สามมิตรยํ้าคุมเกษตรฯ เร่งตั้งรบ.ไม่เกิน13มิ.ย. ปชป.ทวงสัญญาดีลเดิม ‘ตู่’ ลั่นจะทำหน้าที่ดีที่สุด
“บิ๊กตู่” ขอบคุณสมาชิกรัฐสภาโหวตกลับมาเป็นนายกฯ ยันจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศก้าวสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน “วิษณุ” คาดได้ ครม.ชุดใหม่เดือน มิ.ย.นี้ ยังหวั่นคาบเกี่ยวประชุมอาเซียน “พรเพชร” บอกใครยังข้องใจเรื่องคุณสมบัติ “บิ๊กตู่” ให้ไปร้องศาล รธน.-กกต. “เสี่ยหนู” ไม่เอาผิด “สิริพงศ์” แหกมติ เสียงอ่อยพร้อมเจรจาเปลี่ยนแปลงโควตา รมต. “สิริพงศ์” เผยงดออกเสียง เพราะรับปากชาวบ้านจะเลือก “อนุทิน” คนเดียว ผิดจากนี้ไม่โหวต ยันไม่ได้เกลียดชัง “บิ๊กตู่” ถ้ากระทบเก้าอี้ รมต.ของ ภท.ก็ต้องขออภัยด้วย “พุทธิพงษ์” เผยทุกพรรควางตัว รมต.แล้ว ย้ำต้องให้นายกฯเคาะขั้นตอนสุดท้าย “สมศักดิ์” ยืนกราน พปชร.ต้องคุมเกษตรเพื่อตอบโจทย์ตอนหาเสียง เผย พปชร.ล้มดีลเกลี่ยเก้าอี้กันใหม่ จ่อตั้งรัฐบาลไม่เกิน 13 มิ.ย. ด้าน “ภูมิธรรม” ขอบคุณ 7 พรรคพันธมิตร “สมพงษ์” พร้อมนั่งผู้นำฝ่ายค้าน อนาคตใหม่ยันมีหลักฐานคลิปเสียงล่อซื้องูเห่า 120 ล้าน พร้อมเปิดเผยถ้าพรรคมีมติ
การประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นลงไปด้วยบรรยากาศเรียบร้อย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับเลือกให้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง จากการโหวตของ ส.ส. และ ส.ว. 500 เสียง เหนือกว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ไป 244 เสียง
“บิ๊กตู่” ขอบคุณเสียงโหวตนั่งนายกฯ
...
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนัก นายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และสมาชิกทั้ง 2 สภา ที่สนับสนุนทำให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนถึงวันนี้ คะแนนเสียงที่ได้มาเป็นไปตามกติกาเดิม ยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน และขอบคุณ ส.ส.บางส่วนแม้จะไม่สนับสนุน แต่ได้ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจากนี้ไปอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานที่คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชน นำบทเรียน ในอดีตมาเป็นแนวทางในปัจจุบัน ขอประชาชนให้มีส่วนร่วมปฏิรูปการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง
ยิ้มแป้นยกมือไหว้ขอบคุณทุกคน
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 ครั้งที่ 1/2562 ณ ตึกภักดีบดินทร์ โดย พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดีสีหน้ายิ้มแย้ม ระหว่างเดินได้หันมายิ้มให้กับผู้สื่อข่าวและช่างภาพจำนวนมากที่มาดักรอบริเวณทางเชื่อม ก่อนหยุดเดิน และยกมือไหว้พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณทุกคนนะครับ” จากนั้นได้เรียกขอเอกสารจากทีมงานนำมาโชว์ให้สื่อมวลชนดู และกล่าวว่า เดี๋ยวเอากระดาษนี้ไป ทุกอย่างเหมือนเดิมนั้นแหละ นายกฯพูดตามนี้ ขอไปประชุมก่อนนะ จากนั้นได้หันมายิ้มให้สื่อมวลชนอีกครั้ง สำหรับเอกสารดังกล่าวมีข้อความเดียวกับที่รองโฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยเมื่อช่วงเช้า
เลขาสภาฯเข้าทำเนียบฯดูความพร้อม
กระทั่งเวลา 16.09 น. ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการพิจารณาการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ามายังตึกไทยคู่ฟ้า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังประชุมอยู่ คาดว่านายสรศักดิ์เดินทางมาดูความพร้อมสถานที่ในวันรับสนองพระบรมราชโองการ โดยจะใช้ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นสถานที่จัดพิธี และอาจจะใช้ห้องสีม่วงเป็นสถานที่กล่าวกับประชาชน หลังเสร็จสิ้นพิธี
“วิษณุ” ชี้ ส.ว.เทเสียงโหวตตามหน้าที่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีประชาชนจำนวนมากมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.จะไม่ชนะโหวตในการเลือกนายกฯ หากปราศจากเสียงของ ส.ว.ว่า ไม่มีอะไรต้องตอบในเรื่องนี้ อยากบอกทุกคนว่านี่คือกฎหมาย เป็นเรื่องที่กำหนดอยู่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งได้ผ่านประชามติและประชาชนเห็นด้วยว่าใน 5 ปีแรก ต้องให้ ส.ว. มีส่วนเลือกนายกฯ ส่วนที่ ส.ว.249 คนเทเสียงโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีอะไรจะมองเพราะเป็นหน้าที่ของเขา ไม่ว่าใครจะติฉินนินทาว่าร้ายอย่างไรก็เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนด ตรงกันข้ามหากเขาไม่โหวต เขาอาจจะผิดก็ได้ เมื่อถามว่าการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว. จะเกิดขึ้นเมื่อใด นายวิษณุตอบว่าเรื่องนี้ไม่ได้ลำบาก ได้มีการเปิดเผยในระดับหนึ่งไปก่อนแล้วต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน คิดว่าจากนี้ไปคงจะมีการเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เมื่อปัจจุบันได้ตัวประธาน ส.ว.และเหตุการณ์ทางการเมืองมาถึงจุดนี้แล้ว ตนเข้าใจว่าจะมีการส่งรายชื่อสำรอง ส.ว.ในส่วนของ คสช. อีก 50 คนตามไปในวันนี้
