ธนาธร-เย้ยกลับ มีคนจ่อคิวเพียบ ยื่นกกต.สอบช่อ

อนาคตใหม่กระเพื่อมอีก อดีตผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค 120 คน บุก กกต.ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เผยเหตุแยกทางเพราะอุดมการณ์ทำงานไม่ตรงกัน ซัดแกนนำพรรคไร้สัจจะ ไม่เคยรักษาคำพูด “ธนาธร” ไม่แคร์ลูกทีมพาเหรดไขก๊อก บอกเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมือง ต้องมีคนเข้า-คนออก โอ่มีคนจำนวนมากอยากมาร่วมทำงานกับพรรค “อนุทิน” ไม่ห่วง รมต.ภูมิใจไทยถูกจับขึ้นเขียงซักฟอก ท้าพร้อมให้ตรวจสอบ “ศักดิ์สยาม” มั่นใจเคลียร์ได้ทุกข้อกล่าวหา “ศรีสุวรรณ” ยื่น กกต. สอบ “พรรณิการ์” บี้หาที่มาเงินบริจาคพรรค 1 ล้านบาท พปชร.ตามขยี้ไม่เลิก ไล่ “ธนาธร” พ้นเก้าอี้ กมธ. งบประมาณฯ โวยอยู่ไปเปลืองภาษีประชาชน “ปิยบุตร” โอดอนาคตใหม่คดีท่วม เพราะทำให้ผู้มีอำนาจไม่สบายใจ “บิ๊กตู่” เตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อการหลอกลวง เร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้มีสติ

หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่เกิดปัญหารุมเร้าตั้งแต่กรณี ส.ส.งูเห่าแหกมติพรรคในการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กรณี ส.ส.เขตแสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพรรค ล่าสุดเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคอนาคตใหม่อีกครั้ง เมื่ออดีตผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค รวม 120 คน ตบเท้ายื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อ กกต. โดยระบุมีอุดมการณ์ทำงานไม่ตรงกัน

...

120 อนค.ตบเท้ายื่นใบลาออก

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนิพนธ์ แจ่มจำรัส อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ พร้อมอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 30 คน และสมาชิกพรรคกว่า 90 คน ทยอยเข้ายื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยนายนิพนธ์กล่าวว่า การยื่นใบ ลาออกจากสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ต้องการสื่อให้เห็นว่าความคิดอุดมการณ์ของเรากับพรรคอนาคตใหม่มีความแตกต่างกัน แต่เรายังรัก มีความปรารถนาดีและศรัทธานโยบายพรรค ไม่ได้มีความคิดร้ายต่อกัน เราไม่ได้ทำร้ายพรรค หรือทำให้พรรคสั่นสะเทือน พวกตนเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งพรรค เข้าร่วมกับพรรคในวันที่พรรคยังไม่มีชื่อเสียง จนวันนี้เป็นพรรคมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ แต่เมื่อเรามี ความคิดอุดมการณ์แตกต่างจากพรรค พวกเราจึงขอเดินออกมาเอง ไม่มีอะไรค้างคาใจหรือบาดหมางกัน

โวยพรรคไม่เคยรักษาคำพูด

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการลาออกเพราะไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ นายนิพนธ์ตอบว่า ไม่ใช่เพราะสมาชิกทุกคนไม่มีใครต่อรองหรือเรียกร้องเรื่องนี้ การต่อรองตำแหน่งไม่ได้เกิดจากการที่พวกเราเรียกร้องหรือร้องขอ แต่เป็นสัญญาจากพรรคที่ให้สัญญาจากที่ประชุม เมื่อคำมั่นสัญญาต่างๆเหล่านั้น มีเรื่องอื่นทับถมขึ้นมาเรื่อยๆ จึงรู้สึกว่าผู้นำไม่รักษาคำพูด เรื่องเล็กน้อยยังรักษาคำพูดไม่ได้ แล้วจะไปทำนโยบายที่ลงไปสู่ประชาชนอีก 60 ล้านคนได้อย่างไร

