ตู่รับเลือกตั้งซ่อม วัดความนิยมไม่ได้ แต่งตั้งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ปรึกษากมธ.งบ
“บิ๊กตู่” ไลน์ข้ามประเทศจากญี่ปุ่น ถาม “วราวุธ” ร่วมลุ้น “เผดิมชัย” เข้าวิน เหนียม บอกชนะเลือกตั้งซ่อมครั้งเดียววัดเรตติ้งไม่ได้ “บิ๊กป้อม” มองอีกช็อต พปชร.อยากเพิ่ม ส.ส.อีสาน “อนุทิน” ชมเปาะบ้านใหญ่ไม่ทิ้งพื้นที่ พท.ซัดชนะด้วยกลวิธีแบบพิเศษ “ธนาธร” ชี้สถานการณ์พรรคเหมือนไฟล้างสนิมเหลือแต่เหล็กเนื้อดี เปรยถึงถูกซื้อเกลี้ยงพรรค “ธนาธร-ปิยบุตร” ไม่ทิ้งอุดมการณ์เดินหน้าต่อ เปิด รธน.โวย ส.ส.จะหดเหลือ 80 ที่นั่งไม่ได้ บานอีกอดีตผู้สมัคร อนค.สอบตกโวยถูกลอยแพ ปลาย ต.ค.ขอแยกทาง “เทพไท” มึนหลังเลือกซ่อมจำนวน ส.ส.พึงมีส่อมีปัญหา “ดำรงค์-ชัช” โผล่ร่วมงานบุญกะรวมพรรคเพิ่มพลัง ส่วนปม กมธ.งบฯไฟเขียวตั้ง “ธนาธร” นั่งที่ปรึกษา “วิษณุ” ฟันธงคนนอกเป็นได้ “วัฒนา” ยกเคส “วราเทพ” ก็เหมือนกัน “สิระ” ทำหน้าที่ยื่น ปธ.สภา-ศาล รธน.ขวางลูกเดียว ขณะที่ “ภูมิธรรม” แย้มฝ่ายค้านวางคิวซักฟอกรัฐบาล 17-19 ธ.ค.
การเมืองยุครัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ต้องช่วงชิงเสียง ส.ส.มาเป็นมือหนุนขั้วในฝ่ายของตัวเอง ล่าสุด หลังปิดหีบเลือกตั้งซ่อมนครปฐม เขต 5 ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคชาติไทยพัฒนา สามารถทวงเก้าอี้คว้าชัยชนะกลับมาเป็น ส.ส.ได้อีกครั้ง
กกต.เผยคะแนน ลต.ซ่อมนครปฐม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ต.ค. เวลา 23.30 น. ที่อาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา วัดไร่ขิง น.ส.บุญเรือน ไทยวัฒนธรรม ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐม ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการของผู้สมัคร ส.ส. 7 ราย อันดับ 1.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 37,675 คะแนน 2.นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ 28,216 คะแนน 3.นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ 18,425 คะแนน 4.นางลาวัลย์ สิงห์สถิต พรรคเสรีรวมไทย 2,261 คะแนน 5. น.ส.ปริมปรางค์ แสงสว่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ 467 คะแนน 6.นายเพชร จันทร์ดา พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 226 คะแนน และ 7.น.ส.สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม 154 คะแนน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 143,542 คน มาใช้สิทธิ 91,043 คน คิดเป็นร้อยละ 63.43 มีบัตรดี 87,424 ใบหรือร้อยละ 96.03 บัตรเสีย 1,623 ใบ หรือร้อยละ 1.78 ไม่เลือกผู้สมัครใด 1,996 ใบหรือร้อยละ 2.19
...
