ศาลกัมพูชาให้ประกันตัว นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และ นางนฤมล จิตรวะรัตนา โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือทั้ง 2 คนต้องพำนักอยู่ที่กัมพูชา ต้องวางหลักทรัพย์เป็นเงินประกันจำนวน 1 ล้านเรียล หรือ 1 หมื่นบาท ซึ่งสถานทูตได้สำรองเงินไปให้ นอกจากนี้หากศาลมีคำสั่งเรียกตัว ก็ต้องไปแสดงตัวทันที
โดยทั้งคู่ได้เดินทางออกจากเรือนจำ และไปอยู่ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ขณะที่คนไทยอีก 5คน ที่เหลือ ยังคงต้องรอความชัดเจนจากทางศาลกัมพูชา ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ และจะนัดตัดสินคดีเมื่อใด โดยเฉพาะกรณี นายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ที่ถูกเพิ่มข้อหา จารกรรมข้อมูลซึ่งทำให้การช่วยเหลือหรือขอประกันตัวยุ่งยากมากขึ้น
ทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์"ได้พยายามเก็บรวบรวมความคิดเห็นของบุคคลในวงการต่างๆทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ถึงเหตุผลที่ว่า เหตุใดศาลกัมพูชาจึงให้ประกันตัวคนไทยแค่2 คนไม่ใช่5หรือ7 คน
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ และ ส.ส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ส่วนตัวให้น้ำหนักไปที่การให้คำให้การของตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา ที่ยอมรับว่าได้พลัดหลงเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อยอมรับเช่นนี้ก็จบ เพราะก็อย่างที่หลายฝ่ายการคาดการณ์ เมื่อมีการยอมรับความผิดเรื่องก็จบ และระวางโทษก็จะไม่รุนแรง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทีมทนายให้ความช่วยเหลือได้บอกให้ ทั้ง2คน ยอมรับผิดไปซะ เพราะก็จะง่ายต่อการประกันตัว ส่วนหลายคนที่มีความเป็นห่วงว่า ถ้ายอมรับความผิดไปแล้ว จะทำให้ยากต่อการต่อสู้เรื่องดินแดนของประเทศในภายหลังนั้น ก็ไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง"
นายต่อพงษ์ระบุอีกว่า"ไม่อยากให้น้ำหนักไปที่การดำเนินการของสถานทูตไทย ทำให้ทั้ง2ได้รับการประกันตัว ไม่ใช่ว่าการทำงานของสถานเอกอัครราชทูตไม่มีผล แต่น่าจะมีผลน้อย สำหรับคนไทยอีก5คนที่เหลือ ศาลกัมพูชาจะให้ประกันตัวหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับคำให้การของคนไทยทั้ง5 เป็นสำคัญ"
...
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวกับ"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์"ว่า กัมพูชาอาจต้องการยกระดับความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ โดยการยัดข้อหา จารกรรมข้อมูล ให้นายวีระ สมความคิด และ นางราตรี พิพัฒนไพบรูณ์ เลขานุการส่วนตัว โดยมีนัยยะแฝง ต้องการให้คนไทยเกิดการเผชิญหน้ากัน
ขณะ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็เห็นว่าเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ ที่ต้องตั้งรับและตกหลุมพราง หมากเกมที่ทางกัมพูชาวางและออกแบบไว้ทั้งหมด ซึ่งในระยะยาวไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาในเรื่องดินแดนที่คนไทยทั้ง7 คนถูกจับตัวไปอย่างแน่นอน
เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีการนำเรื่องนี้หรือประท้วงอย่างเป็นทางการให้ประชาคมโลกได้รับรู้ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานว่าเป็นพื้นที่ฝั่งไทยไม่ได้เป็นของกัมพูชา เพราะการไม่ประท้วงก็เหมือนเป็นการยอมรับ และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็พร้อมจะใช้ประโยชน์จากกรณีนี้อย่างเต็มที่
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงในกรณีเดียวกัน เห็นว่า การที่ศาลกัมพูชาให้ประกันตัว 2 คนไทยในวันนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ตามกระบวนการยุติธรรมของศาล ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ความเป็นจริงส่วนตัวเห็นว่าให้ประกันตัวช้าเกินไปด้วยซ้ำ ส่วนการที่ให้ประกันตัวช้านั้นเห็นว่า ไม่น่าใช่กรณีการขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ ศาลต้องให้ ประกันอยู่แล้ว ยกเว้นจะมีเหตุผลอื่นเช่นหลบหนี
