มิ่งขวัญรีบโต้ ต่อสายพลังประชารัฐ กกต.ปฏิเสธ! แจก 66 ใบส้ม
ปชป.-พท.ขย่ม กกต.โยนของร้อน ยืมมือศาลรัฐธรรมนูญ “วิรัตน์” สวด 7 เสือไม่ยอมทำหน้าที่ฟันธง ส.ส.บัญชีรายชื่อเตือนรัฐธรรมนูญอยู่เหนือกฎหมายลูก ตะแบงปัดเศษคะแนนเอื้อพรรคเล็กตกเป็นจำเลยคดีท่วมหัว “อรรถวิชช์” ฉะคนร่าง รธน.ไม่ระวังทำป่วน “ถาวร” ปัดขน 35 ส.ส.ร่วมรัฐบาลต้องรอมติ ปชป. โต้หนุน “บิ๊กตู่” ไม่ผิดอุดมการณ์ไม่ใช่งูเห่า “สามารถ” อัด กกต.ดิ้นเอาตัวรอด ขู่ใครทรยศหมดอนาคตแน่ “นพดล” มั่นใจไม่มีใครเสี่ยงพลิกขั้ว โฆษกเพื่อชาติฉะอ้างเป็นคนดีต้องยึดหลักการ แฉทุ่มเหมา ส.ส.งูเห่ายกฟาร์มพุ่ง 9 หลักแล้ว อนค.กระตุกซีกประชาธิปไตยยึดมั่นสัญญากับประชาชน โซเชียลถล่มหนัก “ลุงมิ่งโป๊ะแตก” ตกเย็น “มิ่งขวัญ” โพสต์แถลงการณ์ปฏิเสธข่าวไม่จริงยกทีมจูบปาก พปชร. “สมศักดิ์” แนะทุกฝ่ายเคารพกติกา ประธาน กกต.ปัดยังไม่แจกใบส้ม 66 เขต
จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ เพื่อจัดสรรจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึงมีได้ ซึ่งพรรคการเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.หลีกเลี่ยงไม่ยอมใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่กลับโยนภาระไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ
“วิรัตน์” อัด กกต.ไม่ยอมใช้อำนาจหน้าที่
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการคำนวณผลคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า เป็นความโกลาหลของรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยเฉพาะจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเป็นเพราะการไม่ยอมตัดสินใจของคณะ กกต.ทั้ง 7 คน รัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้อำนาจและหน้าที่ประกาศรับรองผล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นอำนาจของ กกต. ปัญหาคือ กกต.จะไม่ยอมใช้อำนาจนี้ โยนภาระไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ปกติแล้วทุกศาลรวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจะไม่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่องค์กรใด แต่จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อมีประเด็นข้อพิพาทเกิดขึ้น เมื่อหลักการเป็นเช่นนี้ จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ต่อเมื่อ กกต.ชี้ขาดจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้เรียบร้อยแล้วมีพรรคการเมือง หรือมีผู้ใดไม่เห็นชอบกับ กกต.และร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงจะใช้อำนาจวินิจฉัยชี้ขาด
...
เตือน รธน.เหนือกว่ากฎหมายลูก
“ความจริงการคิดคะแนนแบบบัญชีรายชื่อมีบัญญัติไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 91 ซึ่งต้องมีศักดิ์และศรีเหนือกว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นหลักการทั่วไป แต่เมื่อ กกต.แถลงว่าจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แต่เกรงว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่แปลกหรือผิดไปจากหลักการที่ว่ารัฐธรรมนูญแม่ ต้องเหนือกว่ากฎหมายประกอบหรือกฎหมายลูก เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าคะแนน เฉลี่ยต่อ ส.ส.หนึ่งคน อยู่ที่ 71,000 คะแนน และพรรคการเมืองใดได้ ส.ส.ที่พึงมีมากกว่าจำนวน ส.ส.เขตจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามจำนวน ส.ส.เขต ลบด้วยจำนวน ส.ส.ที่พึงมี และกรณีที่ได้ ส.ส.เขตมากกว่าจำนวน ส.ส.พึงมีพรรคการเมืองนั้นไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ” นายวิรัตน์กล่าว
ขู่ 7 อรหันต์ระวังตกเป็นจำเลย
