ส่วน ‘ธนาธร’ ทําได้ 244 ‘เสรีพิศุทธ์’ แฉแหลก มีคนติดต่อซื้อ 300 ล้าน  พร้อมเป็นรองคุมตร. ดาวรุ่งแจ้งเกิดเพียบ! องครักษ์พิทักษ์ตู่เงิบ

ประชุมรัฐสภาเดือดโหวต “ประยุทธ์” นั่งนายกฯต่อ พท.-อนค. ถล่มปมคุณสมบัติ “ชลน่าน” ขย่ม “บิ๊กตู่” ขาดคุณสมบัติ 5 ข้อเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ-ฝืนจริยธรรมร้ายแรง รัฐประหารมาไม่ยึดมั่น ปชต.-ไม่ซื่อสัตย์สุจริตใช้อำนาจผ่าน รธน.และกฎหมาย-ใช้รัฐราชการฉุดอนาคตชาติล้มเหลว-ผลประโยชน์ขัดกันตั้ง ส.ว.มาเลือกตัวเอง “ชวลิต” งัดคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญมัดคอ จวกกินเงินเดือนหลวงจะเรียกอะไร “ประเสริฐ” อัดอิงแอบนายทุนใหญ่พาเข้าชี้แจงกลาง ครม. “ปิยบุตร” ฉะยึดประเทศฉีก รธน.ยังเสนอตัวเป็นนายกฯสืบทอดอำนาจ “สุทิน” ซัดลุแก่อำนาจใช้ ม.44 ปิดเหมืองทอง จองกฐินร้องชี้ขาดคุณสมบัติ “ธนาธร” โชว์วิชั่นนอกสภาฯ ท้ารบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ส.ว.-พปชร.ออกโรงโต้แทน “เสรี” ขุดอดีตเผาบ้านเผาเมืองตีกินจนประท้วงวุ่น “ปารีณา” เหน็บไม่มีงูเห่า มีแต่เด็กเลี้ยงแกะ “เสรีพิศุทธ์” แฉยับทุ่ม 300 ล้านตื๊อซื้อยกพรรค

การประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯอีกสมัย ดำเนินไปอย่างเข้มข้น สมาชิก ส.ส.พรรคฝ่ายประชาธิปไตยผนึกกำลังถล่มเน้นไปที่ประเด็นคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐและขาดจริยธรรม ไร้ความซื่อสัตย์สุจริตและเอื้อประโยชน์แก่นายทุน ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯอีก

...

ตร.รปภ.สุดเข้มโหวตเลือกนายกฯ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่หอประชุมใหญ่บริษัททีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า มีกองทัพสื่อมวลชนมารอเกาะติดสถานการณ์ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรัฐสภา ทั้งในเเละนอกเครื่องเเบบจัดเวรยามตรวจตราเข้มงวดภายในและภายนอกตัวอาคารตั้งแต่เวลา 06.00 น. ส่วนประตูทางเข้าออกตัวอาคารมีการคุ้มกันอย่างเเน่นหน้า ติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดทุกประตูทางเข้าและประตูทางเข้าห้องประชุมร่วม ส.ส. และ ส.ว.ด้วย

“ธนาธร” สแตนด์บายโชว์วิสัยทัศน์

ขณะที่บรรดา ส.ส.และ ส.ว.ต่างทยอยเดินทางมาถึงหอประชุมทีโอทีตั้งแต่ช่วงเช้า ท่ามกลางการ จับตาจากสื่อมวลชนว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเเสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภา ในฐานะเเคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ โดยนายธนาธรได้เดินทางมารออยู่ในห้องรับรอง เตรียมพร้อมขอเข้าร่วมการประชุมรัฐสภา หากเปิดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯก่อนลงมติ

“ภูมิธรรม” ลั่นการต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มาร่วมประชุมรัฐสภาน่าเสียดาย การจะเป็นผู้นำทำหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตย ต้องยอมรับการจะพูดคุยแสดงความเห็นว่าจะทำหน้าที่อย่างไร เป็นเรื่องที่ดีไม่ควรปฏิเสธสิ่งนี้ จะทำให้เกิดความไม่สง่างาม คาดว่าจะอภิปรายเสร็จสิ้นใน 10 ชั่วโมง ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐการเมืองยังต้องเดินไปข้างหน้า การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น ยังมีเวลาทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหาทางออกของวิกฤติประเทศ เพราะปัญหามีอยู่ วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะดูว่าจะมีทางคลี่คลายไปได้อย่างไรบ้าง ถ้าเลือกผู้นำได้เหมาะสมถูกต้อง จะนำพาประเทศออกจากวิกฤติได้

พปชร. ป้อง “บิ๊กตู่” อย่างไข่ในหิน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมทีมอภิปรายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ไว้แล้ว หากอภิปรายถึง พล.อ.ประยุทธ์ มีทีมงานเตรียมข้อมูลตอบโต้ไว้เป็นอย่างดี พรรคไม่ได้เตรียมให้ พล.อ.ประยุทธ์มาแสดงวิสัยทัศน์ กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการแสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันการโหวตนายกฯจะไม่มีงูเห่าจากพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคใด งูเห่าต้องถามพรรคอนาคตใหม่

ม็อบบุกต้านสืบทอดอำนาจ คสช.