คาดได้ ครม.ชุดใหม่เดือนนี้
เมื่อถามถึงไทม์ไลน์ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นายวิษณุตอบว่า จากนี้สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้นำรายชื่อนายกฯขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เร็วที่สุดน่าจะเป็นวันนี้ จากนั้นก็สุดแล้วแต่จะมีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกลับลงมาเมื่อไหร่ เมื่อมีโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเป็นเรื่องที่นายกฯจะดำเนินการเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาคงต้องมีการหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ หลัง จากนั้นจะส่งรายชื่อ ครม.ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำรายชื่อ ครม.ทั้งหมดไปตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อถามว่า ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์นี้ เราน่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่ประมาณปลายเดือนนี้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า โดยทั่วไปไม่ควรจะยาวนาน วันนี้เพิ่งวันที่ 6 มิ.ย. เหลืออีกตั้ง 24 วันก็น่าจะสามารถทำได้ แต่สิ่งที่ควรจะต้องทำไปพร้อมๆกัน ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลคงทราบแล้ว คือการยกร่างนโยบาย เพราะเมื่อไปถึงวันที่ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว หลังจากนั้นจะต้องมีการแถลงนโยบายภายใน 15 วัน ดังนั้น ควรใช้เวลาช่วงนี้ซึ่งยังไม่ได้นับหนึ่งมายกร่างนโยบาย ไว้ก่อน เตรียมไว้ และพอจัดตั้ง ครม.เสร็จ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็เอานโยบายที่จัดทำเสร็จแล้วมาปรับปรุงอีกไม่มากนัก
นายกฯลุยจัดโผ ครม.ได้เลย
เมื่อถามว่าช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเข้าไปร่วมร่างนโยบายต่างๆได้เลยหรือไม่ รองนายกฯตอบว่า หากเป็นการเตรียมการสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้งดงามก็ควรรอการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมาก่อน ตนถึงบอกว่าเลี้ยวซ้ายหรือขวาได้ เลี้ยวซ้าย คือ พล.อ.ประยุทธ์ลงไปเจรจาตั้ง ครม. ส่วนเลี้ยวขวาก็ไปยกร่างนโยบาย เมื่อถามว่า ตอนนี้ถือว่าได้นายกฯแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการจะทาบทาม ครม.ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ใช่ ตอนนี้นายกฯ มีอำนาจเต็มที่จะดำเนินการแล้ว เมื่อถามว่าส่วนตัวได้รับการทาบทามหรือยัง เพราะมีข่าวว่า จะถูกเชิญให้ไปเป็นฝ่ายกฎหมาย ได้ตัดสินใจหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า “ยังครับๆ” เมื่อถามว่ามองเสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นอย่างไรจากนี้ นายวิษณุตอบว่า “ไม่ทราบ เราก็เห็นกันอยู่แล้ว คุณก็รู้เท่ากับผม”
แจงทางเลือก ครม.ถกอาเซียน
นายวิษณุยังกล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนของประเทศไทยระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย.ว่า สิ่งที่ต้องทำคือ 1.การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2.การเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน และ 3.การแถลงนโยบาย ถ้ายังไม่แล้วเสร็จ รัฐบาลเก่าพ้นไปหมดแล้วรัฐบาลใหม่จะเข้าไปประชุมอาเซียนในช่วงที่เป็นเจ้าภาพการประชุมวันที่ 22-23 มิ.ย.จะถูกโจมตีถูกวิจารณ์อีกว่าไปยกมือแสดงความเห็นผูกมัดประเทศไทยโดยที่ยังไม่แถลงนโยบายทำไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลใหม่มีทางเลือก 3 ทางคือ 1.ให้รัฐบาลเก่าเป็นผู้ดำเนินการ 2.ให้รัฐบาลใหม่เข้าประชุมอาเซียน เพราะถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญมาตร 163 และ 3.หากถูกวิจารณ์จากฝ่ายค้าน หรือ ประชาชนว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน และต่างประเทศ ยังลังเลก็ต้องใช้ทางเลือกที่ 1
“บิ๊กป้อม” ตอก “ธนาธร” ปล้นบ้าอะไร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องของรัฐสภาก็ต้องว่ากันไป เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาระบุว่าถูกปล้นชัยชนะ โดยเปรียบเป็นสภาฯ 500 เหมือนกับโจร 500 พล.อ.ประวิตรตอบว่า “คุณคิดไปเอง ก็ได้ 500 เสียงพอดี ปล้นบ้าอะไร” เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่าหากมีทหารมาเยี่ยมที่บ้านจะยิงใส่ เพราะมีปืนถูกกฎหมาย พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ยิงไปเลยแล้วทำไมเขาถึงไม่ยิง ถามว่าตอนนี้มีใครไป ก็พูดไปเองทั้งนั้น เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังได้ พาดพิงถึงเรื่องนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็มันจบไปแล้ว จะเอาอะไรอีก เรื่องนาฬิกาจะทำอย่างไรได้ เพราะฉันยืมเขามา”
