กมธ.เมินผู้แทนตู่-ป้อม มติ6:3ให้แจงเอง20พ.ย. ‘สิระ’ ห้าวปลด ‘เสรีพิศุทธ์’ ศาลรธน.ชี้ ‘นวัธ’ พ้นส.ส. คาดเลือกซ่อมใน22ธ.ค.
“บิ๊กตู่” โชว์วิชันใช้แนวคิด สติปัญญาขับเคลื่อนประเทศ มากกว่าอุดหนุนแจกแหลกที่ใช้สมองน้อย รับห่วงคนตกงาน วอนอย่าเพิ่งเบื่อกัน ยังไงก็อยู่อีกนาน เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลไร้รอยร้าว ยักไหล่ไม่ให้ราคาพรรคเล็กรวมตัวต่อรอง อัดเล่นแต่เกมการเมืองไม่ทำประโยชน์ให้ชาติ “บิ๊กป้อม” สำทับเรื่องจิ๊บๆไม่น่าห่วง ศึกซักฟอกก็สบายๆ รมต.ตั้งใจทำงานดีทุกคน พปชร.ไม่ห่วงเสถียรภาพรัฐบาล หลังพรรคเล็กตั้งป้อมโหวตสวน “ชวน” เห็นชอบนัดประชุมสภาฯเพิ่มทุกศุกร์สิ้นเดือน สางวาระตกค้าง วิปรัฐบาลเบรกเกมเร็วตั้ง กมธ.วิสามัญแก้ รธน. “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ยังไม่มา กมธ.ป.ป.ช. “เสรีพิศุทธ์” ลั่นไม่ยอมรับคนอื่นมาชี้แจงแทน งัดมติเรียกอีกรอบ 20 พ.ย. “ปารีณา” ฉะใช้อำนาจเกินขอบเขต ระวังติดคุก ผู้ช่วย “บิ๊กป้อม” ขู่ซ้ำผิด ม.157 “สิระ” ห้าวเสนอปลดประธาน ขอเป็นแทนเอง ศาล รธน.สั่ง “นวัธ” สิ้นสภาพ ส.ส. สั่งเลือกตั้งใหม่ใน 45 วัน
จากกรณีที่มีข่าวคราวความระหองระแหงในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมไปถึงการแย่งชิงตำแหน่งประธาน กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างพรรคใหญ่ จนล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจับมือกันระหว่างพรรคเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเล็กที่แยกตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระก่อนหน้านี้ ทำให้มีการจับตาถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ
“บิ๊กตู่” บอกอย่าเพิ่งเบื่อยังอยู่อีกนาน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวมอบโอวาทตอนหนึ่งเนื่องในโอกาสนักกีฬาไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.ว่า ตนพยายามขับเคลื่อนประเทศไปในแนวทางปฏิรูปใหม่ ใช้แนวความคิด สติปัญญา มากกว่าอุดหนุนจนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ อย่างนั้นใช้สติปัญญาน้อย ใครอยากได้อะไรก็ให้ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเขาด้วย รัฐบาลทำหน้าที่แก้ปัญหาที่ผ่านมา สร้างโครงสร้างพื้นฐาน มองอนาคตประเทศเดินอย่างไร หารายได้เข้าประเทศ ซึ่งเวลานี้ตนเป็นห่วงคนตกงาน ต้องแก้ตั้งแต่ต้นทางเรียนสาขาที่ตลาดต้องการ ต้องมีหลักคิดและเหตุผล ไม่ใช่ขัดแย้งกันอย่างเดียว “วันนี้ผมถูกถามทุกเรื่อง ถูกจับก็ถาม เรียกตัวไปสอบก็ถาม ทั้งที่เขามีกลไกการทำงานหมดแล้วทุกเรื่อง ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบตรงนั้นตามกฎหมาย หากทุกคนไม่เคารพกฎหมายก็จะทะเลาะกัน เวลามีเรื่องวิจารณ์กันได้หมด เลยปั่นป่วนไปหมด ต้องขอพูดนอกเรื่องกีฬา เพราะได้เจอน้องๆ เยาวชน ส่วนพี่ๆที่นั่งข้างหน้าอย่าเพิ่งเบื่อ ยังไงผมยังอยู่อีกนานพอสมควร ไม่ต้องกลัว”
...
