นับใหม่ที่‘นครปฐม’ อนค.พลิกชนะปชป. เรืองไกรบี้สอบกกต. กล่าวหาเลือกปฏิบัติ หึ่ง‘เพื่อชาติ’โดนดูด

“ธนาธร” นำทีมอนาคตใหม่ร่วมลุ้นนับคะแนนใหม่เขต 1 นครปฐม งัด พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯขอดูคะแนนทั่วประเทศ เชิญ “ศรีสุวรรณ” คุ้ยข้อมูลการใช้มือถือเต็มที่ ดีแทค-กสทช.ยันต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวก่อน “ศรีสุวรรณ” ลุยต่อจ่อสอย 11 ผู้สมัคร-ว่าที่ ส.ส.อนาคตใหม่ถือหุ้นสื่อ “เรืองไกร” ย้อนเกล็ดส่งผู้ตรวจฯสอบ กกต.เลือกปฏิบัติ “สมศักดิ์” โต้แหลกไม่มีหุ้นสื่อ อ้างอาจเป็นคนชื่อ-นามสกุลซ้ำกันก็ได้ เพื่อชาติให้ประชาชนจับตารอดู กกต.ติดคุก “อดุลย์” ขวางรัฐป้อนอ้อยเข้าปากโฮปเวลล์ “จรุงวิทย์” ชง 3 สูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของ “กรธ.-สมชัย-โคทม” ให้ กกต.เคาะ สะพัดเปิดท่อดูดงูเห่าเพื่อชาติ-ประชาชาติ

คดีความทางการเมืองที่แต่ละฝ่ายยื่นร้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หวังเอาผิดพรรค การเมือง และนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ยังคงโรมรันพันตูกันอยู่ ล่าสุดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เตรียมยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ฐานเลือกปฏิบัติเฉพาะบางฝ่าย

กกต.แบ่งสายตรวจการเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 เม.ย. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ และนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงพื้นที่ตรวจการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 2 ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 9 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยมีชาวบ้านเดินทางลงคะแนนอย่างคึกคัก สำหรับหน่วยเลือกตั้งที่ 9 มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,203 คน นายสันทัดกล่าวว่า ประชาชนตื่นตัวมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก การเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี

...

ขณะที่นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กกต. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แยกไปตรวจและติดตามการนับคะแนนใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครปฐม ที่อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสนามจันทร์

นับคะแนนคลาดเคลื่อนเรื่องปกติ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการนับคะแนนใหม่ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครปฐม ว่า มีอยู่ 245 หน่วย จัดชุดนับคะแนนเป็น 61 จุด การสั่งให้นับคะแนนใหม่ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบของ กกต. หากผลการนับคะแนนครั้งนี้ไม่ตรงกับผลการนับคะแนนเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะการพิจารณาบัตรเป็นดุลพินิจของกรรมการนับคะแนนประจำหน่วย อีกทั้งกรรมการประจำหน่วยก็ไม่ได้ใช้ชุดเดิมจากเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ถ้าผู้สังเกตการณ์จะคัดค้านสามารถทำได้ทันทีที่จุดนับคะแนน เพื่อจะได้มีการพิจารณา ส่วนกรณีที่ กกต.มีมติให้ใบส้ม ต้องมีการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 ใหม่นั้น คาดว่าจะจัดเลือกตั้งใหม่ภายในเดือน พ.ค.นี้ ล่าสุดมีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งประมาณ 400 กว่าเรื่องที่กำลังพิจารณา

ชง 2–3 สูตรวิธีคิด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ตอบว่า สำนักงาน กกต.กำลังพิจารณาวิธีการคำนวณ 2-3 สูตร มีทั้งสูตรที่นักวิชาการเสนอมา และสูตรที่สำนักงาน กกต. เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ภายในสัปดาห์นี้ เมื่อถามว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว กกต.จะรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ตอบว่า การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นไปตามกฎหมาย ระหว่างนี้หากยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมา สำนักงาน กกต.ก็จะคำนวณตามสูตรของ กกต. เพื่อประกาศผลการเลือกตั้งให้ทันในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เมื่อถามว่าหาก กกต.ใช้ดุลพินิจประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว แต่หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ตรง จะทำอย่างไร พ.ต.อ.จรุงวิทย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กล่าวเพียงสั้นๆว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก

เปิด 3 สูตร “กรธ.–สมชัย–โคทม”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่สำนักงาน กกต.เตรียมไว้ มีอยู่ 3 สูตร ประกอบด้วย 1.วิธีคำนวณของ กกต.ที่เสนอร่วมกับ กรธ. แจก ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน จำนวน 27 พรรค 2.วิธีคำนวณของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. คำนวณออกมาได้ 16 พรรค และ 3. วิธีคำนวณของนายโคทม อารียา อดีต กกต. คำนวณออกมาได้ 16 พรรคเช่นกัน คือไม่แจก ส.ส.ให้กับพรรคที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคือ 71,057 คะแนน

“ธนาธร” ยกทีมงานจับตาเข้ม

ที่อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครปฐม หลัง น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ ยื่นเรื่องร้องขอให้นับคะแนนใหม่ว่า สืบเนื่องมาจากการที่ผู้สมัครของเราเข้าไปขอคะแนนรายหน่วยกับ กกต.เมื่อนำมาบวกกันแล้วเห็นว่าคะแนนเรากลับมาเป็นฝ่ายชนะ จึงขอให้มีการนับคะแนนใหม่ หากนับแล้วเป็นไปตามที่ กกต.ให้มา เท่ากับว่าเราจะพลิกมาชนะ 4 คะแนน ต้องจับตาว่าผลการนับคะแนนครั้งนี้จะมีความผิดปกติจากการนับคะแนนครั้งแรกเพียงใด ได้ส่งผู้สังเกตการณ์มาร่วมจับตาการนับคะแนน 250 คน นอกจากนี้ จะขอให้นับคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 เพราะมีปัญหาเรื่องบัตรเขย่ง และเขตเลือกตั้งที่ 4 ที่มีปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง กรณีนี้อยู่ในชั้นตำรวจแล้ว

งัด พ.ร.บ.ข้อมูลฯดูคะแนนทั่ว ปท.

นายธนาธรกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือทำไม กกต.ถึงไม่ยอมเปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยทั่วประเทศ เรื่องนี้ทำให้ประชาชนสงสัยและกังขาว่าทำไม กกต.ไม่เปิดเผย ทั้งที่เราขอให้ กกต.เปิดเผยตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเลือกตั้งแล้ว แต่ กกต.ไม่ขยับทำอะไร สัปดาห์หน้าเราจะใช้สิทธิของประชาชนภายใต้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วย เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง หรือเป็นความลับอะไร สำหรับสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก การใช้สูตรใดสูตรหนึ่งมีผลต่อทิศทางของประเทศ ถ้าเลือกสูตรที่ 1 ฝ่ายที่ต่อต้าน คสช.จะได้เสียงเกิน 250 เสียง แต่ถ้าเลือกสูตรที่ 2 จะได้คะแนนเสียงต่ำกว่า 250 เสียง ดังนั้น เรื่องนี้ขอให้ประชาชนจับตาและกดดัน กกต.ในการใช้สูตรคำนวณ

เชิญ “ศรีสุวรรณ” คุ้ยข้อมูลดีแทค

นายธนาธรยังกล่าวถึงกรณีการโอนหุ้นสื่อที่ กกต.เตรียมพิจารณาในวันที่ 30 เม.ย. ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เราชี้แจงได้ทุกเรื่อง มีเอกสารทั้งหมด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตผ่านการรายงานข่าวต่างๆนั้น ที่ผ่านมาเป็นการพูดด้วยวาจา แต่ไม่เคยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ถ้ามีหลักฐานก็เอามาดู เอามาสู้กัน ขอย้ำอีกครั้งหากใครเจอนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หรือใครก็ตามถ้าไปขอข้อมูลจากบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันแหล่งที่อยู่ของตนเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ฝากบอกผ่านสื่อมวลชนเลยว่าตนอนุญาตเปิดเผยข้อมูลได้เลย

ด้าน น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การนับคะแนนวันนี้ค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีอาสาสมัครของพรรคมาร่วมกันสังเกตการณ์ทุกหน่วย หน่วยละ 3 คน รวม 250 คน เราต้องการความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคะแนนที่หายไป