ข้องใจคุณสมบัติ “บิ๊กตู่” ให้ไปร้อง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ไม่ได้วินิจฉัยคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามที่สมาชิกเสนอญัตติไว้ เนื่องจากที่ประชุมรัฐสภาไม่มีอำนาจพิจารณาประเด็นดังกล่าว แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้าที่จะถูกเสนอชื่อนั้น พรรคการเมืองได้รับรองคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์แล้วว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกยังติดใจสงสัยเรื่องคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยื่นเรื่องให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัย ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรือ กกต. ขึ้นอยู่กับองค์กรเหล่านั้นว่าจะรับวินิจฉัยหรือไม่ ยืนยันว่าประธานรัฐสภาไม่สามารถชะลอการยื่นทูลเกล้าฯรายชื่อนายกรัฐมนตรีได้ต้องนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯตามขั้นตอน จะทำสิ่งที่ขัดต่อมติรัฐสภาไม่ได้
“เสี่ยหนู” ไม่เอาผิด “สิริพงศ์” แหกมติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย โหวตสวนมติพรรคในการเลือกนายกฯด้วยการงดออกเสียงว่า เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ควบคุมหรือบีบบังคับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ทุกอย่าง ทำได้เพียงการขอความร่วมมือ ส่วนการตัดสินใจเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละคน เราต้องเคารพ บางคนบอกให้หัวหน้าพรรคขับออกจากพรรค แต่ยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นการใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัวที่ทำได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม คงไม่มีบทลงโทษนายสิริพงศ์ ถือว่าดีที่พรรคมี ส.ส.เป็นตัวของตัวเอง เบื้องต้นได้พูดคุยกันแล้ว นายสิริพงศ์ได้ขอโทษแล้ว ขณะนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการให้กำลังใจกันและกัน แต่ที่ควรตำหนิคือนายสิริพงศ์ควรมาบอกก่อน ตอนประชุมพรรคได้แจ้งแล้วว่าใครมีอะไรสามารถชี้แจงได้ เพื่อทำความเข้าใจกัน นายสิริพงศ์บอกว่า สบายไม่มีปัญหา ตนประมาทไปหน่อยไม่ได้ระแวงสงสัยอะไร แต่ก็ไม่เป็นไรแค่คนเดียว
เสียงอ่อยยอมรับเงื่อนไขล้มเก้าอี้ รมต.
เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นปัญหากับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เป็นเรื่องเล็ก ไม่กระทบพรรคภูมิใจไทยในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐจะล้มดีล การจัดสรรตำแหน่งต่างๆทั้งหมด รวมถึงกระทรวงคมนาคมที่พรรคภูมิใจไทยต้องการด้วย นายอนุทินหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ดีจะได้ขอเพิ่ม วันนี้ยังไม่มีใครที่จะพูดเป็นอย่างอื่น ได้พูดไปแล้วว่าต้องการเข้าไปทำงานเดินหน้านโยบายที่หาเสียงไว้จะพยายามเข้าไปทำงานในด้านที่เรามีฝีมือ ทั้งนี้ จากวันที่ตกลงกันกับพรรคพลังประชารัฐจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เมื่อถามว่า โหวตนายกฯเสร็จแล้วถ้ามีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยจะทำอย่างไร นายอนุทินตอบว่า จะยอมถ้าทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แต่การเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ทั้งสองฝั่ง ทุกอย่างมีสองด้าน เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่เอากรณีนายสิริพงศ์มาเป็นข้อต่อรอง เราต้องการทำให้บ้านเมืองเดินหน้า ใครทำไม่ดีก็ไปว่ากันในสภา ใครขี้โกงก็ลากไส้กันในสภาเพราะเวทีเปิดแล้ว
“สิริพงศ์” แจงเลือก “เสี่ยหนู” คนเดียว
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการงดออกเสียงโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ได้ไปขอโทษผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว สาเหตุที่ทำไปเพราะได้รับปากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯเพียงคนเดียว ผิดจากนี้เป็นใครก็เลือกไม่ได้ เมื่อสัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาให้บรรลุผล ทางออกของแต่ละคนต่างกัน แต่ตนหาทางออกอื่นไม่ได้นอกจากทำตามสัญญา ตนเคารพประชาชนและตนเองจึงงดออกเสียง เชื่อว่ายังสามารถทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไม่มีปัญหา สิ่งที่ทำไปไม่ได้เกิดจากความรักหรือความเกลียดในตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทำไปเพราะสัญญากับประชาชน ตนเป็นคนรักษาคำพูด ไม่มีอะไรซับซ้อน ส่วนการทำงานภายในพรรคหลังจากนี้คงคิดหนัก แต่เมื่อทำไปแล้วสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการยืดอกและรอรับผลที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่อึดอัดในการทำงานกับพรรคภูมิใจไทย เพราะรักพรรคภูมิใจไทย ยืนยันจะอยู่กับพรรคไม่มีความคิดจะย้ายไปไหน
กราบขออภัยถ้ากระทบเก้าอี้ รมต.