เผยจุดแตกหักจากปมอภิปรายงบฯ

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ใดทำให้รู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้งไม่เหมือนกัน นายนิพนธ์ตอบว่า เรื่องการอภิปรายงบประมาณ ตัวคนของพรรค หรือตัว ส.ส.ของพรรคที่ตกเป็นข่าว และวันนี้พรรคยังไปโจมตีผู้สมัคร มองว่าพรรค การเมืองเปรียบเสมือนพ่อแม่ ส.ส.เปรียบเสมือนลูก เมื่อลูกออกไปนอกบ้านแล้วคนในสังคมบอกว่าลูกท่านสร้างความเดือดร้อน ท่านจะฟันธงว่าลูกทำผิด หรือจะดึงลูกออกจากจุดขัดแย้งแล้วมาว่ากล่าวตักเตือนลูก ทำไมไม่ว่ากล่าวกันในพรรค ทุกวันนี้ มีอยู่แล้วเรื่องกระแสการขับไล่ต่างๆมากมาย เมื่อถามว่า ทำไมถึงมาดำเนินการเรื่องนี้ในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่อยู่ในช่วงขาลง นายนิพนธ์ตอบว่า ไม่ คิดว่าเป็นช่วงขาลง เพราะยังมีสมาชิกสนับสนุนพรรค และกลุ่มที่ลาออกยังให้การสนับสนุน เฝ้าดูการนำนโยบายลงไปสู่การปฏิบัติ

“ธนาธร” เมินลูกทีมพาเหรดไขก๊อก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่หลายคนลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน ไม่มีผลกระทบกับพรรค พรรคอนาคตใหม่ มีสมาชิกกว่า 60,000 คน ยืนยันจะก้าวไปข้างหน้า โดยให้สมาชิกมีบทบาท มีสิทธิแสดงความคิดเห็น ยืนยันไม่มีความกังวลใจ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ การสร้างพรรคที่ทำมา 1 ปีครึ่ง แน่นอนว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ จะนำประสบการณ์ความผิดพลาดมาเรียนรู้สร้างสรรค์พรรคให้ดีขึ้น การลาออกของสมาชิก พรรคเป็นกระบวนการปกติ มีคนเข้า มีคนออกยอมรับว่าการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านมามีเวลาสั้นมากเพียง 2 เดือนในการคัดสรรผู้สมัคร ทำให้ไม่สามารถ คัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ได้ 100% สถานการณ์และเวลาจะพิสูจน์คน ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกพรรค การเมืองย่อมเป็นแบบนี้ มีคนเดินเข้าก็มีคนเดินออก ทุกวันนี้คนจำนวนมากอยากเข้ามาเป็นสมาชิก มาร่วม ทำงานกับพรรค กรณีนี้จึงไม่ใช่ปัญหา ขอให้ทุกคนตัดสินด้วยใจเป็นธรรม คำถามที่อยากถามสังคมอย่างตรงไปตรงมาคือ การเข้ามาทำงานการเมืองในระบบ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ เป็นสิ่งที่ผิดบาปมากขนาดนั้นเลยหรือ

“อนุทิน” ไม่ห่วงลูกทีมถูกจับขึ้นเขียง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นญัตติเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี มีชื่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ของพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ด้วยว่า คุยกับนายศักดิ์สยามแล้ว นายศักดิ์สยามมีความมั่นใจ เมื่อมาเป็น ครม. ในระบอบประชาธิปไตย ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ พร้อมตอบข้อซักถาม เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเร็วไปหรือไม่ เพราะรัฐบาลเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน นายอนุทินตอบว่า ไม่เป็นไร อยากให้มองว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ฝ่ายที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็มีสิทธิ์ หากถึงเวลาแล้วไม่ตรวจสอบเท่ากับไม่ได้ทำหน้าที่เต็มที่ ถ้าเราทำดี ยึดประโยชน์บ้านเมืองไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ตอบให้ดี ตอบให้ถูก มีหลักฐานตัวเลขสถิติต่างๆมาชี้แจง ประชาชนจะได้ประโยชน์จากคำถามและคำตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็เสี่ยงต่อการถูกลงมติไม่ไว้วางใจ เมื่อถามว่า ต้องกำชับรัฐมนตรีของพรรคทำงานอย่างระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยต้องทำงานด้วยความตั้งใจ ซื่อสัตย์สุจริต ถ้าทำสิ่งใดแล้วบ้านเมืองประชาชนได้ประโยชน์ก็ไม่ต้องระมัดระวังอะไร อย่าโกงแล้วกัน

“ศักดิ์สยาม” พร้อมแจงเวทีซักฟอก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมช.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตอนนี้รอฟังข้อมูล ยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องใด ยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็น ยังไม่เห็นเหมือนกันว่า มีเรื่องอะไรที่ตนเองทำเพื่อเอื้อประโยชน์กับใคร เป็นเรื่องดี จะได้ชี้แจงให้หมดว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว ถ้ามองในแง่ดีก็จะได้พูดเพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้พูดถึงภาพรวม หรือฝ่ายค้านอาจมองว่า ตนทำงานมากเกินไป