นายวิรัตน์กล่าวอีกว่า กรณีที่เป็นปัญหาหนักใจของ กกต.น่าจะมาจากเรื่องการปัดเศษ ซึ่งเป็นหลักที่อธิบายได้ในวิชาคณิตศาสตร์ จึงต้องอยู่ที่ กกต.ต้องยึดหลักรัฐธรรมนูญ หลักกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและหลักการปัดเศษในระบบคณิตศาสตร์สากล จึงจะปลอดภัยจากการข่มขู่ของนักการเมืองทั้งหลาย และจะไม่มีใครมาทำอะไรต่อดุลพินิจโดยสุจริตของ กกต.ได้ การที่ กกต.จะอาศัยอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะได้ เพราะการชี้ขาดว่าพรรคใดจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าใด เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.โดยแท้ ไม่สามารถโอนอำนาจนี้ไปให้องค์กรอื่น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจแทนได้ ด้วยความห่วงใย กกต.ทั้ง 7 ท่านหากไม่อยู่ในหลักมีความเสี่ยงต่อการเป็นจำเลยในคดีทั้งหลาย ไม่เป็นผลดีกับการเมืองการปกครองของไทยเลยแม้แต่น้อย
“อิสสระ” ซัดเตะลูกให้พ้นๆตัว
นายอิสสระ สมชัย รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติส่งเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ เพื่อจัดสรรจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะพึงมีได้ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ข้อที่ดีคือจะได้เป็นบรรทัดฐาน จะได้เลิกเถียงกันเสียที แต่เป็นการที่ กกต.เตะฟุตบอลออกจากตัวอย่างเดียว ทำงานอย่างไม่รับผิดชอบ เพราะไม่แน่ใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญมักจะให้มีการชี้ก่อน แต่นี่ กกต.ยังไม่ได้ชี้ เท่ากับเป็นการดึงศาลให้มาเกี่ยวข้องกับ กกต. เพราะยังไม่มีข้อโต้แย้งกันเลย แต่หากศาลรับไว้พิจารณาต้องรอดูคำวินิจฉัย เป็นการผลักปัญหาออกจากตัว กกต.ควรจะฟันธงออกมาก่อน เพื่อให้คนที่ไม่เห็นด้วยหรือผู้เกี่ยวข้อง หากเห็นว่าไม่ถูกต้องไปร้อง ไม่ใช่โยนเรื่องไปใส่บ่าศาลรัฐธรรมนูญ
ย้ำแต้มต่ำ 7 หมื่นไม่ควรได้ ส.ส.
เมื่อถามว่า ดูเหมือนมีความพยายามจะให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่า ส.ส.พึงมีได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอิสสระกล่าวว่า คิดว่าโดยหลักการในเมื่อ กกต.ระบุว่า ส.ส. 1 คน ต้องมีคะแนนประมาณ 7 หมื่นขึ้นไป ดังนั้น พรรคที่ได้ต่ำกว่านี้ไม่ควรจะได้ ส.ส. ควรจะให้พรรคที่มี 7 หมื่นขึ้นไปได้ ส.ส. ถ้าตราบใดที่การจัดตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่ง พูดยากว่าจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ตัวเลขข้างบนขยับไปด้วย ตราบใดที่ กกต.ยังไม่ให้การรับรอง ส.ส.ตัวเลขก็ยังไม่นิ่ง
เสียงก้ำกึ่งตั้ง รบ.ได้ก็อยู่ไม่นาน
นายอิสสระกล่าวด้วยว่า การเมืองหลังสงกรานต์คงร้อนขึ้น แต่การจัดตั้งรัฐบาลในที่สุดแล้วต้องตั้งได้ ส่วนจะอยู่ได้นานเท่าไหร่เป็นอีกเรื่อง แต่หากเสียงยังก้ำกึ่งอย่างนี้คงอยู่ไม่นาน แต่อยากให้รัฐบาลอยู่นานๆ เพราะเลือกตั้งบ่อยไม่ดี สิ้นเปลืองงบประมาณ และผลการเลือกตั้งแต่ละทีมักจะเปลี่ยนแปลงไป คนที่จะเป็นรัฐบาลก็ต้องอยากอยู่นาน
“ประมวล” โวยข่าวลือทำลายพรรค
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ว่าที่ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่ามี ส.ส.งูเห่าถูกซื้อตัวจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว 35 คนว่า ในมุมมองของตนพรรคประชาธิปัตย์ต้องรอมติพรรค รวมถึงการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คนอื่นพูดอย่างไรเพื่อจะสร้างความแตกแยกไปห้ามเขาไม่ได้ เมื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว คงมีการประชุมพรรคเพื่อกำหนดทิศทาง ส่วนจะไปทิศทางไหนต้องรอดูมติพรรค เราไม่มีเจ้าของพรรคคนใดคนหนึ่ง ส่วนเรื่องงูเห่าเป็นการวิเคราะห์เพื่อให้พรรคเสียหาย สรุปจริงๆต้องรอเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน เราพูดในมุมมองว่าการจะเกิดขึ้นอย่างไรว่ากันอีกครั้ง ตนหนักแน่นไม่ชอบพูดมาก และไม่ชอบในสิ่งที่พูด แล้วทำไม่ได้ ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ให้รอการตัดสินใจหลังวันที่ 9 พ.ค. เชื่อว่าทุกคนยึดมติพรรคและเคารพมติพรรค