ขณะที่หน้าบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สถานที่ประชุมสภาฯชั่วคราว มีมวลชนราว 30 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุรวมตัวชุมนุมแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. บางรายสวม หมวกกันน็อกอ้างป้องกันการถูกดักตีหัว หลังแกนนำกลุ่มต้าน คสช.ถูกลอบทำร้ายต่อเนื่อง โดยมีกำลังตำรวจกว่า 400 นาย กระจายรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ ตั้งแผงเหล็กบนฟุตปาท ไม่ให้กีดขวางทางเข้า-ออก ล้ำลงมาบนผิวจราจร คัดกรองผู้เข้า-ออกพื้นที่อย่างเข้มงวด ยังติดป้ายประกาศตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ห้ามชุมนุมรัศมี 50 เมตร รอบที่ประชุม ส่วนนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง ผู้นัดชุมนุมไม่ได้มาร่วมแต่โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงอ้างว่ามีตำรวจมาเยี่ยมที่บ้าน

“จ่านิว-เพนกวิน” จี้ ส.ว.งดโหวต

ต่อมาเวลา 10.20 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มต้าน คสช.เพิ่งถูกลอบทำร้ายร่างกายสวมสูทสีดำ เดินทางมาพร้อมพวก อาทินายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นศ.รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ขอผ่านเข้าไปยังสถานที่ประชุมรัฐสภาชั่วคราว เพื่อนำหนังสือเปิดผนึกพร้อมจดหมายจากประชาชน 5 พันรายเรียกร้องไม่ให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ที่อาคารตรงข้ามหอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยมี นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย รับหนังสือนำเสนอที่ประชุมรัฐสภาก่อนกลับมาแสดงละครล้อเลียนการทำร้ายร่างกายแกนนำนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

“ชวน” ลั่นเป็นกลางคุมสังเวียน

ต่อมาเวลา 09.00 น. ได้เริ่มเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งผู้รักษาการประธานองคมนตรีและพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาฯ และประธานและรองประธานวุฒิสภา พร้อมให้ 3 ส.ส.ใหม่ คือ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวปฏิญาณตนในการทำหน้าที่ ก่อนนายชวนจะกล่าวในที่ประชุมว่าจะวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้สมาชิกช่วยสร้างภาพที่ดีแก่สภาฯ จะให้โอกาสสมาชิกเต็มที่ในการอภิปราย แต่ขอให้ทุกคนยึดปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การอภิปรายมีประสิทธิภาพ อย่าแย่งกันพูด ถ้าประธานไม่อนุญาต อย่าเพิ่งพูด เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ทะเลาะกันในสภาฯ ส่วนการยื่นญัตติการขออภิปรายลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นมานั้น พิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้บรรจุเข้าสู่วาระการประชุม

“ปิยบุตร” ตื๊อซักฟอก “วิรัช” สกัดเกม

จากนั้นนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้ตรวจสอบลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเป็นนายกฯ ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครรับเลือกตั้ง การลงมติเลือกนายกฯ และหลังได้รับเลือกเป็นนายกฯแล้ว หากมีคุณสมบัติต้องห้าม อาจถูกส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ จึงต้องตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯให้ถูกต้องก่อนที่จะลงมติเลือกนายกฯ เพื่อให้รัฐธรรมนูญศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายแย้งว่าบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นนายกฯผ่านการตรวจสอบจาก กกต.และผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ขอให้ประธานสภาฯดำเนินการตามระเบียบวาระต่อไปได้ หลังจากที่ทุกคนได้อภิปรายครบถ้วนแล้ว นายชวนได้สั่งปิดการประชุมสภาฯ เพื่อเตรียมเข้าสู่การประชุมร่วมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯในเวลา 11.00 น.ต่อไป

ชงชื่อ “ประยุทธ์-ธนาธร” ชิงนายกฯ

ต่อมาเวลา 11.00 น. จึงเริ่มประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ร่วมทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หารือ ว่าการพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯตามบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญต้องเสนอชื่อบุคคลที่เป็นนายกฯให้ที่ประชุมสภาฯได้ตรวจสอบความถูกต้องคุณสมบัติก่อน ตามมาตรา 159 วรรค 2 หากไม่ตรวจสอบถือว่าไม่ถูกต้อง ประธาน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จากนั้นนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ขณะที่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกฯ

เด็ก อนค.ชงคู่ท้าชิงแสดงวิสัยทัศน์

จากนั้นที่ประชุมเริ่มเข้าสู่การอภิปราย โดยนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ เสนอญัตติขอให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม เพื่อให้ ส.ส.และประชาชนได้ทราบวิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถ ขณะที่ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นเสนอญัตติ ไม่ให้ต้องแสดงวิสัยทัศน์ โดยมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนว่า ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯทั้ง 2 คน เป็นบุคคลสาธารณะประชาชนรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์อีก นายชวนต้องพยายามไกล่เกลี่ยว่า อะไรเป็นเรื่องเล็กน้อยตกลงกันได้ ไม่ควรเสนอญัตติให้โหวตตัดสิน จะเสียเวลาการประชุมในที่สุดนายจิรวัฒน์ยอมถอนญัตติออกไป

พท.ชักแถวถล่มคุณสมบัติ “ลุงตู่”

จากนั้น ส.ส.เพื่อไทยหลายคนเปิดฉากอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญในการได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 5 ข้อได้แก่ 1.ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 106 (6) เรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.การมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมาจากการยึดอำนาจจากประชาชน ทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยบิดเบี้ยวจากกติการัฐธรรมนูญ 3.ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในการบังคับใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างมากมาย 4.วิธีคิดการบริหารราชการประเทศใช้รัฐราชการเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำให้อนาคตประเทศล้มเหลว สู่หายนะ 5.การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงในเรื่องที่มาของวุฒิสภา ที่นายกฯเป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว. เพื่อให้มาเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จึงไม่เห็นชอบที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ

ซัดกินเงินหลวงเป็น จนท.อื่นของรัฐ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดคำนิยามการเป็น เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐไว้ 4 ข้อคือ 1.ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย 2.ได้รับเงินเดือนซึ่งมีการกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา 3.มีอำนาจตำแหน่งหน้าที่และปฏิบัติงานเป็นประจำ 4.อยู่ในบังคับบัญชากำกับดูแลของรัฐ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในข่ายทั้ง 4 ข้อ จึงอยู่ในข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐชัดเจน แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่เป็นรัฏฐาธิปัตย์นั้น แต่คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นเพียงแค่ผู้ส่งความเห็นไปให้ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเท่านั้น ไม่ใช่องค์กรที่มีอำนาจชี้ขาด ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐฏาธิปัตย์ เพราะมีรัฐธรรมนูญแล้วอำนาจรัฐฏาธิปัตย์ย่อมหมดไป

ฉะไม่ยึดมั่น ปชต.ยึดอำนาจฉีก รธน.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องห้าม ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามมาตรา 160 (5) ข้อ 27 ที่เขียนไว้ว่าการไม่ทำตามหมวด 1 ถือว่าผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง อาทิ การไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช.ยึดอำนาจประเทศ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ตั้งตนเป็นรัฐฏาธิปัตย์ ปกครองประเทศโดยใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. โดยเฉพาะการใช้คำสั่งมาตรา 44 โดยไม่มีวันขัดรัฐธรรมนูญเหมือน พ.ร.บ.ทั่วไป แสดงว่าไม่ยึดมั่นธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย และเมื่อมีการเลือกตั้งยังเสนอตัวเป็นนายกฯ แสดงให้เห็นว่ามีพฤติกรรมสืบทอดอำนาจ โดยใช้กลไกรัฐธรรมนูญปี 60 จึงต้องช่วยกันหยุดยั้งกระบวนการสืบทอดอำนาจที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 และกำลังจะเข้าเส้นชัยในวันนี้

โต้เดือด “เสรี” ตีกินเผาบ้านเผาเมือง

ต่อมาเวลา 14.00 น. เริ่มเกิดเหตุตีรวนในการประชุม หลังจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ระหว่างที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯและชี้แจงว่า ส.ว.มีอิสระในการทำหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนใคร เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ เพื่อหยุดยั้งการชุมนุมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีการเผาบ้านเผาเมือง ทำให้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ประท้วงตอบโต้ว่า “อย่าตีกินใช้ความเก๋ามารับใช้อำนาจที่ท่านชอบ ทนายความที่ดีจะไม่ทำอย่างนี้” จนเกิดการปะทะคารมกันไปมา โดยนายเสรีพยายามอภิปรายต่อ กินเวลานานกว่า 20 นาที ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยหลายคนไม่พอใจลุกขึ้นประท้วง ขอให้นายพรเพชรจำกัดเวลาให้เท่าเทียมไม่ให้สิทธิพิเศษ แต่นายเสรียังคงอภิปรายต่อเนื่องระบุว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ดูมีข้อด่างพร้อยมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์และมีคดีติดตัวหลายเรื่อง ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยพากันประท้วงอีกรอบ และมีการโต้เถียงกันไปมาเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย ก่อนที่นายพรเพชรจะตัดบทให้นายเสรีหยุดการอภิปราย