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นงูเห่าพรรค นายสิริพงศ์ตอบว่า แล้วแต่คนจะคิด การกระทำเรารู้อยู่ว่าเพราะอะไร ตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความจำเป็นต้องไปรับเงินใคร ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการลงมติสวนมติพรรคอีกหรือไม่ นายสิริพงศ์ตอบว่า คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ ถ้าตนเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่อยากให้ใครลงมติสวนพรรคเช่นกัน เชื่อว่าทุกพรรคเป็นแบบนั้น เมื่อถามว่า ถ้าพรรคมีมติไม่ตรงกับใจอีก จะโหวตสวนมติพรรคหรือไม่ นายสิริพงศ์ตอบว่า ต้องคุยกัน ไม่อยากสร้างเงื่อนไขอะไร สิ่งที่ทำไปไม่ได้สร้างเงื่อนไขกับใคร แต่ทำตามที่พูดไว้เท่านั้นเอง ส่วนเสียงชื่นชมเรื่องการรักษาจุดยืนนั้น ขอขอบคุณ อยากให้กำลังใจ ส.ส.ทุกคนที่เจอภาวะยากลำบากเหมือนกัน เมื่อถามว่า การตัดสินใจงดออกเสียงอาจกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐนำไปต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี นายสิริพงศ์ตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องกราบขออภัย
“พุทธิพงษ์” ย้ำ “บิ๊กตู่” เคาะชื่อ รมต.
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้ง ครม.ว่า ได้พูดคุยกับพรรคร่วมอื่นๆแล้วเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่มีปัญหาใดๆที่น่ากังวล ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามที่ได้วางไว้ ขณะนี้ทุกพรรคได้วางตัวบุคคลที่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว และจะส่งรายชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พิจารณาดูอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่เป็นสิทธิ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โควตารัฐมนตรีของแต่ละพรรคยังคงเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้บ้าง และไม่ยืนยันว่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องของการสรรหาตัวบุคคล ความเหมาะสมของเนื้องาน และนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องการโหวตสวนมติของพรรคภูมิใจไทยนั้น ถือเป็นเรื่องภายในของพรรคภูมิใจไทย ที่จะต้องไปแก้ปัญหากันเอง โดยไม่ได้ส่งผลกระทบกับโควตาในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย
“สมศักดิ์” ชี้ พปชร.ต้องคุม ก.เกษตรฯ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อและแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวการล้มดีลจัดตั้งรัฐบาลว่า การจัดตั้งรัฐบาลเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มอบหมายให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคเป็นผู้ประสานงาน แต่ส่วนตัวแสดงความจำนงไปหมดแล้ว และไม่คิดว่าการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีจะเป็นปัญหา หากไม่ได้เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ สิ่งที่ได้หาเสียงไว้ในภาพรวมคงเกิดความเสียหาย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะตนเองหมดหน้าที่แล้ว และไม่มีความเห็นเกี่ยวกับการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ยอมรับว่าที่ผ่านมายังไม่มีการรับปากว่าจะให้ตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ให้กับตน ขณะนี้กระบวนการเพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่งเท่านั้น โดยนายกฯจะพิจารณาเป็นคนสุดท้าย
ล้มดีลแรกทุบโควตา รมต.ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า จากดีลรอบแรกที่มีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ รมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น แกนนำพรรคยืนยันเงื่อนไขเดิมว่าจะใช้ระบบพรรคการเมืองมาหารือกันใหม่ โดยผู้บริหารพรรคจะเป็นผู้เจรจาพูดคุย แล้วเอาเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค การพูดคุยผ่านผู้ใหญ่นอกพรรคคนใดไม่ถือเป็นข้อสรุป
โยน “บิ๊กตู่” ชี้ขาดถ้าเถียงไม่ลงตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากการเจรจาไม่ลงตัว พรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันจะยึดดีลแรก พรรคพลังประชารัฐจะโยนสิทธิ์ขาดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พิจารณาความเหมาะสมด้วยตัวเอง เพราะได้เรียนรู้จากการสูญเสียเก้าอี้ประธานสภาฯให้กับประชาธิปัตย์ ทำให้การประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ถูกถล่มอย่างหนัก และหากยังเสียเปรียบโควตากระทรวงสำคัญๆ อย่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว จะทำให้การทำงานของรัฐบาลลำบาก ขณะที่มีรายงานว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มองว่าหากโควตายังเป็นแบบนี้ ไม่เหลือกระทรวงเกรดเอไว้เลย อาจทำงานไม่ได้ รวมถึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพ อาจเป็นเหตุผลทำให้นายสมคิดตัดสินใจไม่ไปต่อก็ได้