“อรรถวิชช์” มอง ก.ม.ขบกันต้องชี้ขาด
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ การคำนวณผลคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า ถือว่า กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ในเวลานี้ เพราะเห็นชัดเจนว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญกับคนที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้งใหม่เป็นคนละส่วนกัน และไม่มีความรอบคอบ บางมาตราขบเหลี่ยมขัดกันเองตีความไม่ชัดเจน เป็นไปอย่างที่เคยพูดไว้ตามคาดหมายว่า ความไม่ชัดเจนนี้ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นตามรูปมวยใน 2 เดือนนี้แน่นอน ทั้งที่เอาเข้าจริงจากผลเลือกตั้งที่ออกมา ต่อให้ไม่ว่าจะใช้สูตรคำนวณว่าฐานคะแนน 7 หมื่นได้ ส.ส.1 คน หรือใช้ฐานคะแนนต่ำกว่า 7 หมื่น ได้ ส.ส. 1 คน 2 สูตรนี้ไม่มีผลแตกต่างมากนักกับการจับขั้วรัฐบาล
สวดคนร่าง รธน.ไม่ระวังทำป่วน
นายอรรถวิชช์กล่าวอีกว่า น่าจะมานั่งขบคิดว่า ตอนที่ร่างทำไมไม่คิดว่าปัญหานี้มันจะเกิด ระบบเลือกตั้งเดิมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ระบบเลือกตั้งใหม่จัดสรรปันส่วนผสม เกิดข้อกังขามากเกาผิดที่คัน ของเก่าดีอยู่แล้วกลับไปแก้ ที่น่าตกใจคือไม่น่าเชื่อว่าผู้ร่างไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง สถานการณ์แบบนี้ ณ วันนี้ต่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต โอกาสที่จะมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะน้อยไปอีกอยู่ดี การที่ กกต.ยอมรับว่าถึงทางตันเรื่องข้อกฎหมายถือเป็นบทเรียนให้ผู้ร่างได้รู้ว่าระบบเลือกตั้งใหม่มีปัญหาหรือไม่
“ถาวร” กับพวกยันไม่เผาผีทักษิณ
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าที่ ส.ส.กลุ่มของตนจำนวน 35 คนจะเป็นงูเห่าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอนแล้วว่า ข่าวประเด็นนี้มีการรวบรวมเป็นข่าวอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตนไม่เคยได้ให้สัมภาษณ์เองแบบนั้นเลย อย่างไรก็ตามความคิดส่วนตัวและพรรคพวกอีกส่วนหนึ่ง ยังคงต้องการจะให้มีจัดตั้งรัฐบาล ทำการเมืองที่เป็นการเมืองมีจุดยืนรักชาติ ยืนอยู่ข้างเดียวกับขั้วที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยืนอยู่คนละฝั่งกับระบอบทักษิณ เวลานี้มีชัดเจนอยู่พรรคเดียวคือพรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะยกมือสนับสนุนหรือไม่ ต้องรอประชุมพรรคอย่างเป็นทางการ หลังจากได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียก่อน
โต้หนุน “ลงตู่” ไม่ผิด ไม่ใช่งูเห่า
นายถาวรกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลข 35 ส.ส.ที่พูดกันนั้น ไม่เคยไปพูดที่ไหนเขียนกันไปเอง ต้องรอมติของพรรคก่อน แม้ส่วนตัวจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ส่วนมติในพรรคจะแพ้หรือชนะ เราต้องมีวินัยพรรคตัวเลข 35 ไม่รู้ใครให้ข่าวแต่เขียนอย่างไรตนไม่เคยให้ข่าวอย่างนั้น ขอย้ำอีกทีการตัดสินใจทางการเมืองวันนี้ตนตัดสินใจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ที่มาตามครรลองประชาธิปไตย เพราะจากผลการเลือกตั้งที่ออกมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีเสียงสนับสนุนน้อยกว่า อยู่ในลำดับที่ 4 ไม่ผิดอุดมการณ์พรรคแน่นอน ไม่เป็นงูเห่าแน่นอน
ตอก “ไพศาล” อย่าล้ำเส้น ปชป.