จองกฐินยื่นศาล รธน.ชี้ขาดคุณสมบัติ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ เพราะไม่ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ และมาตรฐานทางจริยธรรม ลุแก่อำนาจใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราโดยไม่สอบสวนตามกระบวนการนิติธรรม ทำให้บริษัทต่างชาตินำเรื่องไปฟ้องอนุญาโตตุลาการระหว่าง ประเทศ ทราบว่ามีการจัดงบ 600 ล้านบาทเพื่อสู้คดีนี้ ถ้าแพ้รัฐบาลไทยต้องชดใช้ค่าเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท ฟังจากนักกฎหมายพูดตรงกันว่ารัฐบาลแพ้ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะใช้อำนาจมาตรา 44 ที่ทั่วโลกไม่ยอมรับไปปิดเหมือง กรณีนี้ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่รักษาผลประโยชน์ประเทศ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประเทศไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายไปชั่วลูกชั่วหลาน พรรคเพื่อไทยขอจองกฐินกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องคุณสมบัติ จะต้องยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน

“ระวี” ชงปิดอภิปราย “จิรายุ” ไล่ส่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาอภิปรายมานานกว่า 5 ชั่วโมง นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ลุกขึ้นเสนอญัตติให้ปิดการอภิปราย เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เพราะใช้เวลาอภิปรายมายาวนานพอสมควรแล้ว ทำให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ไม่พอใจสวนกลับว่า เพิ่งอภิปรายมาแค่ 4 ชั่วโมงกว่าๆ อย่ามาปิดกั้นการอภิปราย อย่างน้อยต้องขอ 10 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ใครทนฟังไม่ได้ให้ออกไปนอกห้อง ทั้งนี้ นายพรเพชร ไกล่เกลี่ยขอให้อภิปรายต่ออีก 2 ชั่วโมง แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ ทำให้ นพ.ระวียอมถอนญัตติปิดอภิปราย ขณะที่นายชวน หลีกภัย ที่ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแทนนายพรเพชรเพราะเห็นว่าเริ่มมีการ ตีรวนถี่ขึ้นเรื่อยๆ ได้ขอให้สมาชิกอภิปรายอยู่ในประเด็น ไม่ซ้ำซ้อน

พท.ซัดรัฐบาล คสช.อิงแอบกลุ่มทุน

กระทั่งเวลา 16.00 น. ที่ประชุมรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาประเด็นคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯต่อเนื่อง โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าความสุจริตของรัฐบาลประยุทธ์ตลอด 5 ปี สร้างภาพลวงตาว่าโปร่งใส แต่ปากว่าตาขยิบ ขาดการตรวจสอบหลายประเด็น อาทิ นาฬิกาหรู อุทยานราชภักดิ์และ พล.อ.ประยุทธ์ยังสนิทสนมกับกลุ่มนายทุนใหญ่ของประเทศบางกลุ่มเป็นพิเศษ กลุ่มทุนเหล่านั้นมีบทบาทอย่างสูงในรัฐบาล คสช. เคยอนุญาตให้นักธุรกิจรายใหญ่แห่งหนึ่งเข้าไปชี้แจงบางเรื่องในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ธรรมเนียมปฏิบัติไม่เคยมี พล.อ.ประยุทธ์จึงขาดคุณสมบัติเรื่องซื่อสัตย์สุจริต ขาดจริยธรรม ไม่มีความเหมาะสมจะเป็นนายกฯ

จี้ถาม “บิ๊กตู่” สมคบคิดใครยึดอำนาจ

ต่อมานายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.ลุกขึ้นอภิปรายชักเเม่น้ำทั้ง 5 มาปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ โดยได้กล่าวอ้างสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องเข้ามายึดอำนาจ ทำให้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นอภิปรายสวนนายคำนูณว่า หากมองว่าถ้าการกระทำการยึดอำนาจ มีคุณูปการต่อประเทศ อยากจะถามว่าแล้วใครสมคบกับ พล.อ.ประยุทธ์ในการยึดอำนาจ จนนายชวนต้องตัดบทให้จบประเด็นก่อนบานปลาย

