นายกฯ ขอประชาชนระวัง Fake news ยกเคส “ปารีณา” อาจไม่ได้โพสต์เอง แต่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ความจริง ย้ำเรื่องถวายสัตย์ทำทุกอย่างครบถ้วนแล้ว เผย จับคนเอี่ยวระเบิดป่วนกรุงได้แล้ว 9 คน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการก่อเหตุวางระเบิดรอบพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ในที่ประชุม ครม. มีการชี้แจงความคืบหน้าประจำวัน โดยวันนี้คืบหน้ามากแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม ขณะนี้จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องได้ 9 คน ทุกอย่างจะเป็นไปตามวัตถุและพยานอย่างรอบคอบ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประชาชนที่ร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการรักษาความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องระเบิดทั้งที่นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมืออย่าแสดงความคิดเห็น หรือตัดสินชี้นำว่าเป็นฝีมือฝ่ายใดหากไม่รู้ข้อเท็จจริง ว่า ได้สอบถามนักการเมืองที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่ามีการกล่าวอ้าง และบางทีเจ้าตัวอาจไม่ได้เขียนขึ้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ น.ส.ปารีณา จะต้องพิสูจน์ต่อไป ย้ำอีกว่าขอให้ระมัดระวังเรื่องข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ เพราะหลายครั้งมีการโพสต์ในโดยที่ไม่มีความเป็นจริง ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบหากเกิดผลกระทบ เนื่องจากต้องมีการสืบสวนสอบสวนที่เป็นไปตามกฎหมาย เพราะโซเชียลมีเดียมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งหลายเรื่องก็โพสต์ในนามตัวเอง ทั้ง เพจลุงตู่ เพจประยุทธ์ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ตั้งเพจขึ้นมา แต่เป็นเรื่องของคณะทำงานที่ตั้งมาเอง
สำหรับการเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2563 เข้าสู่ที่ประชุม ยังตั้งอยู่ในกรอบวงเงินอยู่ที่ 3.22 ล้านล้านบาท พร้อมตั้งงบประมาณงบดุลเพื่อบริหารงบประมาณในภาพรวม ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายในกรอบของพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 พร้อมให้แนวทางงบประมาณของแต่ละกระทรวงให้ตั้งงบประมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และไม่ต้องการมองเฉพาะโครงการ แต่อยากให้มองเม็ดเงินของแต่ละกระทรวงด้วยว่าได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร
...
ส่วนเรื่อง นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดี 112 ถูกทำร้ายร่างกายที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แล้วมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลส่งคนไปทำร้ายนั้น เรื่องนี้ตนเองเห็นใจ แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ส่งคนไปทำเช่นนั้น เเต่ละประเทศมีกฎหมาย มีมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงข้อตกลงร่วมกันอยู่เเล้ว เหตุเกิดที่ประเทศใดก็ให้ประเทศนั้นจัดการ รัฐบาลไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น
ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ยะลา ในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า รู้สึกดีใจที่ได้ลงพื้นที่ ซึ่งเรื่องที่ชาวบ้านยังกังวลคือเรื่องความปลอดภัยในวันฮารีรายอ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา และจะมัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ในส่วนของการรักษาความความปลอดภัยในพื้นที่ ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตามากขึ้น และการแก้ไขปัญหาต้องดูทุกมิติ ทั้งเรื่องของการพูดคุยสันติสุขที่ต้องเดินหน้าต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ที่ฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนตอนเข้ารับตำแหน่งของคณะรัฐมนตรีไม่ครบถ้วน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหาทางแก้ไขอยู่ แต่ยืนยันว่า ตัวเองทำทุกอย่างครบถ้วน ส่วนในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ติดภารกิจลงพื้นที่ จ.ยะลา จึงไม่สะดวกไปตอบกระทู้และขอเวลาให้กับอะไรที่ต้องแก้ไข
ทั้งนี้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกกำหนดไว้ในนโยบายรัฐบาลแล้ว แต่ต้องศึกษาอย่างละเอียดเพราะต้องดูว่าแก้เพื่อใคร ประชาชนได้ประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากจะแก้ไขเพียงบางประเด็น ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องใช้เวลา แต่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไขขณะนี้คือปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการกลับมาจัดรายการพบปะพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีและประชาชน หลังจากมีผู้เรียกร้องให้กลับมามีรายการอีกครั้ง ว่า อาจจะกลับมาจัดรายการเป็นครั้งคราว ไม่จัดทุกวันเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา และอยากให้ย้อนกลับไปดูว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไว้บ้าง เพราะบางทีตนเองอาจพูดเร็วไปบ้าง ยาวไปบ้างประชาชนอาจฟังไม่จบ จากนั้นที่ผู้สื่อข่าวกล่าวกับนายกรัฐมนตรีอีก ว่า หากกลับมาจัดเป็นครั้งคราวจะเป็นข่าวดีกับประชาชน ทำให้นายกฯ หันกลับมาถามว่า ข่าวดีเหรอ แต่คนที่ชอบฟังก็มีนะ เพราะเป็นความปรารถนาดีที่พูดออกไป และหากกลับมาจัดอีกครั้งไม่ถึงขั้นต้องถ่ายทอดออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ จะจัดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่าสื่อจะเป็นคนหาสปอนเซอร์ให้จัดรายการหรืออย่างไร.
(ภาพจาก thaigov.go.th และเฟซบุ๊ก ปารีณา ไกรคุปต์)