นายถาวรกล่าวอีกว่า การที่นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ออกมาวิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีงูเห่านั้น อยากให้ท่านระมัดระวังในการพูดล่วงล้ำมาในพรรคที่ตนรัก เพราะเหตุว่าเป็นการก้าวล่วงโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง และคำพูดท่านทำให้คนอื่นเสียหาย เราเป็นผู้ใหญ่ ต้องพูดคุยกันให้ชัดเสียก่อนที่จะวิเคราะห์การเมือง และถ้ารู้เบอร์โทรศัพท์ตน ยกหูมาถามก็ได้ แต่ท่านไม่ยอมใช้วิธีการยกหูมาถาม ขอทำความเข้าใจกับท่านด้วย
พท.ฉะ 7 เสือไขสือดิ้นเอาตัวรอด
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามสูตร กกต.ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นจริง เป็นแค่ข้อสงสัยของ กกต.ว่าวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อาจจะขัดกับมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ กกต.ควรยึดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ที่ระบุเรื่องจำนวน ส.ส.พึงมี หากพรรคใดได้คะแนนไม่ถึง 71,065 คะแนน ตามค่าเฉลี่ยที่คำนวณออกมา ไม่ควรได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหลักการสำคัญที่ระบุชัดเจนในมาตรา 91 อยู่แล้ว ทำไมต้องไปคิดอะไรพิสดารมากมาย ไม่มีความจำเป็นต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ไม่รู้ว่า กกต.ไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญหรือถูกใครกดดันหรือไม่ จึงต้องยื่นตีความเพื่อเอาตัวรอด จะกระทบกับความเชื่อมั่นการทำงานของ กกต.เอง แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยพร้อมยอมรับเพราะมีผลผูกพันทุกองค์กร
ฮึ่มคนเป็นงูเห่าหมดอนาคตแน่
เมื่อถามว่า หากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าสูตรการคำนวณของ กกต.ถูกต้อง จะทำให้มีพรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อหลายพรรค จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยที่จะมี เสียงไม่ถึง 250 เสียงหรือไม่ นายสามารถตอบว่า พรรคเล็กไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ไม่มีพรรคเล็ก ฝ่ายตรงข้ามก็จัดตั้งรัฐบาลได้เพราะมีเสียง ส.ว.250 เสียงคอยหนุนอยู่ เพียงแต่จะเป็นรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ หรือหากมีพรรคเล็กจำนวนมากไปร่วมรัฐบาล เชื่อว่าจะมีปัญหาเสถียรภาพเช่นกัน จะถูกไถถูกต่อรองกดดันในการทำงานอยู่ตลอดเวลาในที่สุดจะไปไม่รอด ทุกอย่างต้องโทษกติกาที่เขียนมา ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อลำบาก เมื่อถามว่า จะมีกลุ่มงูเห่าพรรคเพื่อไทยไปช่วยเติมเสถียรภาพให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือไม่ นายสามารถตอบว่า มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีงูเห่าย้ายค่าย ใครทำอนาคตการเมืองดับแน่ คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาอนาคตตัวเองไปแลกกับสิ่งที่จะเดินหน้าต่อไปได้อีกไม่นาน
“นพดล” มั่นใจใครจะเสี่ยงพลิกขั้ว
นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐกำลังรวบรวมเสียงเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นนายกฯอีกครั้ง และพยายามทาบทามพรรคต่างๆ ให้สนับสนุน จะมีงูเห่าจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะมีคนเปลี่ยนใจไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมถูกดูดตั้งแต่ต้น และได้รับเลือกตั้งในนามพรรคที่มีแนวทางไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และการโหวตนายกฯในสภาฯทำอย่างตรงไปตรงมา ประชาชนจะรู้ว่าใครสนับสนุนใคร และโดยหลักการแล้วการตั้งรัฐบาลหากพรรคอันดับหนึ่งตั้งไม่ได้ พรรคอันดับสองก็มีสิทธิ แต่การเอา ส.ส.จากพรรค ที่มีนโยบายและอุดมการณ์แตกต่างกันไปสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่ต่อสู้กันมาอย่างชัดเจน ส.ส.คนนั้นจะตอบคำถามประชาชนที่เลือกเขามาอย่างไร เชื่อว่านักการเมืองทุกคนมองอนาคตทางการเมืองตัวเอง คงไม่เอามาทิ้งกับการเลือกนายกฯครั้งเดียว จึงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีงูเห่าจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย
คาด ส.ส.ไม่ครบ 95% ถึงทางตัน
นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่ใหญ่กว่าวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อคือหลายเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ มีการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งทั่วประเทศถึง 177 เขต เลือกตั้ง ผลคะแนนยังอยู่ในสภาพไม่แน่นอน ศาล จะให้ใบเหลืองใบแดงหรือยกฟ้อง หากศาลฟังว่าเขตเลือกตั้งใดทุจริต และให้เลือกตั้งซ่อม คะแนนตรงนั้นย่อมเสียเปล่า เอามารวมคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้ วันนี้จึงยังไม่สามารถเอาคะแนนผู้สมัครทุก พรรคทั่วประเทศ 100% มาคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคได้ เพราะต้องอาศัยฐานคะแนน ส.ส.เขต เพราะเป็นบัตรใบเดียว ไม่ได้แยกกันเหมือนในอดีตที่คิดง่าย ปัญหาขณะนี้อาจมีการฟ้องร้องกันไม่จบสิ้น รวมถึงการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้สภาฯที่จะมีขึ้นไม่มีทางมี ส.ส.ถึง 95% เพียงพอเปิดประชุมสภาฯได้ เป็นเหตุให้การเมืองไทยเดินเข้าสู่ทางตัน นำมาสู่ความขัดแย้ง วิกฤติรอบใหม่ สอดคล้องความเห็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคนว่าหากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ไม่มีกรอบเวลา
บี้ กกต.เร่งสรุปผลคะแนนเลือกตั้ง
นายชุมสายกล่าวอีกว่า นี่คือผลงานของผู้จัดทำรัฐธรรมนูญที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช. ที่แสวงหาระบบเลือกตั้งพิสดารผนวกกับอำนาจอภินิหารทางกฎหมายทำให้ประเทศถึงทางตัน ดังนั้น กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญควรเร่งสรุปผลคะแนน และรับรองผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบ 100% เพื่อเอาคะแนนผู้สมัครทุกพรรค ทั่วประเทศ มาคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อให้เป็น ไปตามกฎหมายและไม่ขัดรัฐธรรมนูญให้สามารถมีสภาฯและเปิดประชุมได้ มี ครม. มาบริหารประเทศ และมีสภาฯจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
พช.ฉะอ้างเป็นคนดีต้องยึดหลักการ