“สุริยะ” ลุกป้องลุงตู่ผลงานอื้อ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ อภิปรายชี้เเจงกรณีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย พาดพิงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจมาตรา 44 ปิดเหมืองทองอัครา จนถูกเรียกค่าเสียหายสี่หมื่นล้านบาทว่าไม่เป็นความจริง ในฐานะเคยกำกับดูเเลกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่าตัวเลขที่บริษัทอัคราฟ้องเรียกค่าเสียหาย เเค่สามพันล้านบาท ที่บอกว่ารัฐบาล คสช.จะเเพ้คดีร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เป็นความจริง เงื่อนไขให้สัมปทานบริษัทต้องรักษาสภาพแวดล้อม ไม่ให้มีสารปนเปื้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ เเต่ที่ผ่านมาไม่ดูแลเรื่องนี้จริงจัง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบมากมาย จน พล.อ.ประยุทธ์ต้องสั่งปิด เมื่อบริษัททำผิดเงื่อนไขสำคัญจึงมั่นใจว่ารัฐบาลจะชนะคดีนี้ ส่วนการโหวตเลือกนายกฯ ขอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีผลงานชัดเจน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม สร้างรถไฟฟ้า 400 กิโลเมตร 30 กว่าปีที่ผ่านมา สร้างรถไฟฟ้าได้แค่ 120 กิโลเมตร เเต่ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ 5 ปีสร้างไปเกือบ 200 กิโลเมตร กำลังจะสร้างเพิ่มเป็น 400 กิโลเมตร นี่คือผลงานที่เป็นรูปธรรม

“พรเพชร” บีบลงมติโหวต 20.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนกระทั่งเวลา 18.30 น.นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ลุกขึ้นให้ที่ประชุมปิดอภิปรายอีกครั้ง หลังอภิปรายกันมา 6 ชั่วโมงครึ่ง ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานที่ประชุมขอหารือต่อที่ประชุมซึ่งยังมีสมาชิกอีก 15 คนยังไม่ได้อภิปราย โดยพรรคเพื่อไทยแจ้งว่าขอตัดสมาชิกฝ่ายเพื่อไทยให้เหลือผู้อภิปราย 5 คน ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ขณะที่พรรคพลังประชารัฐแจ้งว่าเหลือผู้อภิปราย 4 คน ขอเวลา 40 นาที และ ส.ว. 2 คนขอเวลา 20 นาที จะใช้เวลาอภิปรายอีก 2 ชั่วโมง ดังนั้น นายพรเพชรจึงแจ้งต่อที่ประชุมว่าจะสามารถลงมติโหวตเลือกนายกฯได้ในเวลา 20.30 น. พร้อมกำชับให้สมาชิกอภิปรายอยู่ในประเด็น

“ปารีณา” โวยเด็กเลี้ยงแกะปูดซื้องูเห่า

จากนั้นนางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ หากเป็นจริงคงไม่มีการเลือกตั้ง ส่วนที่บางพรรคตั้งโต๊ะแถลงว่ามีการซื้องูเห่า 120 ล้านบาท ยืนยันไม่เป็นความจริง วันนี้ไม่มีงูเห่ามีแต่เด็กเลี้ยงแกะ ทำให้นายคารม พลพรกลาง และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงขอให้ถอนคำพูดแต่นางปารีณาไม่ยอมถอนระบุไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และบอกต่อไปว่า “มีแต่คนกินปูนร้อนท้อง” นายคารมจึงบอกว่าหากไม่ถอนคำพูด ขอให้บันทึกการประชุมไว้เป็นหลักฐานว่านางปารีณาไม่ยอมถอนคำพูด ก่อนจะดำเนินการประชุมต่อไป

นายจุลพันธ์ อมรวิวันน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากมี ส.ว.คนใดยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ถือว่าความผิดสมบูรณ์ แม้จะไม่มีอำนาจถอดถอน ส.ว.ได้ แต่สังคมจะจองกฐิน โดยจะรวบรวมรายชื่อ เพื่อดำเนินการตามอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้

“เสรีพิศุทธ์” แฉทุ่ม 300 ล้านซื้อไม่อั้น

ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ได้อภิปรายโจมตีรัฐบาลหลายเรื่อง อาทิ กรณีแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน การขุดลอกคูคลองขององค์การทหารผ่านศึก การตั้งบริษัทในค่ายทหารของลูกชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยังระบุว่า ได้รับการเสนอเงิน 300 ล้านบาท พร้อมตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แลกกับการนำ 10 ส.ส.เสรีรวมไทยไปร่วมรัฐบาล เมื่อปฏิเสธก็ยังตามตื๊อ พยายามเสนอเพิ่มเงินให้เป็นเท่าไหร่ก็ได้ พฤติการณ์เหล่านี้อย่าว่าแต่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ แม้แต่เป็นยามที่บ้านตนก็ไม่เอา เพราะกลัวคนมาด่าเต็มไปหมด