รัฐบาลมั่นใจเคลียร์ข้อสงสัยฝ่ายค้าน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร ระบุฝ่ายค้านเตรียมจับตางบประมาณฝ่ายความมั่นคง กระทรวงกลาโหม และงบกลาง ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 หากรัฐบาล ชี้แจงไม่ชัดเจนจะไม่ยอมโหวตผ่านให้ ว่ารัฐบาลพร้อมชี้แจงละเอียด

พท.วางประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยหารือกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ครั้งที่รัฐบาลแถลงนโยบายรัฐบาลมา จนถึงการอภิปรายงบประมาณฯ ฝ่ายค้านพยายามทำหน้าที่หลายครั้ง แต่รัฐบาลไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ชัดเจน ดังนั้น การใช้ช่องทางการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะเหมาะสมที่สุด โดยยึดหลักฐานข้อมูล ข้อเท็จจริงเป็นหลัก ตั้งแต่คุณสมบัตินายกฯ การถวาย สัตย์ปฏิญาณไม่ครบ การแถลงนโยบายโดยไม่บอกที่มาของรายได้ หลังจากนี้จะหารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดกรอบเวลาต่อไป

ซัดทีมองครักษ์หยุดปกป้อง “บิ๊กตู่”

ร.ท.หญิงสุนิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก-รัฐมนตรี ชี้แจงข้อมูลกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนว่า ขณะนี้มีแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรจะไม่ไปให้ข้อมูลเอง สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมไม่ยอมรับการตรวจสอบตามกลไกสภาฯ ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อยากให้ทั้งสองคนเคารพ ให้ความสำคัญ ในส่วนบรรดาองครักษ์พิทักษ์นายกฯที่พยายามปกป้องนั้น ไม่ควรแสดงออกเกินพอดี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรไม่ใช่เด็กอนุบาล การยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาอ้างอิงว่าทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงนั้น ไม่สามารถมากล่าวอ้างได้ เพราะเป็นคนละกรณีกัน

“ศรีสุวรรณ” ยื่นสอบ “ช่อ” บริจาค 1 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบกรณีการบริจาคเงินเข้าพรรคอนาคตใหม่ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 1 ล้านบาท เมื่อเดือน พ.ย.2561 นายศรีสุวรรณกล่าวว่า เนื่องจากเห็นว่าในการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ของ น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า มีเงินฝากในธนาคารเพียงหลักหมื่น แต่มีเงินบริจาคให้พรรคถึง 1 ล้านบาท มีข้อน่าสังเกตว่า เงินบริจาคดังกล่าวอาจไม่ใช่เงินส่วนตัว แต่เป็นเงินที่ ได้มาจากผู้อื่น หรือได้มาโดยวิธีการอื่น ขอให้ กกต.สืบสวนหรือส่งเรื่องไปยัง ปปง. เพื่อดำเนินการสืบสวนทางการเงินดังกล่าวได้มาด้วยวิธีการใด มีการเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายกำหนดหรือไม่

พปชร.ตื๊อตีความสถานะ“ธนาธร”

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในการเป็น กมธ.งบประมาณฯว่า กรณีดังกล่าวหากยึดตามความเห็นของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่าควรเป็นหน้าที่ กมธ.งบประมาณฯในการทำหนังสือตรวจสอบคุณสมบัตินายธนาธรส่งมาให้ประธานสภาฯนั้น เชื่อว่า หลังจาก กมธ.พิจารณาการใช้งบประมาณของกระทรวง พาณิชย์ในวันที่ 28 ต.ค.เสร็จแล้ว คาดว่าในช่วงเย็นวันที่ 28 ต.ค. นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.งบประมาณฯจะนำหารือกันอีกครั้งว่า จะทำหนังสือถึงนายชวน เพื่อให้วินิจฉัยสถานะของนายธนาธรหรือไม่ แต่เบื้องต้นนายธนาธรสามารถลงชื่อ และร่วมออกความเห็นในที่ประชุมได้