น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ กำลังรวบรวมเสียง ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกครั้งว่า เมื่อพรรคพลังประชารัฐอ้างตัวเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ต้องการปฏิรูปการเมือง ควรยึดหลักการประชาธิปไตย นำเสียง ส.ส.ที่ตัวเองได้รับสนับสนุนขับเคลื่อนการเมือง ไม่ใช่มาคิดหา ช้อนงูเห่าจากพรรคการเมืองอื่นที่มีอุดมการณ์ต่างกันไปสนับสนุนให้ตัวเองได้เข้าสู่อำนาจต่อ เพราะวิธีการนี้เป็นการเมืองแบบเก่าไม่สร้างสรรค์ ไม่สง่างาม และจะนำปัญหามาสู่การเมืองในอนาคต ประเทศ จะไม่สามารถออกจากความขัดแย้งได้ การอ้างเป็นคนดีต้องยึดมั่นหลักการไม่ใช่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ ต่อไปถ้าได้เป็นรัฐบาลจะบอกประชาชนได้อย่างไรว่าเข้าสู่อำนาจอย่างถูกต้อง
เตือน ส.ส.ยึดอุดมการณ์อย่าตามัว
“ส.ส.ทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งมา ต้องนึกถึงประชาชนที่เลือกท่านมาด้วยว่าเลือกท่านมาเพราะอุดมการณ์อะไร ไม่ใช่ได้เป็น ส.ส.แล้วจะมาคิดถึง แต่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ได้คำนึงถึงอุดมการณ์ที่บอกประชาชนไว้ เพราะคนที่นึกถึงแต่ประโยชน์ตัวเอง ในอนาคตจะไม่มีที่ยืนทางการเมือง ทางที่ดีตอนนี้อย่าเพิ่งออกตัวทำอะไร รอให้ กกต.ประกาศผลเลือกตั้งที่ชัดเจนออกมาก่อนดีกว่าหรือไม่” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว
แฉเหมาฟาร์มงูเห่าราคาพุ่ง 9 หลัก
โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวว่า เท่าที่ได้ทราบมาล่าสุดขณะนี้ค่าตัวงูเห่า เพื่อจูงใจให้เกิดการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเพิ่มขึ้นเป็น 9 หลักแล้ว จากเดิมอยู่ที่ 8 หลัก ดูแล้วน่าจะเป็นการดึงมาเป็นฟาร์ม เพราะผลการเลือกตั้งที่คะแนนเสียงไม่พอให้อยู่ยาวต่อไปได้ ทำให้กระบวนการประมูลงูเห่าเกิดขึ้นเพื่อรักษาอำนาจเผด็จการให้อยู่ในอำนาจต่อไป การลงทุนสูงขนาดนี้ ผู้ลงทุนต้องคาดการณ์ว่าจะต้องได้ผลตอบแทนที่มากกว่าหลายเท่า ผลร้ายกรณีนี้จะตกอยู่กับประชาชน จะไม่ประณามงูเห่า เพราะงูเห่าเหล่านี้เกิดจากการที่สังคมไทยถูกกดขี่จากเผด็จการจนคนส่วนใหญ่อยู่ในภาวะลำบากกันถ้วนหน้า ทำให้การยอมตัดสินใจเป็นงูเห่าง่ายขึ้น เมื่อราคาค่าตัวงูเห่าจากที่เริ่มต้นที่ 8 หลักพุ่งถึง 9 หลัก ทำให้ผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจและมีอุดมการณ์ไม่มั่นคง ยอมทิ้งอุดมการณ์เพื่อแก้ปัญหาส่วนตัวก่อน
โซเชียลรัวแฮชแท็ก “ลุงมิ่งโป๊ะแตก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีกระแสข่าวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เตรียมนำ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่รวมทั้งหมด 6 คน ไปเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยให้พรรคพลังประชารัฐมีเสียงเกิน 250 เสียง จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ให้คำยืนยันจะไปร่วมรัฐบาลกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่าตลอดทั้งวันในโลกโซเชียลได้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นรุมถล่มนายมิ่งขวัญ พร้อมตำหนิเรื่องจุดยืนทางการเมือง โดยเฉพาะในทวิตเตอร์แห่ติดแฮชแท็กคำว่า “มิ่งขวัญ” และ “ลุงมิ่งโป๊ะแตก” ส่งผลให้ติด 10 อันดับแรก เทรนด์ที่ชาวทวิตเตอร์แห่ติดแฮชเท็กมากที่สุด และกลายเป็น 2 คำที่ติดชาร์ตอันดับ 1-2 อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวจากนายมิ่งขวัญหลายครั้ง แต่นายมิ่งขวัญไม่ยอมรับโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อนายมิ่งขวัญให้ชี้แจงกรณีดังกล่าวได้
เจ้าตัวโพสต์ไม่เคยดีลจับมือ พปชร.