“บิ๊กตู่” ยินดี “เผดิมชัย” คว้าชัยชนะ
ต่อมาวันที่ 24 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และบันทึกความเข้าใจเพื่อสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินถึงผลการเลือกตั้งซ่อมนครปฐม เขต 5 ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับชัยชนะว่า ในฐานะนายกฯ และหัวหน้ารัฐบาล ทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ต้องแสดงความยินดีกับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง และขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้ง ถือเป็นการตัดสินจากประชาชนและเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
ติง ลต.ครั้งเดียววัดความนิยมไม่ได้
เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความนิยมในรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คิดว่าประชาชนเรียนรู้ด้วยตัวเอง ยังมีอีกหลายอย่างอย่าเอาแค่การเลือกตั้งครั้งนี้ครั้งเดียวมาเป็นเกณฑ์ตัดสินอะไรเลย อยู่ที่ว่าเราจะทำอะไรให้ดีขึ้นเรื่อยๆรัฐบาลมีหน้าที่ของรัฐบาล เมื่อถามว่า เป็นเพราะกระแสของรัฐบาลดีขึ้นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้พรรคร่วมรัฐบาลชนะเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้วมันไม่ดีหรือ รัฐบาลมีเสถียรภาพมันไม่ดีอย่างไร ถ้ามันดีก็จบได้แล้ว อย่าไปยึดโยงอย่างอื่น เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้สะท้อนกระแสของพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ตอบ ไม่ไปก้าวล่วงพรรคไหนทั้งสิ้น
เม้งสื่อถาม “บิ๊กแดง” ต่อคิวนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวมีการผลักดันให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่า “ก็พูดกันไป สื่อไปถามท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ตอบว่ามั้ง สื่อก็นำไปพาดหัวกันทุกวันความจริง พล.อ.ประวิตรท่านไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาก็ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบก็จะไปโกรธเขาอีก เรื่องนี้อย่าไปสานต่อเลย อีกทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ก็ตอบแล้วว่า ความตั้งใจมีอย่างไร แล้วการเป็นนายกรัฐมนตรีมันเป็นได้ง่ายนักหรืออย่างไร ใครจะมาเป็นมันไม่ง่ายนักหรอก มีอะไรอีกไหม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดีเป็นพิเศษกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” พร้อมส่งยิ้มให้กลุ่มผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้นายกฯยิ้มแบบเห็นฟันเหมือนเวลาที่ไปต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์จึงยืนนิ่ง พร้อมฉีกยิ้มให้เห็นฟันเพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูป
ไลน์หา “วราวุธ” ร่วมลุ้นเข้าวิน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จักรพรรดิญี่ปุ่น ได้ส่งข้อความผ่านไลน์มายังนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อถามผลการนับคะแนนการเลือกตั้งซ่อมนครปฐม เขต 5 ช่วงหลังปิดหีบเลือกตั้งเป็นระยะๆ จนรู้ว่านายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ชนะการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีกับนายวราวุธทันที
“บิ๊กป้อม” ลั่นขอเพิ่ม ส.ส.อีสาน
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลัง–ประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 5 พรรคชาติไทยพัฒนา ชนะการเลือกตั้ง ว่า ก็ดี ก็แล้วแต่พื้นที่ เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนเรตติ้งของรัฐบาลว่าดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า แล้วแต่จะคิด คิดว่าดีก็ดีถ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ดี รัฐบาลพยายามทำงานให้ประชาชน เมื่อถามอีกว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่ จ.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐจะส่งผู้สมัครหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ลงสิ” เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเราทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ใครจะเป็นก็ได้ แต่พรรคพลังประชารัฐอยากได้ภาคอีสานเพิ่มขึ้น
งงชาวเน็ตแปะหน้าใส่ “ไฉ่สิ่งเอี้ย”
เมื่อถามว่า ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียได้มีการตัดต่อหน้า พล.อ.ประวิตรไปใส่ในเทพเจ้า “ไฉ่สิ่งเอี้ย” ที่เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเงินทอง พล.อ.ประวิตรทำสีหน้างง พร้อมกับหัวเราะก่อนตอบว่า “ก็ว่ากันไปเรื่อย คืออะไร และเขาทำกันทำไม”
