเมืองต่อไปและตนจะไปอภิปรายนอกสภาฯต่อหน้าพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ หากเป็นไปตามแนวทางนี้กระสุนจะด้าน และเขาจะไม่กล้ายุบพรรคการเมืองอีก เพราะทำแล้วไม่ได้ตามเป้าหมาย วันนี้อยากให้ผู้มีอำนาจอย่ากลัวอนาคต แต่ควรมาร่วมกันออกแบบอนาคต
“สิระ” จี้ปลด “เสรีพิศุทธ์” ยุติปัญหา
อีกเรื่องนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความขัดแย้งในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ว่า ยืนยันตนและ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไม่เคยมีเจตนาเข้าไปป่วนการทำงานของ กมธ.ป.ป.ช.ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวหา แต่สิ่งที่ทำให้ไม่ราบรื่นมี 2 ประเด็นคือ 1.การนำ กมธ.ป.ป.ช. มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เล่นไม่เลิกปมถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกคำร้องเรื่องนี้แล้ว อีกทั้ง กมธ.มีมติให้ยุติเรื่องแล้ว แต่ยังดึงดันเดินต่อ ไม่ฟังเสียงที่ประชุม และ 2.วุฒิภาวะคนเป็นประธานควรเปิดใจ กว้าง รับฟังเสียงท้วงติง ข้อเสนอแนะ กมธ.แบบไม่มีอคติ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กลับใช้วาจาไม่เหมาะสมกับสตรี ไม่ใช่วิสัยลูกผู้ชาย และยังไร้สำนึกไปให้สัมภาษณ์ใช้คำว่าเสือกยังน้อยเกินไป แสดงให้เห็นเป็นคนที่ยากเยียวยาแล้ว ถ้าทำตัวน่าเคารพ ไม่ใช้ กมธ.สร้างประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเอง ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น แต่งานสะดุดเพราะมีคนอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หวังที่ประชุมสภาฯจะพิจารณาญัตติถอดถอน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากตำแหน่งประธาน จะได้จบปัญหานี้เสียที
“เอ๋” ท้า “ปธ.กมธ.-วัฒนา” ออกด้วยกัน
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. กล่าวถึงการทำหน้าที่ กมธ.ว่า ที่มีคนขอให้ตนลาออก ลาออกจาก กมธ.ปราบโกง เนื่องจากมีคดีติดตัว คดีที่ดิน ภบท.5 ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้บุกรุก พร้อมสู้คดีจนถึงที่สุด มั่นใจว่าประชาชนทุกคนที่อาศัยและทำกินอยู่บนที่ดิน ภบท.5 ตั้งตารอดูคดีนี้ เพราะถ้าตนติดคุกจะมีประชาชนที่อาศัยอยู่และทำกินบน ภบท.5 ต้องมาติดคุกทั่วแผ่นดิน เช่นเดียวกับนายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ชุดนี้ อยู่ระหว่างต่อสู้คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร และ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ที่มีคดีหมิ่นเบื้องสูง ถูกร้องเรียนที่ กมธ.ปราบโกง หมิ่นเบื้องสูง 2 คดี และคดีทุจริตอีก 5 คดี ไม่รวมคดีต่างๆที่อยู่ที่ศาล ถ้าเพื่อความยุติธรรมตนยินดีลาออก แต่ต้องออกพร้อมกับคุณเสรีพิศุทธ์ และคุณวัฒนา เมืองสุข ขอท้าไปยังทั้ง 2 คนว่าพร้อมที่จะลาออกหรือไม่ หากพร้อมตนก็พร้อม
“หมอระวี” จี้ “ชวน” เข้ามาหย่าศึกได้แล้ว
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า อยากให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช.กับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์และนายสิระ เจนจาคะ กมธ.จากพรรคพลังประชารัฐ ทบทวนบทบาทและพฤติกรรม ต้องมีวุฒิภาวะสมกับการเป็นผู้แทนฯ กมธ.คนอื่นในชุดนี้ต้องมีบทบาทร่วมแก้ปัญหา ไม่ใช่นิ่งดูดาย ปล่อยให้ทะเลาะกันจนประชาชนเบื่อหน่าย เสียโอกาสการตรวจสอบการทุจริต อยากฝากถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติว่าเรื่องนี้มาไกลเกินกว่าจะเป็นเรื่องภายใน กมธ.แล้ว กระทบกับภาพลักษณ์สภาฯทั้งหมด อยากให้นายชวนเรียกทั้ง 3 คนมาพูดคุยแก้ปัญหา ไม่ต้องรอให้ทั้ง 3 คนร้องขอ เพื่อจบปัญหาโดยเร็ว
ส.ว.แนะ กห.เน้นพัฒนาแทนซื้ออาวุธ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 20 ม.ค.จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยจะมีการนำเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ของวุฒิสภา ที่มีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ส.ว. เป็นประธาน กมธ. โดยรายงานดังกล่าวได้จัดทำข้อสังเกตต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ในหลายประเด็น และมีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานรัฐ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ อาทิ กระทรวงกลาโหม ให้เน้นประชาสัมพันธ์การทำงานของหน่วยงาน เน้นงานวิจัยและพัฒนาอาวุธแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ หากพบกรณีใช้ต่างประเทศเป็นฐานโจมตีประเทศไทยผ่านสื่อต่างๆ ควรมีมาตรการป้องกันเชิงลึกประสานกับประเทศที่ถูกใช้เป็นฐานการโจมตีให้รับทราบข้อเท็จจริง รวมถึงติดตามประเด็นที่โจมตีเพื่อชี้แจงอย่างทันท่วงที ส่วนหน่วยงานศาล เช่น ศาลรัฐธรรมนูญควรอธิบายคำวินิจฉัยคดีสำคัญให้ประชาชนทราบ ป้องกันการให้ข่าวบิดเบือน จนสร้างความเข้าใจผิดสับสนในสังคม