“บิ๊กตู่” ยันพรรคร่วม รบ.ไร้รอยร้าว
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเกิดความระหองระแหง อาจทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพว่า “ผมไม่เห็นมีเลย ใครหรือ ผมยังไม่เห็น ได้ข่าวอะไรเลย” เมื่อถามว่า มีบางพรรคร่วมรัฐบาลระบุอาจจะไม่ร่วมโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกฯตอบว่า ก็แล้วแต่ ประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้ เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ไม่มีรอยร้าว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่เห็นมีเรื่องราวอะไร แต่ละคนยังพูดคุยกันดีอยู่ ปรึกษากันดี คงเป็นพวกสื่อโซเชียลว่ากันไปมากกว่า เมื่อถามว่า ยังคงมั่นใจพรรคร่วมจะเดินหน้าร่วมกันต่อไปใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ตนบังคับพวกท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็แล้วแต่ท่าน
ยักไหล่ไม่ให้ราคาพรรคเล็กต่อรอง
เมื่อถามถึงกรณี 5 พรรคเล็กรวมกลุ่ม ขู่หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ จะโหวตสวน นายกฯตอบว่า ก็แล้วแต่เขา วันนี้เขามองประเทศชาติอยู่ตรงไหนล่ะ จะเดินเกมการเมืองกันอย่างเดียวก็ตามใจท่าน ประชาชนก็จะรู้เองว่า เลือกกันมาแล้ว ทำประโยชน์กันบ้างหรือเปล่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า ดูเหมือนเป็นพฤติกรรมต่อรองทุกครั้งในการใช้เสียงรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า “มาต่อรองอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ไม่กังวลอะไรกับเรื่องเหล่านี้ ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับมัน ประเทศก็ต้องรับไปด้วย ประชาชนก็เดือดร้อนไปด้วย รับไปด้วย ผมก็ทำของผมดีที่สุดแล้วแหละ”
“บิ๊กป้อม” ไม่ห่วง-ศึกซักฟอกก็สบาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปลายปีนี้ว่า ไม่ต้องห่วง พรรคพลังประชารัฐเราต้องพร้อมอยู่แล้ว ตอนนี้รัฐบาลเพิ่งทำงานมา 3-4 เดือนเอง ยืนยันตอบได้หมด และรัฐมนตรีตั้งใจทำงานทุกคน ไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในเสียงของรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ หลัง 5 พรรคเล็กรวมตัวกัน ประกาศพร้อมโหวตสวนหากรัฐบาลชี้แจงในการอภิปรายไม่ได้ พล.อ.ประวิตรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ผมมั่นใจ”
พปชร.ยันไม่กระทบเสถียรภาพ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 5 พรรคเล็กรวมตัวตั้งกลุ่มพร้อมประกาศโหวตสวนมติรัฐบาล หากรัฐมนตรีไม่สามารถตอบในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ถือเป็นจุดยืนของแต่ละพรรค เราก็ต้องเคารพในการทำงานร่วมกัน เมื่อถามว่าถือเป็นรอยร้าวที่ค่อยๆปริตัวหรือไม่เพราะดูเหมือน 5 พรรคเล็กจะพยายามต่อรองหลังจากที่มี 2 พรรคออกไปแล้ว นายสนธิรัตน์ตอบว่า คงไม่ และอย่าเรียกว่าการต่อรองเลย อย่าไปมองเป็นความขัดแย้ง ทุกพรรคย่อมมีจุดยืนไม่ได้ผิดอะไร ซึ่งไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
ครูไทยโดดหนีปัดรวม 5 พรรคเล็ก
ด้านนายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทย แถลงว่า ยืนยันไม่เคยมีความคิดไปรวมกลุ่ม 5 พรรคเล็ก ยังคงสนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ตามเดิม หวังให้รัฐบาลผลักดันนโยบายด้านต่างๆให้ประสบผลสำเร็จ ยืนยันจะทำหน้าที่ตรวจสอบและให้คำเสนอแนะกรณีที่รัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนการเดินทางไปร่วมงานวันเกิดนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทนั้น ไม่ได้มีนัยทางการเมืองแอบแฝง มีวัตถุประสงค์ไปร่วมงานและกล่าวอวยพรวันเกิดตามธรรมเนียมเท่านั้น ไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีการประกาศรวมกลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด
ฝ่ายค้านขอเปิดสภาฯนัดพิเศษ 22 พ.ย.