“อนุทิน” ยกนิ้วบ้านใหญ่ไม่ทิ้งพื้นที่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ได้แสดงความยินดีกับนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนาไปแล้วกรณีที่นายเผดิมชัย ชนะเลือกตั้ง นายวราวุธบอกตลอดว่า “พี่งานนี้แพ้ไม่ได้ เป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของเจ้าถิ่น” ที่สุดแล้วต้องยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน เห็นหรือยังประชาชนใหญ่ที่สุด พรรคชาติไทยพัฒนาแสดงให้เห็นว่า หลังแพ้การเลือกตั้งครั้งก่อนนายเผดิมชัย ไม่ได้ทิ้งพื้นที่ ถ้าแพ้เลือกตั้งแล้วทิ้งพื้นที่คงไม่ได้กลับมาอีก ส่วนเสียงรัฐบาลเพิ่มขึ้น 1 เสียง จะมั่นคงหรือไม่มั่นคงอยู่ที่การทำงาน เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่อ้างว่าที่แพ้เลือกตั้งวันพุธ นายอนุทินตอบว่า “ก็มันทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ เราก็ไม่รู้จะเป็นวันพุธหรือวันอาทิตย์ อย่างไรคนในพื้นที่ต้องไปเลือกตั้ง อย่างผมถ้าอยู่นครปฐมถึงวันไหนก็ต้องไปเลือก ไม่เช่นนั้นก็ถูกแบน”
ปชป.ลุยแก้จราจรตามสัญญา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคะแนน เสียงของพี่น้องประชาชนที่เลือกนายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทุกคะแนนคือกำลังใจ ความผูกพันที่มีให้พรรค แม้จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ปัญหาความเดือดร้อนของอำเภอสามพราน รวมถึงอำเภออื่นๆใน จ.นครปฐม พรรคจะดำเนินการต่อไป ซึ่งนายสุรชัยจะเริ่มงานแรกโดยใช้กลไกขับเคลื่อนของพรรคผ่านระบบรัฐสภา และกลไกฝ่ายบริหาร คือ ปัญหาการจราจรถนนสายเพชรเกษมที่เดือดร้อนมาก เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯจะเสนอเรื่องให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ นำเสนอกระทู้และญัตติพิจารณาแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนเพชรเกษม และยื่นเรื่องให้นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เร่งแก้ไขปัญหา ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
“ธนกร” เย้ย อนค.เสียขวัญไปเยอะ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับ นายเผดิมชัยที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่เอาชนะพรรคอนาคตใหม่ได้เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคอนาคตใหม่แล้วว่า ส.ส.ต้องยึดโยงกับ ประชาชน โดยเฉพาะ ส.ส.เขตต้องทำงานใกล้ชิด ประชาชนตลอด พรรคอนาคตใหม่คงเสียขวัญไม่น้อย เพราะมั่นใจว่าชนะแน่ แกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียงชูประเด็นเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล จะโค่นรัฐบาลให้ได้ หวังดิสเครดิตรัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พี่น้องประชาชนกำลังเคลือบแคลงสงสัย ภายในพรรคเองมีปัญหามากมายจนมี ส.ส.หลายคนเริ่มอึดอัด โดยเฉพาะการรวบอำนาจไว้คนเดียว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น การมุ่งเน้นแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่เสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน จึงมีสัญญาณหลายๆอย่างสะท้อนออกมา
พท.ซัดชนะด้วยกลวิธีแบบพิเศษ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย รองประธานและโฆษกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 รัฐบาลไม่สามารถทึกทักได้ว่า เป็นเพราะประชาชนในเขตเลือกตั้งซ่อมชื่นชอบผลงานของรัฐบาล เพราะคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรคแตกต่างกันมาก ถ้าชอบรัฐบาลคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลที่ออกมา ต้องใกล้เคียงกันมากกว่านี้ ระหว่างหาเสียงมีการแฉกันไปมาของผู้สมัครพรรคร่วมรัฐบาลว่า มีการระดมสรรพกำลัง บุคลากร ทรัพยากร ใช้อำนาจรัฐ อย่างเอิกเกริกเข้าไปในพื้นที่ คะแนนที่ออกมาจึงน่าจะมาจากการบริหารจัดการแบบพิเศษของแต่ละพรรคเองมากกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังประสบ ปัญหาวิกฤติศรัทธาอย่างหนัก เศรษฐกิจวิกฤติ จะไปหาคะแนนนิยมมาจากไหน แม้พยายามจุดพลุเรื่อง ผบ.ทบ.จะเป็นนายกฯ นอกจากไม่ได้ช่วย ยังทำให้สับสนวิกฤติศรัทธาขยายวงออกไป
“ธนาธร” ชี้แพ้เหมือนไฟล้างสนิม
ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 หรือกรณี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ หลายคนไม่ปฏิบัติตามมติพรรคนั้น ขอเรียนว่าสถานการณ์และกาลเวลาเหมือนไฟ เราจะต่อสู้กับ เผด็จการหรืออำนาจที่ไม่เป็นธรรมนั้น ต้องไม่มีสนิม เมื่อผ่านสถานการณ์ ผ่านเวลา ไฟเหล่านี้จะเอาสนิมออกจากดาบเอง เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า 28,000 เสียง ที่ จ.นครปฐม เป็นเหล็กเนื้อดี และเชื่อมั่นว่า 70 ส.ส. พรรคอนาคตใหม่เป็นเนื้อดี การเดินทางและสถานการณ์ จะทำให้เหล็กของเรากล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มีความ ภาคภูมิใจที่มีประชาชนยืนอยู่กับพรรคอนาคตใหม่กว่า 28,000 คน ไม่มีความกังวลใจอะไร เล็กเพื่อ ใหญ่ ล้มเพื่อลุก ขอยืนยันจะทำงานทางการเมืองภายใต้ร่มของพรรคอนาคตใหม่ต่อไป
เชื่อไม่สะท้อนเรตติ้ง “บิ๊กตู่” พุ่ง
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีแคมเปญจะเป็นโดมิโนล้มเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ จะวิเคราะห์แคมเปญนี้อย่างไร นายธนาธรตอบว่า เราพ่ายแพ้ยอมรับ พรรคชาติไทยพัฒนาทำงานได้เต็มที่ต้องขอเเสดงความยินดี เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งซ่อมสะท้อนถึงความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีมากขึ้น หรือไม่ นายธนาธรตอบว่า วันนี้ถ้าลองไปเดินตลาดหรือเช็กความนิยมประชาชน คำถามนี้คงตอบได้ไม่ยาก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ พรรคคงมีการประเมินโดยทีมรณรงค์การเลือกตั้ง และสรุปผลส่งมาเป็นคำชี้แจง ข้อเสนอปรับปรุงการทำงานเพื่อให้พรรค เข้มแข็งต่อไป ในฐานะหัวหน้าพรรคยังไม่ได้สรุปว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไร แต่ผิดหวังกับผลที่ออกมา
ท้าซื้อทั้งพรรค“ธนาธร–ปิยบุตร”ยังอยู่
เมื่อถามว่า ถือเป็นขาลงพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นายธนาธรตอบว่า มองไม่เห็นว่าเป็นขาลง พรรค ไม่ได้ตกใจ อย่าลืมว่าพรรคอนาคตใหม่เข้ามาด้วยระยะเวลาที่สั้น ทำให้ไม่สามารถคัดกรองบุคลากรที่มีความคิดความฝันเหมือนกับพรรค ดังนั้นเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อให้ซื้อพวกเราทั้งหมดแต่เขาซื้อปิยบุตรกับซื้อธนาธรไม่ได้ แม้ว่าจะเหลือแค่เราสองคนจะเดินหน้าทำงานการเมืองเพื่อให้ได้สังคมตามที่ฝันไว้ต่อ
อ้าง รธน.ส.ส. จะหดเหลือ 80 ที่ไม่ได้
นายธนาธรกล่าวด้วยว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (3) ระบุว่า ให้นำจำนวน ส.ส.ที่พรรค การเมืองพึงมีพึงได้ลบด้วย ส.ส.ที่พรรคนั้นได้ในแบบเเบ่งเขต ที่เหลือเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่การเลือกตั้งซ่อมนครปฐม ไม่ได้นำคะแนนมารวม เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อมที่เกิดจากการทุจริต ดังนั้น จึงใช้กระดานเดิมในการคำนวณ ส.ส.พึงมีของพรรคอนาคตใหม่ยังมี 81 คน แต่ ส.ส.ปัจจุบันมีเพียง 80 คน ดังนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (3) จึงอยากฝากนักกฎหมายมหาชนทั่วประเทศ ช่วยไตร่ตรองว่า นายมานพ คีรีภูวดล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับต่อไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน
อดีตผู้สมัคร อนค.โวยถูกลอยแพ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคอนาคตใหม่ว่า อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหลายคนไม่พอใจการดำเนินการของพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง เบื้องต้นจาก ส.ส.สอบตก 320 คน มีประมาณ 130-150 คน จับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางการทำงานของพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะสาขาพรรคในจังหวัดต่างๆ ที่ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปควบคุมดูแล โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคนสนิทนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอีกที ไม่ว่าผู้สมัครในพื้นที่จะทำกิจกรรมอะไรต้องรายงานให้คนจากส่วนกลางทราบ และหากมีการเบิกงบต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน ในบางสาขาอาจมีการทุจริตภายในเกิดขึ้น เช่น ขอเบิกค่าน้ำมันรถ 1,000 บาท คนจากส่วนกลางอาจเขียนบิลไป 2,000 บาท พอผู้สมัครในพื้นที่ร้องเรียนไปยังส่วนกลางก็ไม่ได้รับความสนใจ เพราะคนเหล่านี้เป็นคนของส่วนกลางเอง นอกจากนี้ ส.ส.สอบตกภายหลังการเลือกตั้งไม่สามารถติดต่อโดยตรงกับนายธนาธร หรือนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคได้เลย