ส่วน ดร.ตระกูล มีชัย อ.คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นต่อทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์"กรณีที่ศาลกัมพูชาให้ประกันตัว นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคปชป. และนางนฤมล จิตรวะรัตนา 2คนไทยในข้อหาล้ำแดนโดยไม่ตั้งใจ ว่า รัฐบาลไทยจะต้องเป็นผู้ตอบคำถามว่าเหตุในกัมพูชาจึงให้ประกันคนไทยเพียง 2คน แล้วที่เหลืออีก5 คนไปไหน เหตุใดจึงได้ประกันคนที่มีตำแหน่งเป็นส.ส. และผู้หญิงอีก1 คน ทั้งนี้มีข้อสงสัยว่า เป็นขบวนการยุติธรรมของศาลกัมพูชา จริงหรือไม่ หรือเป็นกระบวนการเพราะการเข้าไปเจรจาของรัฐบาลไทย
สิ่งนี้รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ให้คำตอบ ไม่ใช่ให้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ตอบ เพราะถ้าไม่ตอบคำถามให้กระจ่าง ก็เกิดความแตกแยกขึ้นมาในประเทศ เนื่องจากการได้ประกันตัว 2คนไทย ไม่ได้ทำใ ห้กระแสกลุ่มคนที่เรียกร้องอยู่ลดน้อยลง แต่จะกลับสร้างปัญหาขึ้นมาอีก เพราะจะเกิดความคลางแคลงใจในหมู่คนไทย ว่า ทำไมคนที่เป็นส.ส. ถึงได้ประกันตัวก่อนแล้วที่เหลือละ? อย่างนี้สู้ไม่ให้ประกันตัวทั้งหมดเลยจะเป็นการดีกว่า
ดังนั้นรัฐบาลโดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นผู้ตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมบางคนถึงได้ประกัน ถ้าประกันตัวทั้ง5 คน และเหลือเพียง2 คน คือ นายวีระ สมความคิด และ นางราตรี พิพัฒนไพบูรน์ ที่ไม่ได้ประกัน อย่างนี้ก็ยังสามารถตอบสังคมได้ว่า ทั้ง2 คนถูกตั้งข้อหา จารกรรมข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งมีโทษหนักกว่า ทำให้ศาลต้องมีการไต่สวน พิจารณาเพิ่มซึ่งก็มีเหตุผล แต่นี่มันไม่ใช่
ขณะที่ ปัญหาศาลกัมพูชาให้ประกันตัว 2คนไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ตอบคำถามด้วยตนเอง จะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศมาตอบคำถามแทนไม่ได้ การที่นายกรัฐมนตรีวางเฉย หรือเหมือนไม่ใส่ใจต่อปัญหาเท่าที่ควร กลับเป็นผลเสียต่อตัวนายกรัฐมนตรีเอง เนื่องจากภาวการณ์เป็นผู้นำจะหายไป
นอกจากนี้ ดร.ตระกูลกล่าวอีกว่า ไม่เข้าใจในกระบวนการทางการทูตไทยที่ดำเนินการอย่างนี้หากเป็นในต่างประเทศ บุคคลที่จะสามารถสื่อสารกับสาธารณชนได้ก็คือนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้นำ ประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความสนใจ และจริงจังในการแก้ปัญหามากกว่านี้
พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช วุฒิสมาชิก อดีตจเรทหารทั่วไป ยอมรับการตัดสินให้ประกันตัว 2 คนไทย ของศาลกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีของนายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าศาลกัมพูชาก็ต้องดูว่า บุคคลใดใน 7คนไทยมีเจตนาเกี่ยวพันกับการบุกรุกพื้นที่ น้อยที่สุด ซึ่งนายพนิชเองยังมีตำแหน่งเป็นส.ส. และเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ และยังไม่มีเจตนาล้ำแดน
ดังนั้นศาลจึงน่าพิจารณาให้ได้รับการประกันตัวก่อน ซึ่งต่างกับนายวีระ สมความคิด ที่ศาลกัมพูชามองว่ามีประวัติเคยบุกรุกพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง แต่เชื่อว่าเดี๋ยวศาลก็คงค่อยๆพิจารณาให้ประกันตัวเพิ่ม ส่วนที่มีการมองกันว่า อีก3คนก็ไม่เคยมีประวัติเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ทำไมถึงไม่ได้รับการประกันตัว ก็ต้องไปตรวจสอบว่าทั้ง 3คน เป็นพวกของใคร เป็นพวกเดียวกับนายวีระหรือไม่
ขณะที่พล.อ. เลิศรัตน์ เชื่อศาลกัมพูชาน่าจะมีคำตัดสินออกมาในไม่ช้า นี้ เฉพาะ 2ข้อหาแรก เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และบุกรุกพื้นที่เขตทหาร ภายใน5-7วันนี้ คดีคุณวีระก็ตัดสินช้าไปอีกหน่วย แต่ทุกอย่างคงต้องไปจบที่การขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการ เกรงกันว่า การไปยอมรับผิดจะต้องทำให้ไทยอาจต้องเสียดินแดนไปนั้น คงต้องแยกออกจากกัน เป็น2 ส่วน ต้องเข้าใจก่อนว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่เป็นปัญหายังไม่มีการปักปันเขตแดน แต่กัมพูชายึดครองอยู่ ซึ่งภายหลังก็จะต้องมีการมาพิสูจน์กันว่าเป็นเขตแดนของประเทศใดในอนาคต ไทยต้องยืนยันว่าคำตัดสินของศาลไม่ใช่เป็นคำวินิจฉัย แต่ต้องว่ากันด้วยเรื่องการปักปันเขตแดนที่เรายังเริ่มไม่ได้สักที.