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาฯสัปดาห์นี้มีวาระรับทราบรายงานการทำงานขององค์กรต่างๆ 7 วาระ ซึ่งจะไปเบียดบังวาระการพิจารณาเร่งด่วน โดยเฉพาะรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำที่พิจารณาเสร็จแล้ว ทำให้รายงานดังกล่าวน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯได้อย่างเร็วคือสัปดาห์หน้า แต่หากมีวาระรับทราบต่างๆแทรกเข้ามาอีก จะทำให้วาระเรื่องนี้ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆทั้งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนสำคัญ ส่วนการพิจารณาญัตติด่วนเรื่องการตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 รวมถึงการตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น จะเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เปิดประชุมสภาฯนัดพิเศษในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติด่วนทั้ง 2 เรื่องนี้โดยเฉพาะ
“ชวน” ฉุนอย่าเอาแต่ตามอำเภอใจ
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยท้วงติงการจัดระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ทำให้ญัตติเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ต้องเลื่อนออกไปว่า ญัตติดังกล่าวไม่ได้ถูกเลื่อน ขณะนี้มีระเบียบวาระการประชุมสภาฯอยู่ตามลำดับ ซึ่งสภาฯสมัยนี้สามารถบริหารระเบียบวาระและญัตติได้ดีที่สุด แต่บังเอิญมีเรื่องอื่นที่กฎหมายบังคับ เช่น วาระเพื่อทราบที่ต้องใช้เวลา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาใช้เวลาในวาระเพื่อทราบถึง 2 วัน ส่วนวันนี้มีวาระเพื่อทราบ 7 วาระ หากจะกีดกันไม่ให้สมาชิกได้พูดก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ อย่างไรก็ตาม วาระที่เข้ามาก็เป็นไปตามปกติไม่ได้ล่าช้า หรือมีปัญหาแต่อย่างใด เพียงแต่พวกที่อยากให้เข้าวันนั้นวันนี้ก็จะเอาตามอำเภอใจ ซึ่งมันไม่ได้ สภาฯต้องให้ความสำคัญกับทุกญัตติไม่ใช่เฉพาะญัตติแก้รัฐธรรมนูญ
เห็นควรประชุมเพิ่มทุกศุกร์สิ้นเดือน
นายชวนกล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยเรื่องการขยายวันและเวลาการประชุมสภาฯ ส่วนตัวดีใจที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เสนอให้ขยายวันประชุมสภาฯเพิ่มขึ้น ตนอยากให้ดำเนินการเพราะเกรงว่าสภาฯ จะมีวาระค้างการพิจารณาจำนวนมาก จึงคิดว่าอาจจะมีการประชุมสภาฯเพิ่มในวันศุกร์เดือนละหนึ่งครั้ง อาจจะเริ่มต้นในช่วงปลายเดือน พ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติทั่วไปที่ไม่ใช่เรื่องด่วน จึงได้มอบหมายให้ นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาไปหารือกับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ หากการประชุมสภาฯ วันนี้และพรุ่งนี้สามารถพิจารณาเรื่องรับทราบได้ทั้งหมด คิดว่าสัปดาห์หน้าญัตติด่วนของนายปิยบุตรและญัตติด่วนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเข้าสู่การพิจารณาได้ ดังนั้น การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาวาระต่างๆไม่ได้ล่าช้า และไม่มีการลัดคิวในการพิจารณา เป็นไปตามลำดับทั้งหมด
วิปรัฐบาลขวางดันตั้ง กมธ.แก้ รธน.