จ่อตั้งรัฐบาลไม่เกิน 13 มิ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำจะมีการหารือเรื่องนี้กันในวันที่ 7 มิ.ย. และยังมีเวลาในการพูดคุยกับพรรคร่วมถึงโควตาที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุต้องเป็นของพรรคหลักจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่เก้าอี้ไหนที่ลงตัวแล้ว อาจส่งให้นายกฯพิจารณาไปก่อน โดยได้วางไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดไม่ให้เกินวันที่ 13 มิ.ย. เพื่อให้ทันสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย. ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ปชป.เชื่อใจ พปชร.ไม่ล้มดีล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐล้มดีลตั้งรัฐบาลเกลี่ยกระทรวงเกรดเอหลังเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯว่า ต้องไปสอบถามความชัดเจนจากพรรคพลังประชารัฐ เบื้องต้นสิ่งที่ตกลงกันไว้เป็นที่ยุติแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น ส่วนข้อตกลงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อกำหนดเป็นนโยบายไปแล้วคิดว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติได้ โดยจะมีการพูดคุยกันตอนเขียนนโยบายรัฐบาลอีกครั้ง ยืนยันว่าจะแก้ไขเพื่อความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นและไม่ควรล่าช้า
เคารพสิทธิ “มาร์ค” ไขก๊อก ส.ส.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายจุรินทร์ตอบว่า ได้พยายามยับยั้งแล้ว แต่ต้องเคารพการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าสัญญาประชาคมมีความสำคัญกว่ามติของพรรค นายจุรินทร์ตอบว่า ตนมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนการแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์ของพรรคทุกคนมีหน้าที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมใจเดินหน้าไปสู่การยอมรับจากประชาชนให้มากขึ้น และไม่คิดว่าภาพลักษณ์ของพรรคจะถูกมองในแง่ลบ
“นิพนธ์” ยกคำมั่นลูกผู้ชายมัดคอ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐรับปากเป็นคำมั่นสัญญาลูกผู้ชายไว้แล้ว ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในดีลที่รับปากกันไว้ ที่สำคัญยังไม่มีสัญญาณใดๆส่งมาจากผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด ล่าสุดทราบว่าในพรรคพลังประชารัฐยุติกันหมดแล้ว ข่าวที่ออกมามองว่าเป็นความพยายามของคนที่ผิดหวัง เข้าใจว่าเป็นแค่ข่าวปล่อยที่ต้องการหยั่งกระแสหรือโยนหินถามทาง ปัญหาเป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องไปดำเนินการกันเองภายใน ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์
“เทพไท” ขู่บิดพลิ้วรัฐบาลลำบากแน่
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิปเฟซบุ๊กว่า ขอแสดงความยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกด้วยคะแนน 500 เสียง ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้ 244 เสียง เท่ากับมีเสียง ส.ว. 250 และ ส.ส. 250 ถ้าตั้งรัฐบาลโดยใช้ฐาน ส.ส.จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมาก พล.อ.ประยุทธ์หรือผู้จัดการรัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำพรรคการเมืองอื่นหรือหาเสียง ส.ส.มาเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะจะทำงานยากมาก และการตั้ง ครม.มีความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐเรียกคืนกระทรวงเกรดเอจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่นที่โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง ผีถึงป่าช้าแล้วยังไงไม่ฝังก็เผา ข้อตกลงต้องเป็นข้อตกลงสัญญาต้องเป็นสัญญา หากบิดพลิ้วเปลี่ยนแปลงยึดคืน ตนคนหนึ่งจะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่แก้ไขประเด็นนี้รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความยากลำบาก
“มาร์ค” พักสมองคืนห้องทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ผู้ติดตามเก็บของใช้ส่วนตัวออกจากห้องทำงานชั้น 2 ของอาคารควง อภัยวงศ์ โดยกำชับไม่ต้องเก็บของที่ระลึกที่ได้รับจากตัวแทนต่างประเทศ รวมถึงพระพุทธรูปบูชา แต่ขอมอบให้พรรคไปดำเนินการตามที่เห็นสมควร ขณะที่ทีมงานหน้าห้องของนายอภิสิทธิ์ เริ่มทยอยเก็บของใช้ส่วนตัวออกจากพรรคคืนพื้นที่ให้กับคณะผู้บริหารพรรคชุดใหม่ ต่อไปนายอภิสิทธิ์จะไม่มีห้องทำงานที่พรรค อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้นายอภิสิทธิ์ขอพักสมองอยู่กับครอบครัว