กระทั่งเวลา 17.00 น. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกระแสข่าวการไปร่วมเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า “ตามที่มีกระแสข่าวอย่างแพร่หลายในสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์และสื่ออื่นๆเรื่องตนและว่าที่ ส.ส.ทั้งหมดของพรรคเศรษฐกิจใหม่ได้ไปเจรจาตกลงเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ สำหรับตัวผมและว่าที่ ส.ส.ทุกคนในนามพรรคเศรษฐกิจใหม่ขอยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และผมไม่เคยเข้าไปร่วมเจรจาทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐใดๆทั้งสิ้น อนึ่งวันนี้เป็นวันสงกรานต์อันถือเป็นประเพณีและเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ตามประเพณีเราจะไปทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ มีความสุขและสำหรับหลายท่านที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อรดน้ำดำหัว กราบขอพรบุพการี ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ขอให้ท่านเดินทางโดยปลอดภัยและสวัสดิภาพ ในโอกาสนี้ผมขอกราบอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อำนวยพรให้คนไทยทุกท่านมีความสุขตลอดปีและตลอดไป
“เจ๊หน่อย” ยังเชื่อมั่นในคำพูด
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย โพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่า “เชื่อมั่นในคำพูดลูกผู้ชายของหัวหน้ามิ่งขวัญมากกว่าหัวหน้าพรรคบางพรรค นักการเมืองจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แต่นักการเมืองเสียสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนไม่ได้ ประวัติศาสตร์ไทยไม่เคยยอมรับนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ ประชาชนจะบอยคอตนักการเมืองขี้โกหกเอง”
“ภูมิธรรม” ไว้ใจ “พี่มิ่ง” รักษาสัจจะ
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังจากที่นายมิ่งขวัญออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไม่ได้ไปพบปะหารือตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐว่า อย่างที่บอกตนยังยืนยันว่านายมิ่งขวัญเป็นคนเคารพตัวเองและรักษาสัจจะวาจา ตนจึงไม่เคยเชื่อถือข่าวลือที่ลือกันว่าพรรคพลังประชารัฐกำลังจัดตั้งรัฐบาลโดยจะสามารถดึงพรรคการเมืองที่เคยบอกประชาชนว่าจะไม่สนับสนุนให้มีการสืบทอดอำนาจไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่เชื่อจริงๆ
อนาคตใหม่กระตุกยึดมั่นสัญญา ปชช.
น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เตรียมเข้าไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน คงต้องรอทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ออกมาแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการ สำหรับพรรคอนาคตใหม่เรามองว่าการนำเสนอนโยบายและประกาศแนวทางปฏิบัติ ในช่วงการหาเสียงเปรียบเป็นสัญญาที่นักการเมืองให้ไว้กับประชาชน เมื่อพวกเขาได้รับความไว้วางใจ โดยการได้รับเลือกตั้งมาเป็นตัวแทนของประชาชน จึงต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ให้เป็นไปตามนั้น หากต้องการให้ภาคประชาชนตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมีคุณภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะบรรดาพรรคการเมืองที่หวังจะเล่นการเมืองในระยะยาว เว้นเสียแต่คุณจะเป็นพรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาตามโอกาสฉาบฉวยเท่านั้น
ปชต.จะเข้มแข็งต้องซื่อตรง
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าจะทำตามแนวนโยบายที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้งอย่างแน่นอน การทำตามสัญญาที่ให้ไว้ช่วงหาเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สถาบันที่เป็นพรรคการเมืองนั้นมีความเข้มแข็ง จากความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อระบอบประชาธิปไตยผ่านตัวแทนแบบที่ประเทศไทยเป็นอยู่ เราหวังว่าพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศ ไทยจะทำตามคำสัญญาและแนวนโยบายที่ประกาศตอนหาเสียง เพราะการที่ประชาธิปไตยจะเข้มแข็งขึ้นได้ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม และทำด้วยความซื่อตรง
“สมศักดิ์” วอนยุติโจมตีจุดไฟขัดแย้ง