“ปรีชา” แจงลูกตั้งบริษัทในค่าย

ด้าน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ส.ว.ขอใช้สิทธิถูกพาดพิงกรณีการที่บุตรชายตั้งบริษัทในค่ายทหารว่า สมัยที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พักอาศัยอยู่ในค่ายทหารเพราะไม่มีบ้านพักอยู่ภายนอก เมื่อลูกชายตั้งบริษัทตามกฎหมายที่ระบุว่าต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เมื่อลูกชายอาศัยอยู่กับตนจึงจำเป็นต้องใช้ที่อยู่บ้านพักในค่ายทหาร แต่ไม่ได้มีส่วนสนับสนุนใดๆ

“ธนาธร” โชว์วิสัยทัศน์นอกสภาฯ

อีกด้านเมื่อเวลา 13.00 น. ภายหลัง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ถอนญัตติให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกฯ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า น่าเสียดายที่อดแสดงวิสัยทัศน์ จึงขอสื่อสารวิสัยทัศน์ไปยังคนไทย ทุกคน หากอยากให้สังคมไทยเป็นของคนกลุ่มเดียวในสังคมมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย โดยไม่ยึดหลักความชอบธรรมใดคงไม่ต้องฟัง แต่ใครอยากเห็นสังคมไทยที่เป็นของคนทุกคน เคารพเสียงประชาชน คนไทยสามารถยืดอกอย่างสง่างาม คิดฝันเหมือนตน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พร้อมเป็นนายกฯเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของประชาชนไทย ตนจะเป็นนายกฯแห่งความจริง เราจำเป็นต้องมองประเทศไทยที่เรารักด้วยสายตาแห่งความเป็นจริง ผู้นำต้องรู้เท่าทันยุคสมัยเท่าทันโลก ประเทศไทยต้องวางตำแหน่งแห่งที่ให้เหมาะสม

ประกาศภารกิจชีวิตสู้รบวิกฤติ ศก.

นายธนาธรกล่าวว่า ตนจะเป็นนายกฯแห่งความเปลี่ยนแปลง ต้องการชนปัญหาที่ต้นตอ ต้อง กล้าฝันกล้าเปลี่ยน สังคมไทยผ่านวิกฤติมามากมายคราวนี้ไม่ใช่สงครามรบกัน แต่เป็นปัญหาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ เหมือนกบที่กำลังถูกต้มในน้ำที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆกว่าจะรู้ว่าโลกเปลี่ยนอาจสายไปเสียแล้ว แม้น้ำจะยังไม่เดือด แต่ถือว่าร้อนขึ้นทุกขณะ การแก้ปัญหาไม่อาจสำเร็จเพียงข้ามคืนหรือเพียงคนคนเดียว แต่ต้องทำงานเป็นทีมและเป็นระบบ ตนจะเป็นนายกฯที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า นี่คือภารกิจของชีวิตตนและ ส.ส.ทุกคนที่มีความฝันเหมือนตน เรากำลังโดนประเทศที่เริ่มต้นพัฒนาใกล้เคียงกับเราแซงหน้าไปทีละประเทศ และขอยืนยันหลักการประชาธิปไตยอย่างแน่วแน่อีกครั้งว่า จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านระบอบรัฐสภา ใช้กลไกที่ยึดโยงกับประชาชน มีการตรวจสอบถ่วงดุลยึดมั่นในระบบนิติรัฐและมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ควบคู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง

“ช่อ” ไม่ติดใจโดนแซะชุดไม่เหมาะ

น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณี พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว.โพสต์อินสตาแกรมตำหนิแต่งกายไม่เหมาะสมเข้าประชุมรัฐสภาเนื่องจากอยู่ ในช่วงไว้ทุกข์ว่า ชุดที่แต่งเป็นแจ็กเกตสูทโทนสีขาว-ดำ “แบรนด์โพเอม (POEM) คอลเลกชัน Black & White OMBRE” ไม่ใช่ชุดที่ไม่สุภาพเพราะเข้าใจว่าการแต่งกายที่ถูกกาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญ อาจเป็นไปได้ว่าเห็นจากทีวีหรือสื่อโซเชียลมีเดียทำให้สีเพี้ยนเป็นสีน้ำเงิน เมื่อเช้าเจอคุณหญิงที่โรงอาหารสภาฯก็เห็นชัดเจนว่าเป็นชุดโทนสีขาว-ดำ แปลกใจทำไมถึงหยิบยกเรื่องนี้มาพูด แต่ไม่ติดใจสาระสำคัญอยู่ที่การโหวตนายกฯ ไม่ใช่จะใส่ชุดอะไรมาโหวต

“บิ๊กตู่” เข้าทำเนียบฯเกาะติดรัฐสภา

สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ ยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ เมื่อเวลา 09.30 น. นายกฯ เป็นประธานพิธีเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2562 ที่ห้องวายุภักษ์แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพ ก่อนเริ่มงานนายกฯได้เยี่ยมชมบูธแสดงผลงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นขึ้นมอบรางวัลแก่หน่วยงาน ผู้ปฏิบัติและกลุ่มผู้ปฏิบัติงานผลงานดีเด่น พร้อมอบนโยบายให้สานต่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้น