“เทือก” มองแง่ดีรัฐบาลเสียงปริ่ม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตเลขาธิการ กปปส.กล่าวว่า ดีใจที่ในที่สุดได้นายกฯ รอกันมานานประชาชนก็สบายใจ ที่มองว่ารัฐบาลอยู่ได้ไม่นานต้องคิดในแง่ดี คาดการณ์ไปในทางร้ายหมดบ้านเมืองคงลำบากไม่มีความสุข รัฐบาลที่มีเสียงไม่มากเกินไปจะต้องทำงานหนัก สร้างผลงานให้ประทับใจ ทำเรื่องเศรษฐกิจชาวบ้าน รัฐบาลถึงจะยืนอยู่ได้อย่างแข็งแรง การแต่งตั้งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องระมัดระวัง ต้องให้ประชาชนเห็นแล้วมีความสุข คนที่จะอยู่แต่ละกระทรวงต้องเหมาะสม ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยหลักใหญ่ถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีเหมาะสมสำหรับสถานการณ์ของประเทศ
10 พรรคเล็กชู “สมเกียรติ” นำทีม
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หอประชุมทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ กลุ่ม 10 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และนายระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ลงนามในบันทึกข้อตกลง 10 พรรค มีมติให้นายสมเกียรติ เป็นผู้ประสานงานกลุ่ม มอบให้กับนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การทำงานร่วมกันในรัฐสภามีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ
“ภูมิธรรม” ขอบคุณ 7 พรรคพันธมิตร
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า พรรคเพื่อไทยขอบคุณพรรคร่วม 7 พรรค ที่ช่วยกันทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องประชาธิปไตย หยุดการสืบทอดอำนาจแม้ว่าภารกิจนี้จะยังไม่สำเร็จแต่ขอยืนยันว่าจะร่วมกันทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ และขอบคุณทุกกำลังใจของประชาชนที่ส่งมาทุกช่องทาง จากนั้นนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า 7 พรรค จะนัดหารือกันอย่างช้าภายในอาทิตย์ถัดไปเพราะต้องเป็นฝ่ายค้านในสภาฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยต้องทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ถือเป็นผู้มีอาวุโสมีความเหมาะสม สามารถประสานงานกับส่วนต่างๆได้ แต่สุดท้ายต้องหารือกันในที่ประชุมสามัญประจำปีของพรรคเพื่อตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ อย่างช้าไม่เกินเดือน ก.ค.หรือ ส.ค.
“สมพงษ์” พร้อมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พร้อมทำหน้าที่ทุกตำแหน่ง ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าต้องเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยจะประชุม ส.ส.ในวันที่ 11 มิ.ย.เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองเมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาและกำหนดการเปิดประชุมสภาฯแล้วจะนัดประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ บุคคลที่เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่จะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าก่อนหน้านี้ในสมัยพรรคพลังประชาชนไม่เสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้าน แต่ครั้งนี้จะเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้านแน่นอน
“วัฒนา” ฉะ ปชป.เล่นลิเกต้มคนดู
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าจะเทียบความเขี้ยวทางการเมืองต้องยกให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วงหาเสียงประกาศว่าไม่หนุนเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่สุดท้ายมีมติไปร่วมต่อท่ออำนาจให้เผด็จการ ตระบัดสัตย์กับประชาชน แต่กลับไม่ต้องรับผิดชอบหรือสูญเสียอะไร มีแต่ได้กับได้ถึงสามเด้ง เด้งแรกได้เข้าร่วมรัฐบาลหลังเป็นฝ่ายค้านมานาน เด้งที่สองได้ ส.ส.เท่าเดิมมีคนเลื่อนขึ้นมาแทนนายอภิสิทธิ์ที่ลาออก เด้งสามเก็บอดีตหัวหน้าพรรคที่ทำหล่อแสดงสปิริตลาออกจาก ส.ส.ชุบตัวกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคนำทัพลงเลือกตั้งในสภาพที่มีกระสุนครบ และจ่อรอเป็นนายกฯถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ไหว หากนายอภิสิทธิ์ต้องการรับผิดชอบจริงจะต้องตัดขาดจากพรรค เล่นลิเกต้มประชาชนตามเคย
ทำนายอนาคตรัฐบาล 500 ไม่ยาก