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงผลการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เตรียมนัดประชุมวาระพิเศษวันที่ 22 พ.ย. โดยเฉพาะกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เสนอให้การประชุมนัดพิเศษดังกล่าวต้องพิจารณาญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. มาตรา 44 และญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาฯตั้ง กมธ.ฯวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 พิจารณาก่อนนั้น ที่ประชุมเห็นว่าโดยปกติไม่สามารถพิจารณาญัตติใดเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ ต้องเป็นไปตามเรื่องที่บรรจุในระเบียบวาระ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาญัตติด่วนเรื่องศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น วิปรัฐบาลหารือได้ข้อสรุปว่าให้ตั้ง กมธ.49 คน มีสัดส่วนจาก ครม. 12 คน พรรคร่วมรัฐบาล 18 คน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 19 คน โดยพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน
“บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม” ไม่มาแจง กมธ. ป.ป.ช.
วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาชี้แจงกรณีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน แต่ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง โดย พล.อ.ประยุทธ์มอบให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม มาชี้แจงแทน และ พล.อ.ประวิตรมอบให้นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงแทน พร้อมกับนำหนังสือคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมามอบต่อ กมธ. ขณะเดียวกันการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุม หลังเข้ามาเป็น กมธ.แทน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 คน ที่ลาออกไป
“เสรีพิศุทธ์” ไม่ยอมตัวแทนชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้ พล.อ.ชัยชาญ และนายประสานชี้แจงรายละเอียดเพียงสั้นๆ ก่อนตัดบทว่าไม่สามารถให้บุคคลอื่นมาชี้แจงแทนบุคคลที่ กมธ.ต้องการให้มาชี้แจงได้ โดยยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 วรรค 4 ว่า กมธ.มีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคล เรียกบุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนั้น กมธ.ไม่สามารถรับฟังคำชี้แจงจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ที่เชิญชี้แจงได้
“ปารีณา” สวน “เสรีพิศุทธ์” ระวังคุก
ขณะที่ น.ส.ปารีณากล่าวต่อที่ประชุมว่า ประธาน กมธ.ใช้อำนาจเหมือนบังคับบุคคลให้มาชี้แจง ทั้งที่เป็นการขอความร่วมมือและมาโดยสมัครใจ ถือว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ที่ผ่านมาสภาฯเคยเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาชี้แจงยังไม่เคยมา การใช้อำนาจบังคับบุคคลอาจผิดกฎหมายได้ ประธานกมธ.อาจต้องติดคุก ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวสวนกลับทันทีว่า “ขู่ผมเหรอ ผมเรียนกฎหมายมา ตอนผมมอบหมายงานให้ทำ คุณยังไม่รับเลย” จากนั้นให้ กมธ.คนอื่นแสดงความเห็น ต่อ ก่อนที่ กมธ.คนอื่นๆจะเสนอให้เป็นการประชุมภายใน เชิญ พล.อ.ชัยชาญ นายประสาน และสื่อมวลชน ออกจากห้องประชุม
เหน็บใส่ “เอ๋” ไหนจะสอบไทเกอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาในช่วงที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ มาชี้แจง ต่อ กมธ.กรณีปัญหาการใช้งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาไม่ถูกต้อง และ น.ส.ปารีณาได้ลุกเดิน ออกจากห้องประชุม ปรากฏว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แหย่ถามว่า “คุณปารีณาจะรีบไปไหน เห็นบอกว่าจะมาตรวจสอบโครงการจัดซื้อจักรยานยนต์ไทเกอร์ไม่ใช่หรือ” น.ส.ปารีณาจึงตอบกลับว่า “ติดภารกิจ ต้องไปก่อน ส่วนเรื่องจักรยานยนต์ไทเกอร์ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะขอตรวจสอบ” ก่อนเดินออกจากห้องประชุมไป
ผู้ช่วย “บิ๊กป้อม” ขู่ผิดมาตรา 157