ทำหน้านิ่งโบกมือก่อนกลับบ้าน

หลังเสร็จสิ้นงาน ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงความรู้สึก พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามเพียงแต่ยิ้มแล้วยกมือขวาทาบไปที่อกข้างซ้ายตรงหัวใจ แล้วชี้ไปที่งานกล่าวสั้นๆว่า “แก้ปัญหาค้ามนุษย์อยู่ที่ใจ” จากนั้นกลับเข้าทำเนียบฯ เก็บตัวเงียบบนห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า ไม่มีภารกิจ ไม่มีใครเข้าพบ ใช้เวลาติดตามบรรยากาศการประชุมรัฐสภา กระทั่งเวลา 16.40 น. ถึงเดินลงมาขึ้นรถกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเรียบเฉยหันมาโบกมือให้นักข่าวที่ดักรออยู่ข้างทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ส่วนวันที่ 6 มิ.ย.เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ตึกภักดีบดินทร์

“บิ๊กป้อม” ชี้ไร้ม็อบต้านงัดผลงาน รบ. สู้

ที่กรมประมง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา ไม่ห่วงอะไรคงไม่มีความวุ่นวาย ส่วนที่มีการเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ชิงตำแหน่งนายกฯ เมื่อเสนอมาแล้วก็ว่าไปตามนั้นเป็นเรื่องของสภาฯ การอภิปรายคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ และที่มา ส.ว. ไม่มีความชอบธรรมในการโหวตนายกฯก็เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ อยากให้ดูผลงานรัฐบาล การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายก็ได้ใบเขียว การค้ามนุษย์ได้เทียร์ 2 การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนปลดธงแดงได้ การแก้ไขปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ดีขึ้นตามลำดับ เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมที่สุดแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า แล้วคุณคิดว่าเป็นใคร ยืนยันว่าไม่มีม็อบต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ หากได้เป็นนายกฯอีกสมัย จากการประเมินข่าวมีเพียงบางกลุ่มไม่น่าห่วงอะไร และไม่ใช่คนรุ่นใหม่

พปชร. ยื้อล้มดีลแรกได้นายกฯค่อยคุย

สำหรับความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาล แม้พรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐแล้วแต่การแบ่งโควตาเก้าอี้รัฐมนตรียังไม่จบ โดยแกนนำพลังประชารัฐยังยืนกรานล้มดีลแรกไปทั้งหมดไม่ว่าได้เจรจาผ่านใคร แล้วยึดตามรัฐธรรมนูญ นำข้อเสนอทั้งหมดทุกพรรคหารือบนโต๊ะที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและเพื่อเกลี่ยใหม่ จากนั้นให้นายกฯเป็นคนเคาะ ทุกอย่างจะให้ไปว่ากันหลังทราบคะแนนเสียงโหวตนายกฯที่แน่ชัดของแต่ละพรรค เพื่อความมั่นใจและลดอำนาจต่อรองลง เมื่อกุมอำนาจฝ่ายบริหารไว้แล้วและเพื่อป้องกันเสี่ยงถูกร้องยุบพรรคกรณีปล่อยคนนอกครอบงำพรรคจากการตั้ง ครม.

ดิ้นไม่เลิกทึ้งเก้าอี้ รมว.เกษตร-รมว.พาณิชย์-รมว.คมนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แกนนำ พปชร.ยังพยายามทวงเก้าอี้ รมว.คมนาคม รมว.พาณิชย์และ รมว.เกษตรฯ หลังจากผู้มีอำนาจดีลรอบแรกจบยกให้ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยยื่นเงื่อนไขขอเปลี่ยนกระทรวง อาทิ ขอแลก รมว.พาณิชย์กับ รมว.ศึกษาธิการ แลก รมว.พลังงานกับ รมว.คมนาคม ขณะเดียวกันกลุ่มก๊วนต่างๆใน พปชร.พยายามรวมเสียง ส.ส.เพื่อต่อรองขอรัฐมนตรีที่เหมาะสมด้วย ขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย วิ่งเข้าหาผู้ใหญ่นอกพรรคขอยืนยันโควตาดีลเดิมไว้ทั้งหมด