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ดีเอ็นเอของ คสช.คือการยึดอำนาจรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่าง จับกุมคุมขังปรับทัศนคติส่งฟ้องศาลทหาร ทำร้ายร่างกายอย่างเหี้ยมโหด จัดทำรัฐธรรมนูญประชามติมัดมือชกอ้างประชาชนสนับสนุน รัฐบาลห้าร้อยเสียงเป็นการต่อเนื่องของ คสช.อย่างไม่อายฟ้าดิน องค์ประกอบของพรรคพลังประชารัฐได้จากการไปดูด มีสารพัดข้อแลกเปลี่ยนที่ฉาวโฉ่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักขับมือใหม่ แต่ขับเคลื่อนบริหารประเทศมา 5 ปี ผลสัมฤทธิ์ที่เห็นชัดๆคือ หนี้สาธารณะเพิ่มเกือบ 7 ล้านล้านบาท ช่องว่างคนรวยคนจนเลวร้ายที่สุดของโลก ทั้งหมดในอดีตของรัฐบาลห้าร้อยเสียง หรือรัฐบาล คสช.ทำนายอนาคตได้ไม่ยาก
“จิรายุ” เหน็บ ส.ว.สังคมเข้าใจแล้ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯของ ส.ว.ครบทุกคนชนิดไม่มีแตกแถวแม้แต่เสียงเดียว เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสภาสูงที่เป็นผู้มีคุณวุฒิวัยวุฒิ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าข่าวลือที่บอกว่า ส.ว.สั่งซ้ายหันขวาหันได้นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ โดยได้ยินข่าวว่าผู้มีอำนาจกำชับต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์สถานเดียว หากไม่เลือกมีโอกาสหลุดจากตำแหน่ง ตนถึงกล้าอภิปรายกลางสภาฯถ้ามี ส.ว.คนใดงดออกเสียง หรือไม่โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินไปกราบเท้าทันที ซึ่งไม่มีใครโหวตสวนเลย ผิดหวังที่ไม่ได้ไปกราบเท้าใครเลย ดังนั้นที่สังคมคลางแคลงว่า ส.ว.จะต้องเป็นกลางนั้นเชื่อว่าประชาชนเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
“หมวดเจี๊ยบ” จวกชนะไม่สง่างาม
ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เก้าอี้นายกฯที่ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วงชิงมาสะท้อนความบิดเบี้ยวทางการเมือง เป็นผลพวงจากการรัฐประหารไม่ขาวสะอาด ขาดความสง่างามเอาเปรียบคู่แข่งทุกประตู ไม่ให้เกียรติรัฐสภา อยากเป็นนายกฯ ไม่กล้ามาปรากฏตัวแสดงวิสัยทัศน์ ต่างจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ทำทุกวิถีทางขอเข้าไปยืนพูดในสภาฯ แต่กลับไม่ยอมให้เข้าไปเหยียบพื้นสภาฯ ต่อให้ได้ 500 เสียง แต่พูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นนายกฯ ของคนส่วนใหญ่เพราะครึ่งหนึ่งคือเสียง ส.ว.ที่เลือกมากับมือ ทุกคนยกมือเหมือนถูกฝังชิปลุกขึ้นปกป้องผู้มีอุปการคุณสุดชีวิต คอยแก้ตัวให้ทหารยึดอำนาจจึงไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นตัวแทนประชาชนต้องเรียกว่าตัวแทนของระบอบรัฐประหาร
“ธนกร” ท้า 7 พรรคสู้กันในสภาฯ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังรอรัฐบาลใหม่เข้าไปแก้ปัญหาต้องเร่งจัดตั้ง ครม. พรรคพลังประชารัฐให้เกียรติทุกพรรคที่จะมาร่วมงาน เชื่อว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะนำนโยบายต่างๆมาปฏิบัติทันทีเพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชน พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจจะเป็นพรรคการเมืองที่ยั่งยืน ทุกนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชนพรรคจะทำทันทีที่เป็นรัฐบาล ส่วน 7 พรรคที่โหวตให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่ดีคอยตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ สู้กันในสภาฯ ดีกว่าใช้วาทกรรมโจมตี พล.อ.ประยุทธ์
อนค.ตามสอย 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่อาคารรัฐสภาใหม่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ แถลงหลังเข้ายื่นคำร้องและรายชื่อเพิ่มเติมผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกรณี ส.ส.ถือหุ้นสื่อลักษณะเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่า ได้ยื่นรายชื่อเพิ่มเติมอีก 11 ราย จากที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.รวม 41 รายชื่อ หวังว่าสภาฯจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว หากศาลมีคำสั่งให้ ส.ส.ตามรายชื่อที่ยื่นไปหยุดปฏิบัติหน้าที่จะเกิดภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อยและเป็นอันตรายต่อการบริหารประเทศ
ยันมีหลักฐานคลิปเสียงล่องูเห่า
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร ส.ส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะยื่นให้ กกต.ตรวจสอบพรรคอนาคตใหม่กรณีแถลงข่าวว่ามีการซื้อตัวงูเห่า 120 ล้านบาทแต่ไม่แจ้งให้ กกต.สอบสวนว่า ยืนยันว่ามีการเสนอเงิน 120 ล้านจริง หลายคนมีหลักฐาน หากพรรคมีมติให้เปิดหลักฐานพร้อมที่จะเปิดเผย เช่น คลิปเสียง เป็นต้น เชื่อว่าเขาไม่ให้ 120 ล้านบาทแน่นอน เพียงแค่เสนอมา แล้วจะให้เพียง 10 ล้านแล้วหายไปเลย เงิน 120 ล้านบาทที่เสนอตนคิดว่าไม่ใช่เพียงการซื้อ 1 สิทธิ 1 โหวต แต่เป็นการซื้อความน่าเชื่อถือประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ และความน่าเชื่อถือของพรรค เพราะตนเป็น 26 คนแรกที่จดจัดตั้งพรรค ถ้าตนรับเท่ากับเจ๊งทั้งพรรค คนรุ่นใหม่ที่จะทำการเมืองต่อจะเจ๊งเช่นกัน