ต่อมาภายหลังประชุม นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ศึกษาข้อกฎหมายไว้แล้วเรื่องหน้าที่และอำนาจ กมธ.ฯ ที่กำหนดไว้ในหมวด 5 ข้อ 90 (22) ระบุว่า กมธ.ต้องพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งเรื่องที่ กมธ.เรียกไม่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ส่วนที่ กมธ.เตรียมใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกให้ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์มาชี้แจง หากไม่มาจะมีผลต่อการดำเนินคดีอาญานั้น ถ้าใช้อำนาจตามกฎหมายคำสั่งเรียกสามารถทำได้ แต่ต้องระวังอาจถูกฟ้องเอาผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้เช่นกัน ยืนยันพล.อ.ประวิตรพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ที่ไม่มาชี้แจง 2 ครั้ง เพราะมีภารกิจมากทั้ง 2 ครั้ง ไม่เคยขอเลื่อน และมอบให้ตนมาชี้แจงพร้อมเอกสาร พล.อ.ประวิตรต้องการให้ กมธ.ตั้งคำถามเป็นประเด็นแยกรายข้อให้ชัดเจน ซึ่งตนได้บอก กมธ.ไปแล้ว
มติ กมธ.ให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” มาเอง
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 3 เสียง ให้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงต่อ กมธ.อีกครั้งในวันที่ 20 พ.ย. เวลา 10.00 น. ตนในฐานะประธาน กมธ. ไม่ได้ออกเสียงในมติดังกล่าว ยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรชี้แจงด้วยตนเอง เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ไม่สามารถให้คนอื่นชี้แจงแทนได้ ถ้าครั้งหน้ายังไม่มาชี้แจงเอง กมธ.จะพิจารณา ร่วมกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร จะใช้อำนาจตามกฎหมายเรียกหรือไม่ ส่วนการทำหน้าที่ของน.ส. ปารีณาที่มาประชุม กมธ.ครั้งแรกเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะลุกออกจากห้องประชุมก่อนจะประชุมเสร็จ อ้างว่ามีธุระ พอตนมอบหมายให้ทำงานด้านการตรวจสอบทุจริตก็ได้รับการปฏิเสธ ระหว่างประชุมยังนำโทรศัพท์มาไลฟ์สดการประชุมอีก ถือว่าขัดต่อข้อบังคับการประชุม มองว่าเป็นการทำงานที่ไม่ตั้งใจ
เรียก ผบ.ตร.แจงหมายเรียกมิชอบ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า กมธ.ยังเตรียมเรียก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และนายตำรวจผู้เกี่ยวข้องใน สน.บางโพ มาชี้แจงต่อกมธ.ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ กรณีออกหมายเรียกนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากพบว่าการออกหมายเรียกอาจเป็นลักษณะการกลั่นแกล้ง เพราะหมายเรียกครั้งที่ 2 ส่งไปถึงบ้านนายธีรัจชัย เวลา 17.00 น.วันที่ 7 พ.ย. แต่ในหมายเรียกระบุให้ไปพบพนักงานสอบสวนเวลา 09.00 น. วันที่ 7 พ.ย. เท่ากับจะไปให้การไม่ได้ เป็นการออกหมายโดยไม่ชอบธรรมถือว่าไม่ตรงไปมาและไม่ให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน
“สิระ” เสนอขอเป็นประธานแทน
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ แถลงว่า หลังจากการประชุม กมธ.หลายคนไม่สบายใจและไม่ไว้วางใจต่อการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. ที่พิจารณาแต่เรื่องของนายกฯและรองนายกฯเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆเลย ดังนั้นการประชุม กมธ.ครั้งต่อไปในวันที่ 20 พ.ย. ตนจะเสนอให้เปลี่ยนตัวประธาน กมธ. และมั่นใจว่ามีเสียงจาก กมธ.เกินครึ่งที่จะสนับสนุน ตามระเบียบการประชุมประธานสามารถออกเสียงได้แต่ตามมารยาทแล้วควรงดออกเสียง เมื่อถามว่า จะเสนอใครเป็นประธาน กมธ.แทน นายสิระตอบว่า จะเสนอตนเองเป็นประธานแทน เรื่องนี้ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐแล้วตนจึงได้ออกมาแถลง
ศาล รธน.สั่ง “นวัธ” สิ้นสุดสมาชิกภาพ
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยกรณี กกต.ส่งคำร้องให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่านายสุชาติ โคตรทุม ปลัด อบจ.ขอนแก่น และให้คุมขังนายนวัธไว้ระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์นั้นคำร้องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับไว้พิจารณาและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยวันนี้นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มอบหมายให้นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย นายนครินทร์อ่านคำวินิจฉัยว่า การต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้ต่อมาจะได้รับการลดส่วนโทษก็ยังคงได้รับโทษจำคุกอยู่ดี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายนวัธจึงเป็นผู้ถูกคุมขังตามหมายของศาล สมาชิกภาพของนายนวัธจึงสิ้นสุดลง
ยกหลายบริบทชี้ให้หลุดตำแหน่ง