ไล่พ้น กมธ.โวยทำตัวเปลืองภาษี

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายธนาธรลาออกจากการเป็น กมธ. หากนายธนาธรยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่สามารถลงมติในฐานะ กมธ.ได้ นายธนาธรควรพิจารณาตัวเองว่า ยังมีเกียรติและศักดิ์ศรีหรือไม่ในการนั่งเก้าอี้ กมธ. ส่วนตัวมองว่า นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายค่าเบี้ยประชุม กมธ.ให้นายธนาธร วันนี้สถานะนายธนาธรไม่ต่างจากไส้เดือนที่มี 2 เพศ ถ้ายังอยากเรียกตัวเองว่า มนุษย์ มีเกียรติและศักดิ์ศรี ควรยุติปัญหา อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงพัฒนาประเทศ เลือกเอาสักทาง หากยังยืนยันจะเป็น กมธ.ควรลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. หากตนอยู่ในสถานะเดียวกับนายธนาธรจะลาออกจาก กมธ. เปิดโอกาสให้ ส.ส.ในพรรคทำงานแทน ตนไม่ได้มีปัญหากับนายธนาธร แต่ระยะเวลาที่ กมธ.ชุดนี้ต้องทำงานอีก 150 วัน จะเกิดปัญหาในอนาคตจากทำให้เศรษฐกิจประเทศชะงักจากการที่ พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านการอนุมัติจากสภาฯหรือไม่

อนค.ฉุน“สิระ”ทำตัวไร้วุฒิภาวะ

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามไปยังนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่เรียกร้องให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคต–ใหม่ลาออกจากตำแหน่ง กมธ.งบประมาณปี 2563 ว่า เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้แนวทางการเป็น กมธ.ของนายธนาธรแล้ว นายสิระยังไม่หยุดเรียกร้องให้นายธนาธรลาออก แบบนี้จะใช้แนวทางใดในการยึดปฏิบัติ กรณีที่เป็นห่วงว่าจะสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายเบี้ยประชุมให้นายธนาธรนั้น ตนเป็นคนอ่านยังรู้สึกอาย นายสิระเป็นคนพูดไม่รู้สึกละอายหรือ ประชาชนและสังคมทราบว่า ใครที่อยู่ในตำแหน่ง ส.ส.แล้วเปลืองภาษี ประชาชนจ่ายภาษีให้นักการเมืองไร้ศักยภาพมาตลอด 5 ปี หากนายสิระตระหนักประเด็นนี้จริง ขอแนะนำให้ไปทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า นายสิระกลัวนายธนาธรทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพหรือกลัวจะเป็นอุปสรรคการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่ไม่สมเหตุผลกันแน่ ขอเรียกร้องให้นายสิระสำนึกในภาษีประชาชน หยุดพฤติกรรมไร้วุฒิภาวะ ที่ผ่านมาประชาชนคงเห็นผลงานความกร่างกันดี ควรจบประเด็นนี้ได้แล้ว หากกลัวว่าการทำหน้าที่นายธนาธรจะเปลืองภาษีประชาชน นายสิระลาออกเลยรับรองคุ้มค่าภาษีประชาชนและกอบกู้ภาพลักษณ์นักการเมืองได้มากขึ้นด้วย

โยนที่ประชุมสภาฯชี้ขาดสถานะ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เลขานุการ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งใน กมธ.งบประมาณฯ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับการรับรองจาก ที่ประชุมสภาฯถูกต้องตามระเบียบ การที่ กมธ.จะทำหนังสือยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ชี้ขาดนั้น เห็นว่าไม่สามารถทำได้ จะขัดกับมติสภาฯ การพิจารณาเรื่องนี้ต้องรอให้เปิดสมัยการประชุมสภาฯในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อหารือและลงมติในห้องประชุมสภาฯเช่นเดิม หากเสียงส่วนใหญ่เห็นควรถอดถอนนายธนาธรก็สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้

เลื่อนฟังคำสั่งแย้ง สตช.คดี “ธนาธร”

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการเพื่อฟังคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ในคดีที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายธนาธรในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์พลังดูดของรัฐบาล คสช. ขณะเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการในคดีที่ถูกกองบังคับการปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ยื่นฟ้องข้อหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแถลงข่าววิจารณ์การยุบพรรคไทยรักษาชาติ จากนั้นนายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความของทั้งสองคน กล่าวว่า ผบ.ตร.ยังไม่ส่งความเห็นมาที่อัยการว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ในคดีไม่สั่งฟ้องนายธนาธร นัดให้มาฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ส่วนคดีนายปิยบุตร เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งฟ้องเพียงข้อหาดูหมิ่นศาล แต่ไม่ฟ้องข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 28 พ.ย.นี้