เตรียมรวมตัวลาออกปลาย ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อดีตกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.ที่มีปัญหาได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มไลน์ มีบางคนลาออกจากพรรคไปแล้ว และอีกส่วนหนึ่งเตรียมรวมตัวกันเพื่อไปยื่นหนังสือลาออกที่ กกต. ในช่วงปลายเดือน ต.ค. และหลายคนบอกว่าพรรคอนาคตใหม่จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะฐาน มวลชนตามต่างจังหวัดแตกกับส่วนกลางไปเยอะ
“เทพไท” มึน ส.ส.พึงมีจุดบอร์ด รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเผดิมชัย และเป็นกำลังใจให้กับผู้ผิดหวังในการเลือกตั้งทุกคน มีโอกาสแข่งขันกันใหม่ในโอกาสต่อไป แต่ผลที่ตามมาหลังเลือกตั้งซ่อมคือ จำนวน ส.ส.ที่พึงจะมีได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในพรรคการเมืองใดหรือไม่ ถ้าดูจากคะแนนรวมทั้งหมดของพรรคอนาคตใหม่ที่มี ส.ส.พึงจะได้ 81 คน เมื่อ ส.ส.เขตหายไป 1 คน จะไม่กระทบต่อจำนวน ส.ส.ที่พึงมี คือ 81 คนเท่าเดิม ส่วนพรรคการเมืองใดที่จะได้รับผลกระทบเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องคิดคำนวณ และประกาศจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคกันใหม่ เพราะผลเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่มีผลต่อคะแนนรวมของพรรคการเมืองใดๆที่มีอยู่เดิมต้องปฏิบัติตามมาตรา 94 ไม่สามารถนำคะแนนมาคิดรวมได้ ดังนั้น คะแนนรวมหรือจำนวน ส.ส.ที่พึงมีของพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี 10 คน หากคำนวณตามมาตรา 91 เมื่อมี ส.ส.เขตเพิ่มมา 1 คน จะต้องลด ส.ส.บัญชีรายชื่อลงหรือไม่ เชื่อว่าทำให้เป็นปัญหาและข้อโต้เถียงในการคิดสัดส่วน ส.ส.ที่พึงมีแน่นอน คงไม่มีพรรคการเมืองใดที่อยากสูญเสียที่นั่ง ส.ส.นับเป็นอีกปัญหาหนึ่งของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาแก้ไขต่อไป
“ดำรงค์-ชัช” จ่อรวมพรรคเพิ่มพลัง
ที่วัดธาตุน้อย ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช มีการรวมตัวของแกนนำพรรคการเมือง 3 พรรค คือ นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศ ไทย และแกนนำพรรคเพื่อชาติ เช่น นายอารีย์ ไกรนรา นายจตุพร พรหมพันธ์ุ มาร่วมกันทำบุญสังขารพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หรือพระครูพิศิษย์อรรถการ พร้อมทั้งร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลภายในวัด นายชัชวาลล์เปิดเผยว่า พรรคพลังท้องถิ่นไทและพรรครักษ์ผืนป่าฯรวมกันทำงาน เพราะนโยบายใกล้เคียงกัน ที่ผ่านมานโยบายพรรคเล็กอาจไม่ได้รับความสนใจมากนัก หลังจากนี้หากส.ส.พรรคอื่นๆมีแนวความคิดตรงกัน สนใจจะย้ายเข้ามาร่วมทำงานด้วยกันก็ยินดี
โวหาแนวร่วมอีกเป็น 11 เสียง
ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช กล่าวว่า แนวคิดกับพลังท้องถิ่นไทเป็นแนวเดียวกัน จากพรรคเล็กจะหลอมเป็นพรรคใหญ่เพื่อหาแนวทางร่วมกัน ถ้าพรรคอื่นที่มีแนวทางร่วมกันจะไปด้วยกันก็ได้ เรามีหลายเสียงหลายความคิดจะร่วมกันผลักดันนโยบายได้ การรวมพรรคไม่ได้เป็นแรงกดดันรัฐบาล แต่จะทำงานง่ายมากขึ้น รัฐบาลต้องฟังพรรคเล็กด้วยหลักของตน 5 เสียงจะมีมาอีก 3 เป็น 8 และเพิ่มอีก 3 อาจเป็น 11 ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ข้างหน้า การเมืองขณะนี้เป็นไปแบบเรื่อยๆ ปริ่มน้ำ จะอยู่จะรอดขึ้นอยู่กับฝ่ามือ ฝ่ามือต้องทำเพื่อความอยู่รอดของบ้านเมือง
ตั้ง “ธนาธร” นั่งที่ปรึกษา กมธ.งบฯ
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เมื่อเวลา 10.00น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 นัดแรก เพื่อวางกรอบการทำงานระหว่างวันที่ 28 ต.ค.-13 ธ.ค.62 ประชุมวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในวันจันทร์และวันอังคารประชุมเวลา 13.00-22.00 น. ส่วนวันพุธและวันพฤหัสบดี เวลา 09.00-18.00 น. ขณะที่วันศุกร์จะประชุมเวลา 09.00-17.00 น. ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเลือกนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานกรรมาธิการ ส่วนรองประธาน มีทั้งสิ้น 19 คน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นรองประธานคนที่หนึ่ง นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานคนที่สอง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรองประธานคนที่ 3 ส่วนตำแหน่งเลขานุการฯ มี 13 คน อาทิ นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ส่วนตำแหน่งโฆษกมีจำนวน 14 คน อาทิ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เข้าร่วมประชุมด้วย ถูกแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ
ใครข้องใจให้ว่าไปตามกฎหมาย
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีถูกยื่นคัดค้านไม่ให้ดำรงตำแหน่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพราะถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ว่า รายชื่อตนได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ และได้รับการรับรองแล้ว ถ้ามีผู้ใดสงสัยคงต้องปล่อยให้เป็นการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ตนเข้ามาเป็น กมธ.ในส่วนบุคคลภายนอกในนามพรรคอนาคตใหม่ เมื่อถามว่า มีข้อโต้แย้งว่ายังมีสถานะเป็น ส.ส. ดังนั้นจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคนนอกได้อย่างไร นายธนาธรตอบว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนถูกตัดสิทธิแล้วเข้าไปเป็น กมธ.และรายชื่อตนได้รับการรับรองจากที่ประชุมสภาแล้ว คนที่คิดว่าตนยังมีปัญหาต้องยื่นเรื่องมาที่ฝ่ายกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ถ้าสภาฯว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
ขำกลิ้งแผนวางยางบฯ 63 โมฆะ
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงขั้นว่าฝ่ายค้านวางยารัฐบาลหรือไม่ที่ตั้งนายธนาธรมาเป็น กมธ.งบประมาณ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นโมฆะ นายธนาธรกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะว่า พรรคอนาคตใหม่เพิ่งตั้งขึ้นมา ประสบการณ์ในสภาฯ มีน้อย แต่พรรคมีความตั้งใจอยากส่งเสริมให้ตนมีความรู้ ประสบการณ์การทำงานด้านงบประมาณมากขึ้น เผื่อถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาลจะได้เข้าใจกลไกด้านงบประมาณ นั่นคือวัตถุประสงค์ของเรา เมื่อถามว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ใช้ช่วงจังหวะนี้มาเป็น กมธ.งบประมาณฯ จะสะท้อนอะไรหรือไม่ นายธนาธรตอบว่า ตรงไปตรงมา ไม่ได้แอบหรือหลบอะไร การเสนอชื่อครั้งนี้ฝ่ายกฎหมายพรรคพิจารณาแล้ว
“วิษณุ” ฟันธง “ธนาธร” เป็น กมธ.ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อถกเถียงเรื่องดังกล่าว กมธ.วิสามัญเป็นได้ทั้งบุคคลภายนอกและ ส.ส. เรื่องนี้ประธานสภาฯจะต้องชี้ขาด หากชี้ขาดแล้วไม่เป็นที่ยุติจะไปกระบวนการอื่นก็สุดแล้วแต่ แม้ทุกเรื่องจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญเพราะไม่สามารถจบในขั้นต้นได้ แต่ไม่อยากไปย้ำมัน เพราะจะถูกมองว่าไปศาลอีก เรื่องนี้ตนอยู่ในซีกรัฐบาลคงไม่สามารถออกความเห็นได้ จะเป็นการเสียมารยาท ในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว มีผู้ถูกสั่งให้พักการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้วมาเป็น กมธ.วิสามัญ แต่นายธนาธรหากเข้าในโควตาคนนอกก็เป็นได้ เหมือนนายวราเทพ รัตนากร และอีกหลายคน กรณีนี้คนสงสัยว่าเป็นคนนอกหรือคนใน หากให้ตอบกลางๆ ก็ไม่ต้องไปสงสัย เมื่อสภาเป็นคนตั้งจะเป็นคนนอกหรือคนในก็ได้ จึงไม่มีเหตุที่ให้สงสัย เมื่อถามว่า มีการมองว่าพรรคอนาคตใหม่รู้อยู่แล้วเรื่องนี้จะเป็นปัญหา แต่ยังเสนอชื่อเพื่อให้เป็นประเด็นทางสังคม นายวิษณุตอบว่า เช่นเดียวกับคนที่ค้านก็ต้องการให้เป็นประเด็นทางสังคมเหมือนกัน
ปชป.ก็ชี้เป็นได้ในฐานะคนนอก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลักสำคัญต้องดูว่ากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 คือบทบาทที่ระบุให้ทำเฉพาะบุคคลที่เป็น ส.ส.หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ ดังนั้นเมื่อนายธนาธรมาในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ก็สามารถเป็นได้หน้าที่ ในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญก็ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็น ส.ส. ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้มีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราว แต่กรณีเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญที่รัฐธรรมนูญให้บุคคลภายนอกเป็นได้ ก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรนั้น ต้องไปถามนายธนาธรเอง
ยกเคส “วราเทพ” เปรียบให้เห็นชัด
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับนายวราเทพ รัตนากร ซึ่งมีคุณสมบัติต้องห้ามไม่ให้เป็น ส.ส. ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น กมธ.เช่นกัน แสดงว่า กมธ.ไม่ได้เป็นหน้าที่ของ ส.ส. นายวราเทพที่ขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส.ยังเป็น กมธ.ชุดเดียวกับนายธนาธรได้ ดังนั้นนายธนาธรมีสิทธิเป็น กมธ.วิสามัญฯได้โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ
“สิระ” ยื่น ปธ.สภา-ศาล รธน.ขวาง
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานประธานสภาผู้แทน ราษฎร ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ตรวจสอบกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายสิระกล่าวว่า นายธนาธรมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จึงยื่นหนังสือ 3 ฉบับ คือ 1.หนังสือถึง กมธ.วิสามัญฯทั้งคณะ ให้ประชุมและพิจารณามีมติห้ามนายธนาธรเข้าร่วมการประชุม กมธ. เนื่องจากจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา 2.ทำหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้มีคำสั่งให้เรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติถอดถอนนายธนาธรออกจากการเป็น กมธ.วิสามัญฯตามข้อบังคับการประชุม 108 (5) และ 3.มีหนังสือถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญให้ไต่สวน โดยเรียกนายธนาธรเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขัดคำสั่งศาลที่ห้ามปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาเวลา 13.45 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสิระ ได้เดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาสถานภาพนายธนาธรในการมาเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ด้วย
“ภูมิธรรม” วางคิวซักฟอก 17-19 ธ.ค.
อีกเรื่อง นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ขณะนี้มีเพียงการหารือเบื้องต้นกับพรรคร่วมเท่านั้น เนื่องจากเสียดายเวลาเพราะการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ฝ่ายค้านสามารถทำได้ปีละ 1 ครั้งตามปีปฏิทิน และกำหนดไว้ว่าหากขอเปิดอภิปรายต้องอยู่ในช่วงหลังงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารควันที่ 12 ธ.ค.และก่อนช่วงคริสต์มาส ดังนั้นจึงเป็นห้วงวันที่ 17-19 ธ.ค. ทั้งนี้ ต้องมีการหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อหามติร่วมกันว่าจะเป็นไปตามที่วางไว้หรือไม่
“ประยุทธ์” พร้อมรับศึกไม่ไว้วางใจ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงกลางเดือน ธ.ค.ว่า เป็นธรรมดาของระบบสภาฯที่ 1 ปี สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ 1 ครั้งว่ากันไป ก็พร้อมและต้องเตรียมข้อมูล ซึ่งมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว หน่วยงานต่างๆเตรียมไว้อยู่แล้ว ต้องเตรียมข้อมูลว่าเราทำอะไรไปแล้วอย่างไร ความบริสุทธิ์และสิ่งต่างๆที่เราตั้งกติกากฎเกณฑ์มากมายสามารถตอบได้ ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และขึ้นอยู่กับการลงมติ เมื่อถามว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วเกินไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ไม่เร็วมั้งเป็นไปตามกติกา 1 ปี อภิปรายได้ 1 ครั้ง ถ้าไม่ยื่น ตอนนี้แล้วจะไปยื่นตอนไหน ต้องไปปีหน้า เป็นหลักการ ของประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ”
ภท.ไฟเขียวฝ่ายค้านตรวจสอบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว. สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สิทธิการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญไม่มีไวหรือไม่ไว เป็นรัฐบาลต้องพร้อมถูกตรวจสอบตลอดเวลา เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ถ้าฝ่ายค้านไม่ยื่นก็เสียสิทธิ ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านเรายื่นเหมือนกัน มันเป็นสิทธิ อย่างน้อยเป็นโอกาสให้ได้ตรวจสอบ ได้นำข้อมูลต่างๆมาแถลงต่อสภาฯ ประชาชนจะได้ยินด้วย รัฐบาลต้องขยันทำงานทำในสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชนก็ไม่มีอะไรน่ากลัว
กมธ.ร่อนหนังสือเรียก “ตู่-ป้อม”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลประชุม กมธ.ว่า ตนเป็นผู้เสนอให้ กมธ.ตรวจสอบการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2563 เนื่องจากเสนอให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาโดยไม่ชอบ จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน โดยที่ประชุม กมธ. มีมติรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบ จะส่งหนังสือเรียกให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เข้าชี้แจงวันที่ 30 ต.ค. เวลา 10.00น.ยืนยันว่าการตรวจสอบไม่ใช่การเล่นการเมือง หรือการใช้อำนาจ กมธ.แทรกแซงการทำงานฝ่ายบริหาร กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังถูกตรวจสอบว่าจะดำรงตำแหน่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ2563 ได้หรือไม่ ดังนั้นกรณีของนายกฯ ตนจึงเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ขู่เบี้ยวไม่มาเองดำเนินคดีแน่