นายนครินทร์อ่านคำวินิจฉัยว่า กรณีที่นายนวัธแย้งว่าสมาชิกภาพ ส.ส.อยู่ภายใต้การคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (13) ที่กำหนดว่าต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ซึ่งถือเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 โดยไม่คำนึงถึงข้อหานั้น เห็นว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยใช้ถ้อยคำแตกต่างกันในหลายลักษณะ เช่น มาตรา 101 (6) ใช้คำว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล หรือมาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุก โดยพ้นโทษไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง หรือมาตรา 98 (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญต้องการให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงด้วยสาเหตุหลายประการ ตามบริบทที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ รัฐธรรมนูญใช้คำว่า “ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล” ซึ่งไม่มีคำว่า “ถึงที่สุด” สมาชิกภาพของนายนวัธจึงสิ้นสุดเมื่อต้องคำพิพากษา โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด
พร้อมสั่งเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน
นายนครินทร์อ่านอีกว่า ส่วนสมาชิกภาพสิ้นสุดลงนับตั้งแต่เมื่อใดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 (2) กำหนดว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ศาลได้มีคำสั่งให้นายนวัธหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.62 จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลง และต้องตรา พ.ร.ฎ.ให้มีการจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน โดยให้ถือว่าวันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลงคือวันที่ 13 พ.ย. ที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังโดยชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ คาดว่า กกต.จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เขต 7 ขอนแก่น ภายในวันที่ 22 ธ.ค.62 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน ออก พ.ร.ก.สถาบันครอบครัวไม่ขัด รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขเรื่องการขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส.ฝ่ายค้านมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่ง
“สนธิรัตน์” จับเข่าคุยม็อบพลังงาน
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน พร้อมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งวงพูดคุยกับนายณกานต์ จันธิราชนารา แกนนำกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ที่ปักหลักชุมนุมมากว่า 2 สัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาพลังงาน โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวตอนหนึ่งกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า วันนี้มารับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปพลังงาน พร้อมมีการลงนามเป็นรายมือชื่อบนแผ่นผ้าใบขนาดใหญ่เพื่อแสดงถึงความจริงใจว่าจะร่วมหาแนวทางที่มีความเป็นไปได้ จากนั้นเวลา 11.00 น. นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่าขอบคุณกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ที่ตั้งใจให้เกิดการปฏิรูปพลังงานโดยเฉพาะเรื่องของราคาพลังงาน นายกฯเป็นห่วงอยากเห็นการแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ตนรับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ก็พูดคุยเรื่องนี้กับภาคประชาชนมาโดยตลอด พร้อมตั้งคณะกรรมการร่วมกันทุกฝ่าย มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน คาดจะตั้งได้ภายในสัปดาห์นี้ จะหยิบเอาข้อเสนอแนะที่เป็นไปได้ในการดูแลกลไกราคาพลังงานมาพูดคุยกันก่อน เพื่อนำไปสู่การที่เราจะมีราคาพลังงานเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขอรัฐบาลเพิ่มเบี้ยเลี้ยงสูงอายุ
อีกที่หนึ่งใกล้เคียงกัน บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้สูงวัยใส่ใจสังคม นำโดย น.ส.อุบล ร่มโพธิ์ทอง ประธานกลุ่มฯ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ขอเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 3,000 บาท มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นตัวแทนรับเรื่อง โดย น.ส.อุบลกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 10,670,000 คน รัฐบาลให้เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย เดือนละ 600 บาท หรือวันละ 20 บาท เป็นรายได้ที่ต่ำไม่พอต่อค่าดำรงชีพอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีผู้สูงอายุกว่า 3 ล้านคน ตกอยู่ในสภาพอดอยากไร้ที่พึ่ง ขณะที่รัฐบาลนำงบประมาณมหาศาลไปใช้ในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นำไปจ่ายเป็นเงินเดือนสองตำแหน่งให้นายพลในกองทัพ ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองพวกเราจึงขอให้รัฐบาลเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้สอดคล้องกับการครองชีพในปัจจุบัน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตตามที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้