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าววิเคราะห์การเมืองช่วงหลังสงกรานต์ว่า เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะดี และน่าจะดีกว่าที่ผ่านๆมา เมื่อทุกอย่างเดินตามกรอบกติกา มีการจัดตั้งรัฐบาลประเทศจะดีขึ้นแน่นอน เวลานี้ประชาชนอาจเบื่อหน่ายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะการเมืองที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะโจมตีกันไปมา มีแต่การพยายามสร้างวาทกรรมและความขัดแย้ง ขอร้องคนที่พยายามเคลื่อนไหวใต้ดิน หรือพยายามจุดชนวนความขัดแย้งขอให้หยุด และช่วยกันสร้างบรรยากาศให้ประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น ที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำมามากพอแล้ว หากทำได้ประชาชนจะไม่เบื่อหน่าย ช่วยกันคนละไม้คนละมือเริ่มที่นักการเมืองก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ประชาชน
แนะทุกฝ่ายเคารพกติกา
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล คงต้องรอการประกาศผลการรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการของ กกต.ในวันที่ 9 พ.ค.ก่อน ช่วงนี้อาจจะมีใบเหลือง ใบแดง ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมบ้าง คงจะมีระยะเวลาหนึ่งที่เสริมเข้ามา ประชาชนจะเข้าใจว่าหากเขตไหนมีการกระทำผิด หรือเสี่ยงผิดกฎหมายอาจจะมีการเลือกตั้งซ่อม เพราะดูแล้วมีการร้องเรียนมากพอสมควร แต่คงไม่มีความรุนแรงอะไร และสุดท้ายเมื่อผลออกมาเช่นไร ขอให้ทุกฝ่ายควรทำตามกติกาและกรอบกฎหมายที่วางไว้ เมื่อถามถึงความชัดเจนของ กกต.กับการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสูตรคำนวณ อีกไม่นานจะได้ข้อยุติเป็นทางออกให้ทุกฝ่าย ความอึมครึมจะคลี่คลายไปได้ เท่าที่ฟังจากผู้เชี่ยวชาญดูเหมือนว่าจะมีบรรทัดฐานในการคิดคำนวณชัดเจนแล้ว กกต.ใช้บรรทัดฐานในการอ้างอิง วันนี้ยังมีเวลาเกือบเดือนก่อนวันประกาศผลรับรอง ส.ส. คงหาเงื่อนปมและทางออกพบแล้วว่าจะวิธีไหนอย่างไร ทุกฝ่ายวิเคราะห์ไว้หลายแบบ เชื่อว่าไปต่อได้ ไม่น่าเป็นห่วง
ปธ.กกต.ยังไม่แจกใบส้ม 66 เขต
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีพิจารณาคำร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้งของผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน 66 เขตเลือกตั้งว่า ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีมติในการให้ใบส้มเขตไหน แต่ได้ยกคำร้องไปแล้ว 17 เรื่อง เนื่องจากมีข้อมูลและพยานหลักฐานไม่เพียงพอ กกต.จะคำนึงถึงความถูกต้องของสำนวน บางสำนวนพิจารณาเร็วไม่ได้ ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม เพราะเกี่ยวกับการตัดสิทธิของผู้สมัครต้องใช้ความรอบคอบพอสมควร ถ้าพิจารณาก่อนวันที่ 9 พ.ค.คงจะทัน แต่ถ้าไม่เสร็จค่อยพิจารณาทีหลัง
ทำเนียบฯปรับฮวงจุ้ยใส่ไม้มงคล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ ปีใหม่ตามประเพณีของไทย ทำเนียบรัฐบาลได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์จัดสวนเพิ่มเติม โดยได้ทยอยนำไม้มงคลที่มีกลิ่นหอมมาปลูกประดับเพิ่มเติมหลากหลายชนิด เป็นไม้ประดับที่คนนิยมนำไปปลูกตามคติความเชื่อ ประกอบด้วย ต้นราชาวดี ต้นหอมหมื่นลี้ ต้นพุด 3 สี และต้นพุดเศรษฐีสยาม เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่ได้นำไปปลูกไว้ตามจุดต่างๆของสวนหย่อมภายในทำเนียบฯ โดยจะเน้นปลูกประดับรอบตึกไทยคู่ฟ้า สถานที่ทำงานของนายกฯ
พุดเศรษฐี-หอมหมื่นลี้หนุนมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการนำต้นพุดเศรษฐีสยามมาปลูกไว้ในบริเวณสวนหย่อมด้านข้างศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นไม้มงคลที่ใครปลูกแล้วจะทำให้มีฐานะมั่นคง ส่วนต้นหอมหมื่นลี้มีความเชื่อว่าเป็นไม้ดอกหอม อมตะนิรันดร์กาลที่หอมไกลไปตามลมได้ไกลถึงหมื่นลี้ หรือภาษาจีนเรียก “ดอกกุ้ยฮวา” เป็นไม้มงคลของจีน มีความหมายว่าดี สูงส่ง วิเศษ นิยมมอบให้เพื่อแทนความหมายให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการนำต้นทองอุไรมาปลูกที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณเลียบคลองเปรมประชากร ต้นรวงผึ้งและไม้พะยูง ปลูกไว้ที่บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย
“บิ๊กป้อม” ยกเลิกทำบุญ-งดเปิดบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ได้ยกเลิกกำหนดการเปิดบ้านย่านลาดพร้าว 71 เพื่อทำบุญเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และงดเปิดบ้าน เพื่อให้คนสนิททั้งทหาร ตำรวจ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปเข้าอวยพรและขอพร จากเดิมที่มีกำหนดการเปิดบ้านในวันที่ 14 เม.ย. แหล่งข่าวคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรได้ยกเลิกกำหนดการดังกล่าวแล้วจริงๆ เพื่อต้องการใช้เวลาช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นการส่วนตัวอยู่กับครอบครัว