สนท.ร่อนแถลงการณ์ต้าน “บิ๊กตู่”
วันเดียวกัน สหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านเฟซบุ๊กของ สนท.ว่า สนท.เศร้าใจที่รัฐสภาลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกครั้งด้วยเสียง 500 ต่อ 244 คะแนน มีความไม่สง่างามเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ มีพฤติการณ์ล้มล้างรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบประชาธิปไตยจากรัฐประหาร ใช้อำนาจละเมิดสิทธิปิดกั้นเสรีภาพ ปล่อยปละให้มีการคุกคามนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เสียใจที่ ส.ว.มิได้ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยสากลโดยการงดออกเสียง และขอประณามพรรคการเมืองที่เคยให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจแต่กลับลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นการหักหลังไม่ให้เกียรติประชาชน สนท.จะยังร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ยินดีร่วมมือเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสกัดกั้นมิให้ พล.อ.ประยุทธ์และพวกสืบทอดอำนาจได้สำเร็จ
ส.ว.ตั้ง กก.ยกร่างข้อบังคับการประชุม
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายพรเพชรกล่าวขอบคุณสมาชิก ส.ว.ทั้ง 250 คน ในการทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.อย่างพร้อมเพรียง แม้จะใช้ระยะเวลายาวนาน จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาถึงการยกร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา โดยปรับปรุงข้อบังคับจากฉบับก่อนๆให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่จะต้องพิจารณา ซึ่งที่ประชุมได้ให้นายพรเพชรเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างข้อบังคับการประชุม จำนวน 20-25 คน เพื่อยกร่างข้อบังคับการประชุมให้เสร็จภายใน 15 วัน ว่าจะมีคณะกรรมาธิการชุดต่างๆจำนวนกี่ชุด แต่ละชุดจะมีกรรมาธิการกี่คน ส่วนจะประชุม ส.ว.ในวันใดนั้น ให้ไปหารือกับฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตกลงกันอีกครั้ง จากนั้นประธานได้สั่งปิดประชุมในเวลา 11.52 น.
สภาฯเคาะประชุมทุกพุธ–พฤหัสฯ
ต่อมาเวลา 13.30 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม มีวาระการพิจารณาเพื่อกำหนดวันและเวลาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีประชุมสภาฯ ทุกวันพุธ เวลา 13.30-21.00 น. และวันพฤหัสบดี เวลา 10.00-18.00 น. โดยมีสมาชิกอภิปรายสอบถามถึงเหตุผลในการกำหนดวันและเวลาดังกล่าว หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างหลากหลายและพักการประชุมไปคุยรายละเอียดกันนอกรอบแล้ว นายชวนได้แจ้งผลการหารือข้อสรุปเรื่องวันเวลาในการประชุมสภาฯว่า จะประชุม 2 วันต่อสัปดาห์ คือวันพุธ เวลา 13.00-21.00 น. และวันพฤหัสบดี เวลา 09.30-18.00 น. ส่วนการกำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญ ตามมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญนั้น ได้กำหนดการประชุมสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วันที่ 22 พ.ค.-18 ก.ย.62 รวม 120 วัน ปิดสมัยประชุม วันที่ 19 ก.ย.-31 ต.ค.62 รวม 43 วัน ขณะที่ประชุมสมัยสามัญ ประจำปีครั้งที่ 2 วันที่ 1 พ.ย.62-28 ก.พ.63 รวม 120 วัน ปิดสมัยประชุม วันที่ 29 ก.พ.-21 พ.ค.63
ย้ายเข้าประชุมรัฐสภาใหม่เดือน ก.ค.
ขณะเดียวกัน นายชวนได้แจ้งความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ว่า ยังใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ในปลายเดือน มิ.ย.นี้ ห้องประชุมจันทราที่ใช้ในการประชุม ส.ว.ที่มีความจุ 350 ที่นั่ง จะแล้วเสร็จ แต่เครื่องมือยังไม่พร้อมใช้งาน เบื้องต้นคงต้องเสริมที่นั่งเพิ่มอีก 150 ที่นั่ง เพื่อรองรับการประชุม ส.ส.จำนวน 500 คน อย่างไรก็ตาม ยังติดปัญหาเรื่องฝุ่นละอองต่างๆที่จะต้องไปตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง คาดว่ายังคงต้องใช้หอประชุมทีโอทีเป็นสถานที่ประชุมสภาฯชั่วคราวไปจนถึงอย่างน้อยช่วงหนึ่งของเดือน ก.ค. จากนั้นเมื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองต่างๆได้แล้ว จะไปใช้ห้องประชุมจันทราที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้ ส่วนห้องประชุมสุริยันที่ใช้ในการประชุม ส.ส.นั้น ใช้ได้ประมาณปลายปี 2562