ชงใช้ 5G เปิดมิติใหม่การแพทย์
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ย.ได้รับเชิญไปกล่าวในงาน Diner Dialogue เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) จัดขึ้น ซึ่งตนได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของประเทศไทย ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายการแพทย์ทางไกลผ่านระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 5G มาแก้ปัญหาจะช่วยสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม ลดความแออัดของโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการดูแลจากโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ โดยแพทย์สามารถให้คำแนะนำผ่านวิดีโอแบบเรียลไทม์ กระทรวงสาธารณสุขภายใต้การบริหารของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข จึงมีนโยบายเร่งด่วนในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. นำร่องในการใช้ Telemedicine เพื่อดูแลสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ชายขอบ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของวงการแพทย์แห่งอนาคต
“บิ๊กแดง” ต้อนรับ ผบ.ทบ.เมียนมา
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ต้อนรับ รอง พล.อ.อาวุโส โซ วิน รอง ผบ.ทสส. และ ผบ.ทบ.เมียนมา พร้อมคณะโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกองทัพบก โดยมีพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศบริเวณลานด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า รอง พล.อ.อาวุโส โซ วิน ยังได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเยือนกองทัพบกไทยครั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ มีการหารือร่วมมือกันแก้ปัญหาสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน และร่วมมือสนับสนุนการแก้ปัญหาความมั่นคงด้านอื่นๆ
ยันต่อสัมปทานรถไฟฟ้าเพื่อ ปชช.
เมื่อเวลา 14.30 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กรณีหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งที่ 3/2562 ยกเว้น พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 ในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้ชี้แจงแทน โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์มาตอบ กรณีนี้เป็นปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสและส่อไปในทางทุจริต ตนจะนำเรื่องนี้ไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย รัฐมนตรีมหาดไทยไม่ได้เป็นผู้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.จะรู้เหตุผลหรือไม่ว่าทำไมมีคำสั่งฉบับนี้ออกมา โดย พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงว่าเหตุจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกคำสั่ง คสช.ออกมา เนื่องจากมีปัญหาในระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 18 เดือน จะกระทบต่อการให้บริการประชาชนและการบริหารหนี้ ยืนยันการดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนที่จะต้องแบกรับค่าบริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น แม้รัฐบาลจะออกคำสั่ง คสช.มายกเว้นกฎหมายร่วมลงทุนฯ แต่ตนยืนยันได้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯแล้ว
อนาคตใหม่บอยคอต ส.ส.ตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณากระทู้ถามสดของ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ถามนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ปัญหาช้างป่าบุกรุกพื้นที่ทำกินของประชาชน โดยนายจารึกเป็น 1 ใน 7 ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ที่โหวตสวนมติพรรคในการโหวตรับร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. และถูกกรรมการบริหารพรรคเรียกสอบจริยธรรม เมื่อวันที่ 6 พ.ย. และมีมติไม่ขับออกจากพรรค ทั้งนี้ นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบวินัยและจริยธรรมของพรรค กล่าวว่า เป็นการใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.ในการตั้งกระทู้ครั้งนี้ แต่เพื่อน ส.ส.ในพรรคแสดงการบอยคอตโดยการไม่อยู่ฟังนายจารึกพูดในห้องประชุมเลย