ปชป.แบ่งว่าที่ รมต.รายภาค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ถึงความคืบหน้าของการพิจารณาคัดเลือกบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามโควตาที่ได้รับการจัดสรรหลังร่วมรัฐบาลและโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัยว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาโควตาตามรายภาคทั้ง 5 ภาค โดยต้องพิจารณาจำนวน ส.ส.เขตที่ได้เป็นหลัก ยกเว้นพิเศษ 2 ตำแหน่ง สำหรับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค โดยโควตาพรรคได้ 8 ตำแหน่ง 7 คน ตามดีลที่ตกลงไว้กับผู้มีอำนาจนอกพรรคพลังประชารัฐ จึงเหลือ 5 ตำแหน่ง จะคิดสัดส่วน ส.ส.เขต 7 คนต่อ 1 ตำแหน่ง ภาคใต้มี ส.ส.22 คนได้ 3 ตำแหน่ง ภาคกลางมี ส.ส. 8 คนได้ 1 ตำแหน่ง ภาคเหนือและอีสานมี ส.ส. 3 คน ได้ 1 ตำแหน่ง จะนัดหารือวางตัวบุคคลที่เหมาะสมอีกครั้ง

ศาล ปค.ตีตกคำอุทธรณ์ “เรืองไกร”

เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคดีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำร้องที่ฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้เพิกถอนมติ กกต.ที่วินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปิดช่องทางสื่อสารกับสาธารณชนในรูปแบบ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ ไม่อาจถือว่าเข้าข่ายการเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนใดๆอันจะเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การมีมติไม่รับพิจารณากรณีตามหนังสือของผู้ฟ้องคดีของ กกต.เป็นการใช้อำนาจที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญ และข้อพิพาทนี้ไม่ใช่คดีปกครอง ที่อยู่ในอำนาจพิพากษาของศาลปกครอง จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

ยื่นสอบ “บิ๊กตู่” ตั้ง ส.ว.สำรองไม่ครบ

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งความเห็นและส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณากรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.แต่งตั้ง ส.ว.สำรองไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 269 (ค) อันถือได้ว่าเป็น กฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่า การประกาศรายชื่อสำรอง ส.ว.ไม่ครบ 100 คน ชอบด้วยกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

ส.ว.หนุนเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

ช่วงค่ำ บรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ต่างฝ่ายสลับกันอภิปรายทั้งคัดค้านและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเวลา 20.30น. นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายว่า ขอยืนยันว่า ส.ว.มาจากประชาชนและตามรัฐธรรมนูญ ส่วนคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ต้องบอกว่าดีกว่าเเคนดิเดตอีกคนหนึ่ง เพราะมาจากประชาชนมากที่สุด เมื่อรวมตัวเลขที่พรรคการเมืองจะยกมือสนับสนุนและขณะนี้ไม่ได้เอาปืน ไม่ได้เอาทหารมาจี้หัวเหมือนรัฐประหาร และหากพูดเรื่องจริยธรรมไม่มีคดีค้างอยู่ในศาล แต่อีกคนมีคดีค้างอยู่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงมีประสบการณ์เหนือกว่า สร้างบ้านเเปลงเมืองได้ ไม่มีประวัติความไม่น่าไว้วางใจในความสุจริต ไม่ซุกหุ้น จึงบอกได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ดีกว่าแน่นอน

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ถือว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาปฏิรูปประเทศเพราะต้องการคนที่เข้าใจ ผ่านการขับเคลื่อนงานมาพอสมควร ถ้าต้องการให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านความสามัคคีปรองดอง ลดความเหลื่อมล้ำ ต้องการคนแบบ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองเกิดความชัดเจน

จากนั้นสมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายกันต่อ จนถึงคิวนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้สรุปอภิปรายเป็นคนสุดท้าย ก่อนประธานเปิดให้โหวตลงมติด้วยวิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผยขานชื่อเป็นรายบุคคล

ปิดจ๊อบขานชื่อโหวตเปิดเผย

จากนั้นเวลา 21.30 น.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายปิดท้ายว่า เสียดายเวลา 5 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมา อุตส่าห์ให้อาจารย์บางคนไปร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ให้เขาผ่าน เพราะอยากอยู่ยาว อยากบอกว่า ส.ว.คนใดที่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหมาะสม สามารถลงมติงดออกเสียงได้และขอให้ประธานที่ประชุมวินิจฉัยว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯทั้งสองคน เป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนที่จะลงมติหากไม่วินิจฉัยก่อน สภาฯแห่งนี้ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะยังไม่รู้ว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว นายชวน หลีกภัย ประธานที่ประชุมได้สั่งปิดการอภิปราย หลังจากใช้เวลาอภิปรายมายาวนานเป็นเวลา 10 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนประธานที่ประชุมเปิดให้โหวตลงมติด้วยการขานชื่อลงคะแนนโดยเปิดเผยเป็นรายบุคคล

“ประยุทธ์” ได้ 500 เสียงลิ่วนั่งนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดหลังสมาชิกรัฐสภาได้ลงคะแนนจนครบ ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐได้รับ 500 คะแนนชนะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ 244 คะแนน งดออกเสียง 3 คน คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาและนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯต่อไปอีกสมัยหนึ่ง