“ปิยบุตร” โอด อนค.ถูกไล่เช็กบิล

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า คดีที่พรรคอนาคตใหม่โดนฟ้องรวมๆ 20 กว่าเรื่องขณะนี้ ทุกคนคงวิเคราะห์ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งที่พรรคยังไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเลย แต่กลับมีความเชื่อเต็มไปหมดว่าจะถูกยุบพรรค ตัดสิทธิ จำคุก ขอถามตรงๆว่า ทุกคนรู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจริงๆ หรือเพียงเพราะมีแนวทางที่ผู้มีอำนาจไม่สบายใจจึงโดนกระทำเช่นนี้ อย่างกรณีหุ้นสื่อที่นายธนาธรโดนอยู่นั้น รัฐธรรมนูญมาตรานี้ มีวัตถุประสงค์ไม่ให้ ส.ส. รัฐมนตรีมีอิทธิพลครอบงำสื่อ จึงต้องดูว่ากิจการที่ถือหุ้นนั้น เป็นสื่อหรือไม่ แต่บริษัท วีลัคมีเดีย ไม่ได้เป็นสื่อมวลชน เป็นเพียงบริษัทรับจ้างผลิตรูปเล่ม และปิดกิจการไปแล้ว นายธนาธรได้โอนหุ้นไปหมดตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. แต่กลับถูกเล่นงานตามมาตรานี้ เมื่อเทียบกับกรณี ส.ส.คนหนึ่งไม่ได้ถือหุ้นสื่อ แต่มีคู่สมรสถือหุ้นสื่อ เป็นเจ้าของสื่อโดยตรง มีอิทธิพลครอบงำสื่อ นำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ ส.ส.คนนี้ กลับไม่โดนอะไรเลย ตกลงรัฐธรรมนูญมาตรานี้ต้องการจัดการนักการเมืองที่ครอบงำสื่อจริงๆหรือกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กลั่นแกล้งกันแน่

กกต.รับรอง “เผดิมชัย” นั่ง ส.ส.นครปฐม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า กกต.ได้ออกประกาศเรื่องผลการเลือกตั้งสมาชิก ส.ส.เขต 5 นครปฐม คือนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ จึงขอแจ้งให้ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามประกาศดังกล่าว มารับหนังสือรับรองนับแต่วันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไป ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.30-16.30น. ณ สำนักบริหารการเลือกตั้ง และการออกเสียงประชามติ 2 ชั้น 5 สำนักงาน กกต.

ปชป.กระทุ้งตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ รธน.

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ กกต.กล้าฟันธง การประกาศผลการคำนวณ ส.ส.พึงมีของพรรคการเมืองให้ชัดเจน ไม่ควรให้แต่ละฝ่ายคิดไปเองว่าจะได้ ที่นั่งเพิ่ม หรือลด หรือคงที่ ถ้าเป็นการคำนวณที่ถูกต้อง มีเหตุผล เชื่อว่าทุกพรรคพร้อมยอมรับความเป็นจริง เชื่อว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งต่อไปที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต รัฐธรรมนูญ มาตรา 94 ให้นำคะแนนมาคิดสัดส่วน ส.ส.ใหม่ จะมีผลกะกระทบต่อจำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองอย่างแน่นอน ทำให้หลายพรรคมีความจำเป็นต้องส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมแน่นอน อย่างน้อยเป็นการ นำคะแนนการเลือกตั้งซ่อมมาเพิ่มคะแนนรวมให้พรรคตัวเองที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการลดลงของจำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองนั้นๆ ประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นจุดอ่อน และปัญหาของรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชัดเจนในการคำนวณที่นั่ง ส.ส.ของพรรคการเมือง เมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหาหยุมหยิมทางปฏิบัติหลายประเด็น อยากถามหาความรับผิดชอบจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่าคิดอย่างไรกับผลงานของตนเองที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ ถึงเวลาต้องสังคายนารัฐธรรมนูญด้วยการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจังเสียที

รัฐบาลพร้อมรับมือภัยไซเบอร์

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลระดับนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2019 : ASEAN Connectivity” พร้อมมอบรางวัล Prime Minister’s Award เพื่อประกาศความสำเร็จที่โดดเด่นของผลงานนวัตกรรมดิจิทัลในระดับเยาวชน ชุมชนดิจิทัล ธุรกิจดิจิทัล และองค์กรดิจิทัล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “บทบาทของประเทศไทยในเวที ASEAN Connectivity” ว่า วันนี้กำลังเดินหน้าสู่โลกแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี จะเชื่อมโยงแค่ภายในประเทศไม่เพียงพอ ต้องเชื่อมโยงต่างประเทศด้วย ทำให้ดิจิทัลเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนทุกกลุ่ม รัฐบาลนำดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ ต้องใช้งบประมาณและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าปราศจากความขัดแย้ง ทุกฝ่ายร่วมมือกันก็ทำได้ การเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้วตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องมีโรดแม็ปเดินหน้าประเทศ อะไรทำได้เร็วก็ทำได้เลย แต่ต้องรักษาผลประโยชน์ชาติและประชาชน สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงต้องเข้าใจว่า วันนี้มีการใช้สื่อออนไลน์อย่างมหาศาล ทั้งทำถูกและไม่ถูก ดังนั้นความมั่นคง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ภัยก่อการร้ายก็มีการใช้ดิจิทัลมาสนับสนุน ทุกคนต้องให้ความสำคัญ รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมป้องกัน โดยออกกฎหมายรองรับ อาทิ พ.ร.บ.ความมั่นคงทางไซเบอร์ และ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้น

เร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยมีสติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกวันนี้เรามีกติกาต่างๆ ในโลกใบนี้ เราจะก้าวล่วงกฎหมายใครไม่ได้และคนอื่นจะก้าวล่วงเราไม่ได้เช่นกัน แต่เราจะหาประโยชน์ร่วมกันอย่างไร ทั้งด้านการค้า การลงทุน อย่างไรก็ตามเราต้องเคารพกฎหมายซึ่งกันและกัน โลกปัจจุบันทุกคนรู้ดีว่า มีปัญหาเรื่องดิจิทัลการคุกคามทางไซเบอร์ ถือว่ามีความเสี่ยง ดังนั้นการพูดจาอะไรต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้เห็นข่าวการหลอกลวงให้ลงทุน 1,000 บาท แล้วจะได้กำไร 930 บาท มีคนหลงเชื่อจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ ไม่มีอะไรได้มากขนาดนี้ จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยทุกคนให้เข้มแข็ง มีสติ ต้องพัฒนาคนของเรา

“บิ๊กตู่” ลุยบูรณาการยุทธศาสตร์ชาติ

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/5562 มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกำชับทุกหน่วยงาน บูรณาการแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจนงบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ช่วยสร้างการรับรู้กับประชาชนให้เกิดความเข้าใจ เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมียุทธศาสตร์ชาติและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับการจากดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดและการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความต่อเนื่อง จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนโดยรวม

“ธนาธร” ยก 3 บทเรียนจีนก้าวกระโดด

อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง ปรับความคิด ความร่วมมือ ไทย-จีน” ของสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปีจีนใหม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ได้เดินทางไปจีนมาแล้วมากกว่า 40 ครั้ง บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่จีน ใน 3โรงงานมีพนักงานคนไทยเป็นผู้บริหารแห่งละ 3-5 คน เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่ควรเรียนรู้จากจีน 2-3 ข้อคือ 1.การก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้วต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเราไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทยได้เอง จะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้ปานกลางได้เลย 2.เรื่องกระจายอำนาจ แต่ละมณฑลของจีนบริหารจัดการตัวเองได้ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายบริษัทใหญ่ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัด นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็นคือ การพัฒนาเอางาน ความมั่งคั่งไปต่างจังหวัดมากขึ้น 3.จีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรมจีนสอดรับกับความต้องการ

“ต้อม ยุทธเลิศ” ขอโทษศาล รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือต้อม ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โพสต์ทวิตเตอร์โดยใช้ชื่อยุทธเลิศ แจงกรณีที่ได้โพสต์หมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า “วันที่ 25 ต.ค.62 ผมได้ไปพบเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ผมใช้ข้อความในทวิตเตอร์ สอบถามเพื่อนในทวิตเตอร์ โดยอาจเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมไปสู่สาธารณะ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาต่อว่าศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ผมรู้สึกในความผิดพลาดและขออภัยต่อศาล มาด้วยความเคารพ หากด้วยหน้าที่การงานที่ผมทำสามารถสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบถึงสิทธิหน้าที่ ขอบเขตทางกฎหมาย โดยการแสดงความคิดเห็น หรือการใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อศาล ผมยินดีน้อมปฏิบัติด้วยความเต็มใจ และสุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณศาลที่ให้โอกาสผมได้ชี้แจงข้อเท็จจริง จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้”