วงเสวนา ประเมินหลัง กกต.รับรอง ส.ส. "พลังประชารัฐ" มีโอกาสสูงตั้งรัฐบาล ฟันธงอยู่ได้ไม่นาน ทำงานในสภาลำบาก เผชิญข้อท้าทายหลายอย่าง "บิ๊กตู่" ตกเป็นเป้าฝ่ายค้านรุมถล่ม ชงข้อเสนอใช้ระบบรัฐสภา หาทางออก...
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และคณะกรรมการญาติพฤษภา 35 จัดงานเสวนาภาคประชาชน ในหัวข้อ "แสงสว่างการเมืองไทย ทางเลือกประชาชน ยุคเปลี่ยนผ่านเผด็จการสู่ประชาธิปไตย" โดยมีนักวิชาการและตัวแทนภาคประชาสังคม ร่วมประเมินสถานการณ์การเมือง หลังกกต. รับรอง ส.ส. และกำลังเข้าสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมมีข้อสรุปร่วมกันว่า การแก้ไขปัญหาทางการเมืองนับจากนี้ ควรแก้ไขตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและใช้ระบบรัฐสภาเพื่อหาทางออก
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดการเสวนา ว่า จากวิธีคิดคำนวณคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา หากพรรคการเมืองรู้สึกว่ากระทบสิทธิ์ สามารถร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้เบื้องต้นหลายฝ่ายมองว่าพรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสสูงที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องเผชิญข้อท้าทายหลายอย่าง และไม่มีมาตรา 44 เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา
...
ขณะที่ นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนและไม่แน่นอนสูง เพราะการเมืองอยู่ในภาวะปรับเปลี่ยนดุลภาพ ทั้งการแข่งขันทางอำนาจระหว่างขั้วการเมืองเก่าและใหม่ ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่สะสมมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และความเปราะบางของระบบรัฐสภา ด้วยเงื่อนไขรัฐธรรมนูญอาจทำให้รัฐบาลที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ได้ไม่นาน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ระบบการเมืองเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่แล้ว แต่คาดการณ์ต่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ จะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากผลการเลือกตั้งเสียงฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำ อาจทำให้รัฐบาลที่เกิดขึ้นนับจากนี้ต้องเผชิญข้อท้าทายหลายด้าน แม้จะตั้งรัฐบาลได้ แต่ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้ยาก เนื่องจากเสียงฝ่ายรัฐบาลขาดคะแนนเสียงสนับสนุนหากนำเสนอนโยบายในรัฐสภา ซึ่งการทำงานในสภาจะลำบาก และตัวพลเอกประยุทธ์ จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายถึงผลงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า หากพลเอกประยุทธ์ ได้สืบทอดอำนาจ อาจอยู่ได้ไม่นาน หรือเพียง 3 เดือนเท่านั้น เพราะคนไทยผิดหวังในผลงานตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตรวจสอบ แม้ไม่มีมาตรา 44 แล้ว ยังมีเครือข่ายทหารในรัฐสภาและมีคนพร้อมทำหน้าที่แทน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออกใช้สิทธิ์ของตนเองตรวจสอบเรียกร้องความถูกต้อง ซึ่งจะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยได้
นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กล่าวสะท้อนความเห็นในมุมภาคประชาสังคม ที่คาดหวังให้แก้ไขเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมากลับไม่ได้รับการแก้ไข เพราะผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์แก่ทุนขนาดใหญ่ แต่มีโอกาสสูงที่รัฐบาลชุดใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน อย่างน้อยก็คาดหวังให้รัฐบาลแก้ไขกติกาและวิธีการที่ไม่เป็นธรรม และให้โอกาสประชาชนได้เลือกตั้งใหม่.