“จุรินทร์” พร้อมรับผลทั้งบวก–ลบ

อีกด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ร่วมลงสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่ครั้งนี้ด้วย นายจุรินทร์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ต้องรอ กกต.วินิจฉัย และประกาศผลอย่างเป็นทางการ มาให้กำลังใจ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 ของพรรค ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่และทำหน้าที่ของผู้สมัคร ส.ส.เป็นอย่างดี เราดีใจและต้องพอใจในผลคะแนน ขอบคุณพี่น้องชาวนครปฐมที่ช่วยสนับสนุนผู้สมัครของพรรค และช่วยสนับสนุนพรรค แม้ว่าวันนี้ผลจะออกมาในด้านบวกหรือลบ ต้องเป็นไปตามผลที่ออกมา

นับใหม่ช่วงแรก ปชป.นำ

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการนับคะแนนใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครปฐม เบื้องต้นประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่า พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนนำ น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ แต่ยังไม่รวมคะแนนนอกเขตเลือกตั้ง

อนค.นครปฐมพลิกชนะเฉียดฉิว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาช่วงค่ำหลังจากผล การนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ ประกาศว่า พ.ท. สินธพ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนนำ น.ส.สาวิกา ลิมปะสุวัณณะ ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ อยู่เพียง 4 คะแนน แต่ปรากฏว่ามีการนับคะแนนใหม่หน่วยหนึ่ง เนื่องจากมีบัตรลงคะแนนมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 1 คะแนน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนับคะแนนใหม่ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเลือกตั้งอีก 2 หน่วยที่ยังไม่ส่งผลการนับคะแนนมา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำยอดคะแนนของทั้ง 3 หน่วยดังกล่าวมารวมอย่างไม่เป็นทางการ กลับกลายเป็นว่า น.ส.สาวิกาชนะ พ.ท.สินธพ ไปด้วยคะแนนรวม 62 คะแนน พลิกเป็นว่าที่ ส.ส. อย่างเฉียดฉิว

เด็ก ปชป.ชนะเลือกใหม่ที่ชุมพร

สำหรับผลการจัดเลือกตั้งใหม่ของหน่วยเลือกตั้งที่ 9 หมู่ 7 บ้านดวงดี ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ภายหลังปิดหีบเมื่อเวลา 17.00 น. ตรวจนับคะแนนผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 คือ นายสราวุธ อ่อนละมัย ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ 274 คะแนน อันดับ 2 นายสมบูรณ์ หนูนวล ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐได้ 185 คะแนน ด้าน ร.ต.อ.หญิง ฐาปนีย์ มหาพชราอรุณใหม่ ผอ.กกต.ชุมพร กล่าวว่า หน่วยนี้มีผู้มีสิทธิจำนวน 1,023 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 710 คน คิดเป็นร้อยละ 69.40 จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิ 838 คน

ดีแทคแจงหลักเกณฑ์ขอข้อมูล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ชี้แจงว่ากรณีที่ลูกค้าต้องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ดีแทคควบคุมได้ สามารถดำเนินการขอรับสำเนาได้ผ่าน call center 1678 แต่ต้องมีกระบวนการยืนยันตัวตนก่อน สำหรับข้อมูลที่ลูกค้ารายเดือนจะเข้าถึงได้ ประกอบด้วยข้อมูลการโทรศัพท์ ได้แก่ หมายเลขโทร.ออก ตำแหน่งที่โทร.ออก ตำแหน่งเลขหมายปลายทาง และระยะเวลาที่ใช้ ไม่นับรวมถึงสัญญาณการใช้ดาต้า โดยข้อมูลที่ได้รับคำขอนั้นจะถูกส่งไปยังผู้ถือเลขหมายผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียน ทั้งนี้ดีแทคให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Customer privacy and data protection) เป็นอย่างมาก ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

กสทช.ชี้เจ้าตัวต้องยินยอมก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า การจะเปิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ผู้ให้บริการมือถือต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการเป็นลายลักษณ์อักษร จึงสามารถให้ข้อมูลได้ หากหน่วยงานใดต้องการข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่น ต้องมีคำสั่งศาลเท่านั้น ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศ กสช. เรื่องมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม

“ศรีสุวรรณ” ลุยแหลกอนาคตใหม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 29 เม.ย. จะไปยื่นหนังสือต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคต–ใหม่ จากการตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนนิติบุคคล รวมถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทแล้ว พบว่ามีผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 11 ราย ปรากฏเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน อาจเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42 (3) จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อเป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมือง ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้จะยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ระงับการประกาศผล และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทั้งฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายสืบทอดอำนาจอีกมาก ที่เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อ จะรวบรวมนำไปร้อง กกต.ต่อไปในเร็วๆนี้

“เรืองไกร” สอบ กกต.เลือกปฏิบัติ

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า วันที่ 29 เม.ย. จะไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ที่เลือกปฏิบัติ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน กรณีการตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือครองหุ้นสื่อ แต่กลับไม่ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ กกต.สรุปความเห็นในลักษณะแทนศาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความผิดในการเปิดช่องทางการสื่อสารกับสาธารณชนในรูปแบบเพจเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ส่วนตัว ไม่ถือว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชน การกระทำเช่นนี้เหมือนเลือกปฏิบัติ ไม่เท่าเทียมกันทุกกรณี การกระทำดังกล่าวของ กกต.อยู่ในขอบข่ายอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน จะตรวจสอบว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ มองว่า เหตุที่มีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องการเป็นเจ้าของ และถือหุ้นสื่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) เขียนบัญญัติเรื่องกิจการสื่อสารมวลชนไว้กว้างเกินไป

“สมศักดิ์” โต้แหลกยันไม่มีหุ้นสื่อ

นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายอภิชิต ถาบุตร ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคอนาคตใหม่ ยื่นคำร้องต่อ ผอ.เลือกตั้งประจำ จ.สกลนคร ให้ตรวจสอบว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามการลงสมัครรับเลือกตั้ง กรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนหรือไม่ ว่า ไม่กังวลเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ได้ถือหุ้นสื่อใดๆ วันที่ 29 เม.ย.จะไปชี้แจงต่อ กกต.สกลนครตามข้อเท็จจริง เชื่อว่าพรรคตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นให้ตั้งแต่ก่อนสมัครแล้วก็ต้องชัวร์ เชื่อผู้ร้องไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดพอ และคงรู้อยู่แล้วแต่ถือโอกาสเท่านั้น เพราะช่วงนี้เกิดกระแสร้องเรียนผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่อ เลยสร้างกระแสให้ตัวเอง ชื่อ นามสกุล ซ้ำกันทุกตัวอักษรมีเป็นร้อย บังเอิญเปิดแล้วเจอชื่อที่เหมือนกับตนเลยคิดว่าเป็นตน หากสอบสวนแล้วข้อมูลไม่เป็นจริง ขอปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคว่าจะดำเนินการฟ้องกลับหรือไม่

วอนโฆษกศาลฎีกาไขให้กระจ่าง

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีการถือครองหุ้นในหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2562 อยู่แล้ว ดังนั้น โฆษกศาลฎีกาควรออกมาแถลงข้อเท็จจริง เพราะมีผู้ให้ความเห็นไปไกลถึงขนาดว่าถ้าตีความแบบนี้อาจทำให้ ส.ส.หมดไปนับร้อยคน ถือเป็นวิกฤติทางรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ส่วนตัวขอแนะนำให้โฆษกศาลฎีกาออกมาให้รายละเอียดในกรณีนี้จะดีที่สุด เพราะถ้าโฆษกศาลออกมาแถลง จะได้ข้อยุติและหยุดการร้องเรียนในกรณีนี้ได้

ให้ประชาชนจับตารอ กกต.ติดคุก

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนฝากความหวังไว้กับ กกต. แม้ประชาชนจะเกิดวิกฤติศรัทธากับการทำงานของ กกต. แต่ความหวังเดียวที่จะทำให้ประเทศมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น คือการทำงานของ กกต.ต้องสำเร็จรับรอง ส.ส.ได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะสูตรวิธีการคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขอฝากประชาชนให้ช่วยกันจับตาดูการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ จับตาดูการตัดสินใจของ กกต.ที่เป็นผู้เลือกชะตากรรมการเมืองไทย และชะตากรรมตัวเอง การเลือกสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะทำให้ฝั่งใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบนั้น หากขัดกับรัฐธรรมนูญ ย่อมส่งผลให้ กกต.อาจติดคุกหรือถูกดำเนินคดีภายหลังได้ อยากให้ประชาชนช่วยติดตามอย่ากะพริบตา