“ที่มองว่าผมทำเรื่องนี้เพราะเป็นคู่ขัดแย้งกับ นายกฯ ผมยืนยันทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คือรุ่นน้องผม ส่วน พล.อ.ประวิตร คือรุ่นพี่ผม ผมต้องการให้นายกฯ และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงเอง เพราะผมจะไม่รับตัวแทนใดๆมาชี้แจงแทน หากตัวท่านไม่มาเองจนเกินกรอบเวลาที่กฎหมาย เรียกกำหนด ผมพร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนกรณีที่เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้วนั้น เป็นเฉพาะเรื่องไม่รับคำร้อง ไม่ใช่การวินิจฉัยว่าถวายสัตย์ปฏิญาณครบ หรือไม่ครบ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
ทนาย 32 ส.ส.ส่งเอกสารแจงหุ้นสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ 32 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่ถูกกล่าวหาถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แต่ ส.ส.ได้ขอขยายระยะเวลาการชี้แจงมาหลายครั้ง จนสุดท้ายศาลสั่งให้ชี้แจงวันสุดท้ายในวันที่ 26 ต.ค. ทำให้วันที่ 24 ต.ค.ทนายความของพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย ต่างเดินทางเข้ายื่นเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญจำนวนมาก
มั่นใจ รปภ.ประชุมสุดยอดอาเซียน
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมสุดยอดอาเซียนว่า มั่นใจในมาตรการ รักษาความปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เมื่อถามว่า ด้านการข่าวมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มี ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้รับทราบการเตรียมการและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุการประชุมสุดยอดอาเซียนระหว่างวันที่ 4-5 พ.ย. โดยสรุปภาพรวมทุกหน่วยงานความมั่นคงมีความพร้อม รองรับการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะมีขึ้น
ขอดูฟีดแบ็ก “ชิมช้อปใช้” เฟส 2
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 ที่ได้รับความนิยมจากประชาชน จะมีอะไรเพิ่มเติมออกมาอีกหรือไม่ว่า ต้องดูงบประมาณที่รัฐบาลมีอยู่ ดูผลตอบแทน การประเมินวิเคราะห์ต่างๆต้องทำงานร่วมกันทั้งหมด วันนี้ไม่ได้ทำงานด้วยปากเปล่าหรือเอกสารอย่างเดียว แต่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย หากมองตัวเลขจีดีพีอาจจะดูว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจะขึ้นนิดขึ้นหน่อยไม่เป็นไรถือเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนในระบบ ให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ซื้อ ผู้ใช้ การกระจายสินค้าและการขนส่งให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในวงจร โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ หากย้อนไปดูสถิติที่ธนาคารโลกจัดลำดับมาหลายอย่างเราดีขึ้น และมีหลายอย่างที่เขาเตือนอาเซียนหลายประเทศ เนื่องจากสงครามการค้าเป็นประเด็นสำคัญเพราะทั้งหมดต้องพึ่งปลายทางคือตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแต่ตอนนี้ทุกชนิดมีปัญหาหมด
“พิชัย” สอนเชิงเศรษฐกิจ “ลุงตู่”
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ออกนโยบายชิมช้อปใช้ รอบ 2 โปรโมตเหมือนกับว่าเป็นนโยบายหลักทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้สงสัยว่าท่านคิดแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนักได้เพียงเท่านี้เองหรือ ทั้งที่นโยบายนี้ไม่สร้างความยั่งยืนในการพัฒนา หรือรายได้ ที่สำคัญไม่สามารถแก้ปัญหาการว่างงาน ที่จะเกิดขึ้นกว่า 5 แสนคนในปี 2563 ได้ นอกจากนี้ทิศทางเศรษฐกิจโลกตามที่สื่อสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักเสนอ เชื่อกันว่าอีก 12-18 เดือน จะยิ่งตกต่ำหนัก อาจถึงขั้นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ รัฐบาลกลับคิดแจกเงิน แต่ไม่มีมาตรการรองรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังย่ำแย่ ดังนั้นอยากให้รัฐบาลทบทวนคิดนโยบายเพื่อรองรับวิกฤติเศรษฐกิจโลก