“เสรีพิศุทธ์” ยัน พร้อมยกมือหนุน ”อนุทิน-มาร์ค” นั่งนายกฯ ลั่น ไม่เอาสักตำแหน่ง เชื่อพรรคเพื่อไทยจะยอมยกตำแหน่งนายกฯ ให้กับคนทั้ง 2 ยินดีเป็นตัวกลางประสานพูดคุย
วันที่ 13 พ.ค. พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำสมาชิก ส.ส.ของพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมารับเอกสารรับรองการเป็น ส.ส. พร้อมกล่าวชี้แจงว่า พรรคเสรีรวมไทยได้ ส.ส. 10 คน ซึ่งถือเป็นพรรคเล็ก แต่ก็เข้าร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย จึงขอเชิญชวนพรรคที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถ้าหากทั้งสองพรรคมาร่วมพรรคฝ่ายประชาธิปไตย มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะยกตำแหน่งสำคัญให้ทั้งสองพรรค และหากนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์อยากเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเสรีรวมไทยก็พร้อมสนับสนุน หรือไม่ก็เอาตำแหน่งของตนเองไปเลย
“กูไม่เอาสักตำแหน่ง และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะยอม ซึ่งตนเองจะเป็นตัวกลางในการเดินหน้าประสานงานพูดคุยให้ทั้งสองพรรคมาร่วมฝ่ายประชาธิปไตย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ยังขอให้ กกต. นับคะแนนใหม่ทั้งประเทศ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 จังหวัดนครปฐม เนื่องจากเห็นว่าการนับคะแนนของ กกต. ไม่มีความรอบคอบ นับใหม่ก็มีคะแนนไม่ตรงกัน นอกจากนี้ ยังของให้ยกเลิกมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่สั่งให้นายณัฑฐภณ ฉิมอินทร์ ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคขาดคุณสมบัติด้วย เนื่องจากเคยถูกให้พ้นจากราชการ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริต หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งที่คดีดังกล่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้องแล้ว และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ยังไม่ถึงที่สุด จึงไม่เป็นธรรมกับผู้สมัคร และพรรคเสรรวมไทย จึงส่งผลให้คะแนนรวมของพรรคลดลง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อหายไป 1 คน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม พร้อมไม่เห็นด้วยกับการที่ กกต. ให้ ส.ส. กับพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ย
...
นอกจากนี้ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ยังเดินทางมายื่นเอกสารขอคัดลอกสำเนา กรณีที่ตนเองถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครเป็น ส.ส. เนื่องจากเคยถูกให้พ้นจากราชการ เนื่องจากไม่มั่นใจว่ามีผู้มาร้องเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ หากจริงก็จะใช้สิทธิ์นำเสนอข่าวโต้กลับ และดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตนเองไม่กังวลในกรณีดังกล่าว เนื่องจากว่าการถูกพ้นจากราชการนั้น เกิดจากการถูกกลั่นแกล้ง และเมื่อสอบสวนไปแล้วตนเองไม่มีความผิดจริง ก็ได้กลับเข้าสู่ราชการ คำสั่งต่างๆ ก็ถือว่ายกเลิกหมด.