พท.แซะ “ลุงตู่” หักหลังประชาชน

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่อินเดียผู้มีสิทธิ 800 ล้านคน ส่วนอินโดนีเซียมีผู้มีสิทธิ 200 ล้านคน ใช้เวลานับคะแนนวันเดียวรู้ผลการเลือกตั้ง แต่ของไทยผ่านมาเดือนกว่า ยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาล วันนี้ทุกข์ของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศหนักมาก แล้วรัฐบาลทำอะไรอยู่ หรือมัวแต่คิดวางแผนตั้งรัฐบาล ก่อนเลือกตั้งนายกฯทำท่าขึงขังเหมือนเอาจริงเอาจัง แต่หลังเลือกตั้งเหมือนหนังคนละม้วน ต้นทุนภาระค่าครองชีพประชาชนพุ่งสูงมาก ตั้งแต่ค่ารถเมล์ ค่าเดินทาง ค่าไฟ หรือราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือน ขณะที่โรงเรียนก็กำลังจะเปิดเทอม รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างไร ตอนยังไม่เลือกตั้งออกนโยบายมาจะลดแลกแจกแถม พอหลังเลือกตั้งมาหักหลังประชาชน ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนหรือไม่ อยากให้ขยันแก้ปัญหา อย่ามัวขยันคิดแต่สืบทอดอำนาจ เพราะประชาชนเขาเบื่อหน่าย

สะพัดดูดเพื่อชาติ–ประชาชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า แม้แกนนำพรรคพลังประชารัฐย้ำอยู่ตลอด ว่าการตั้งรัฐบาลต้องรอความชัดเจนตัวเลขประกาศผล ส.ส.ของ กกต.อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. แต่ยังคงมีการเดินสายทาบทามพรรคการเมืองต่างๆเป็นการภายใน เพื่อให้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุดมีการทาบทามว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ 5 คน และพรรคประชาชาติ ที่คาดว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 ที่นั่ง และ ส.ส.เขต 1 ที่นั่ง รวม 6 ที่นั่ง โดยอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าทั้ง 2 พรรคดังกล่าวที่เคยร่วมลงสัตยาบันร่วมตั้งรัฐบาลฝั่งพรรคเพื่อไทย จะตกลงในเงื่อนไขเจรจาหรือไม่

ฉะยับทำเศรษฐกิจฐานรากพัง

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า รัฐบาลนี้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินหลายรอบในช่วง 5 ปี มาหนักสุดในรอบ 1 ปีก่อนเลือกตั้ง แจกเงินประชาชนไป 162,700 ล้านบาท แต่ไม่ได้ผลเศรษฐกิจฐานรากไม่ดีขึ้น แต่ด้วยความติดใจอยากอยู่ในอำนาจต่อ จึงคิดแจกเงินให้เที่ยวเมืองรอง จนถูกกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโซเชียล ขอบอกว่าประชาชนไม่ได้หิวเงิน แต่ต้องการเครื่องจักรเศรษฐกิจให้ทำงาน ต้องการตลาดที่มีเงินสะพัด แต่ทำไมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่เรียนรู้ ไม่แก้จุดนี้ ถ้าไม่รู้จะแก้เช่นใดก็อย่ายึดติดอำนาจ ปล่อยให้ผู้อื่นที่มีความสามารถอาสามาแก้ไข ไม่ใช่ดันทุรังอยู่ให้เศรษฐกิจฐานรากพัง และพังต่อไปทั้งพีระมิดเศรษฐกิจประเทศ แล้วใช้วิธีแจกเงินเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป

ปชป.จี้รัฐแก้ปาล์มราคาดิ่งเหว

วันเดียวกัน นายสุนทร รักษ์รงค์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนายกสมาคมเกษตรกรสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล และพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ รวมถึงผลผลิตสินค้าเกษตรอื่นไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ขณะนี้ชาวสวนปาล์มเดือดร้อนแสนสาหัส ราคาปาล์มตกต่ำต่อเนื่อง เหลือกิโลกรัมละ 1.60 บาท แต่เกษตรกรชาวสวนปาล์มยังอดทนไม่เคลื่อนไหว และพยายามพึ่งพาตนเองตามรอยเท้าพ่อ ใช้หลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 แทนบี 7 จะช่วยลดน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ได้มากกว่าวิธีอื่น อยากให้รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาผลผลิตการเกษตรตกต่ำทุกตัว อย่ามัวเล่นเกมแย่งชิงอำนาจ แล้วทอดทิ้งคนยากคนจน แกนนำเกษตรกรชาวสวนปาล์มประกาศแล้วว่าจะนัดชุมนุมช่วงเดือน พ.ค. หลังงานพระราชพิธีผ่านพ้นไปแล้ว นายกฯอย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขอเตือนด้วยความหวังดี

“กรณ์” ลุยกระบี่เก็บข้อมูลเต็มที่

ที่ จ.กระบี่ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานกรรมการนโยบายพรรคฯ ลงพื้นที่ร่วมกับนายสาคร เกี่ยวข้อง ว่าที่ ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ นายกรณ์กล่าวว่า มารับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งระบบ ว่ามีกลไกใดที่เราจะปลดแอกในเชิงนโยบาย ช่วยชาวสวนปาล์มแบบครบวงจรได้ เพราะวันนี้วิกฤติราคาปาล์มตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหลือกิโลกรัมละ 1.6-1.8 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่กิโลกรัมละ 5.34 บาท ควรผลักดันปาล์มน้ำมันให้เป็นพืชพลังงานอย่างจริงจัง และลดการใช้น้ำมันดีเซลหันมาส่งเสริมการใช้ บี 100 ทั้งหมด เกษตรกรสวนปาล์มจะได้ประโยชน์โดยตรง เป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้ว แต่กลไกราชการและข้อกฎหมายของเรา กลับเป็นอุปสรรคเสียเอง

คนรอคอยรัฐบาล–นายกฯใหม่

ขณะที่สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,107 คน เรื่องการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง พบว่าสิ่งที่ประชาชนรอคอยมากที่สุดร้อยละ 40.71 คือรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ รองลงมาคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการประกาศผลรับรองการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ความสับสนทางการเมือง ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้งเป็นอย่างไร พบว่าร้อยละ 47.33 รู้สึกสับสนพอๆกัน เพราะ กกต.ไม่มีความชัดเจน ขณะที่ร้อยละ 33.98 ระบุว่าหลังเลือกตั้งมีความสับสนมากกว่า เพราะการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน มีการร้องเรียน และไม่มีข้อสรุปของสูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. ฯลฯ โดยสิ่งที่ประชาชนอยากบอกกับนักการเมือง คือ ให้เป็นนักการเมืองที่ดีทำตามหน้าที่ รักษาสัญญา รองลงมาคือ ยุติการทะเลาะแบะแว้ง ใส่ร้ายป้ายสี โจมตีกัน ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า

“อดุลย์” ขวางรัฐป้อนอ้อยโฮปเวลล์

อีกเรื่อง นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายค่าชดเชยบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า เรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ทำให้ประเทศต้องเสียหาย และประชาชนต้องร่วมกันแบกรับค่าโง่ด้วย เป็นโจทย์ใหญ่ที่คนไทยต้องช่วยกันคิดว่า ทำไมเราต้องมาเสียเงินค่าโง่มากมายขนาดนี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลนี้ที่ต้องสอบสวนหาผู้รับผิดชอบ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและปัดความรับผิดชอบต่อไป ส่วนกรณีที่ประชุมบอร์ด รฟท. จะรายงานแนวทางการชดเชยต่อ รมว.คมนาคม โดยนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ รฟท. ระบุจะชดเชยให้ บ.โฮปเวลล์ ด้วยการให้สิทธิเข้ามาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ รฟท.นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เท่ากับกำลังสมยอมกันโดยไม่ได้ต่อสู้ให้ถึงที่สุด และต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของรัฐได้ ส่อเจตนาไม่สุจริต ขอเตือนกระทรวงคมนาคม หรือ ครม.ชุดนี้ หากใช้แนวทางนี้ ประชาชนอาจรวมตัวฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้