ยื่นกว่า40รายแต่ไร้ ‘กปปส.’ ปชป.เช็กแถว

กลุ่มการเมืองตบเท้าเข้าสำนักงาน กกต.ขอตั้งพรรคการเมืองใหม่คึกคัก ทยอยมาแต่เช้า มืด บางรายถึงขั้นรอข้ามคืน กองเชียร์-สีสันการเมืองอบอวลหลังเรื้อร้างไปนาน กกต.เผยยังมีอีกหลายขั้นตอน ใช่ว่าจะได้เป็นพรรคการเมืองทั้งหมด ทำกิจกรรม-หาสมาชิกยังต้องขออนุญาต คสช. สรุปขอจองรายชื่อกว่า 40 พรรค แต่ยังไร้เงากลุ่ม กปปส. “ธานี” เสียงเพี้ยน บอกไม่รู้เรื่อง โบ้ยถามคนเกี่ยวข้อง “สุเทพ” แทงกั๊กแบ่งรับแบ่งสู้ ยังมีเวลาตัดสินใจ ปชป.เชื่อสมาชิกแยกไป กปปส.ไม่กี่คน “มาร์ค” นัดเช็กชื่อ 1 เม.ย. “วรชัย” เย้ย กปปส.ไร้ราคาได้ไม่เกิน 5 เก้าอี้ “วิษณุ” ยันเป็นสิทธิพรรคไหนประกาศหนุนใครเป็นนายกฯ กำลังดูยกเลิก ม.44 บางคำสั่ง นายกฯ ยัน “ไทยนิยม” ไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

บรรยากาศการเมืองคึกคักขึ้นมา หลังมีการคลายล็อกให้ดำเนินกิจกรรมบางอย่าง ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ระบุให้มีการดำเนินการเชิงธุรการขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ได้ในวันที่ 2 มี.ค. บรรดากลุ่มการเมืองต่างๆ ทยอยเดินทางไปยื่นความจำนงขอจัดตั้งพรรคที่สำนักงาน กกต.ตั้งแต่เช้ามืด

...

คึกคักแห่จองชื่อพรรคแต่ไก่โห่

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บรรยากาศคึกคักตั้งแต่เช้ามืด บรรดากลุ่มการเมืองทยอยเดินทางมารอที่หน้าสำนักงานฯ เพื่อแจ้งขอจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองตั้งแต่เวลา 05.00 น. ภายหลังมีการเปิดให้แจ้งความจำนงจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ กระทั่งเวลา 06.00 น. จึงมีการแจกบัตรคิว โดยกลุ่มพลังชาติไทย ที่นำโดย พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย มารอคิวตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 1 มี.ค. จึงได้รับบัตรคิวเป็นกลุ่มแรก ตามด้วยกลุ่มการเมืองที่ขอใช้ชื่อพรรคประชาไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน เป็นลำดับถัดมา

สีสันการเมืองทั้งดอกไม้–กองเชียร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มการเมืองที่ขอใช้ชื่อพรรคเพื่อชาติไทยของนางอัมพาพันธ์ ธนเดชสุนทร อดีตภรรยา พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้า รสช. มีว่าที่ พ.ต.กรพต รุ่งหิรัญวัฒน์ นำคณะมายื่นจดแจ้ง โดยขนกองเชียร์สวมเสื้อยืดสีขาวข้างหน้าสกรีนรูปของนางอัมภาพันธ์ พร้อมข้อความ “ย่ายุ้ย อัมพาพันธ์” เพื่อชาติไทย ส่วนด้านหลังเสื้อสกรีนรูปภาพหน้าของนักการเมืองที่เป็นคู่ขัดแย้ง เช่น นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. และมีข้อความ “ปรองดอง” มาสร้างสีสันดึงดูดความสนใจ ขณะที่กลุ่มการเมืองอื่นๆ ก็มีการขนกองเชียร์มาชูป้าย พร้อมมอบดอกไม้กันอย่างคึกคัก

ไร้เงา กปปส.ยื่นเอกสารตั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่ม กปปส.ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ ระบุว่าจะเดินทางมาจดแจ้งขอตั้งพรรคมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ปรากฏว่าไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด ด้านนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ได้เดินทางมาพร้อมกับนายเอกพร รักความสุข และคณะผู้ร่วมจัดตั้งพรรคพลังพลเมืองไทย

กกต.อำนวยความสะดวกเต็มที่

ขณะที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. พร้อมด้วยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ได้เดินมาตรวจความพร้อมก่อนเปิดจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยประธาน กกต.กำชับให้สำนักงานอำนวยความสะดวกให้กับผู้มายื่นจดแจ้งตั้งพรรค การเมืองอย่างเต็มที่ รวมถึงขอให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และคำสั่ง คสช.อย่างเคร่งครัด ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เผยว่า จนถึงเวลา 08.00 น. กลุ่มการเมืองยื่นแสดงความจำนงขอจดจองชื่อพรรคถึง 30 ชื่อ ถือเป็นความตื่นตัวที่น่าสนใจ มีประชาชนมาจับจองชื่อพรรคเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเป็นพรรคการเมืองได้ทั้งหมด 30 พรรค เพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้อีกหลายอย่าง การยื่นจดวันนี้เป็นเพียงใบเบิกทาง

ต้องตรวจสอบเอกสาร 30 วัน

ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน กกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะรักษาการเลขา กกต.และนายทะเบียนพรรค แถลงว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้ผู้ประสงค์ขอจดจัดตั้ง ซึ่งมีกลุ่มการเมืองสนใจจำนวนมาก โดยเบื้องต้นมี 34 พรรค เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้รับเอกสารและใบรับจอง กลุ่มการเมืองทั้งหมด ก็จะทำการตรวจสอบความ ถูกต้อง โดยเฉพาะคุณสมบัติของสมาชิกพรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดไว้ค่อนข้างสูงกว่ากฎหมายเดิม โดย กกต.จะส่งรายชื่อผู้ขอจดจัดตั้งพรรคไปตรวจสอบลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรค กับ 9 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กรมราชทัณฑ์ สำนักงาน ก.พ. ศาลยุติธรรม สำนักงานเลขา– วุฒิสภา ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ และคาดว่าจะดำเนินการในเรื่องของการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ภายใน 30 วัน ก่อนจะมีการออกใบหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อให้กลุ่มการเมืองไปดำเนินการหาผู้ร่วมจัดตั้งไม่น้อยกว่า 500 คน ประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 250 คน รวบรวมเงินทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง

หาสมาชิกต้องขออนุญาต คสช.

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวอีกว่า กลุ่มการเมือง สามารถยื่นหนังสือขออนุญาตดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อ คสช. ผ่านสำนักงาน กกต. ได้เลยเพื่อใช้ในขั้นตอนการหาผู้ร่วมก่อตั้ง 500 คน และการจัดประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมือง จะได้ไม่เกิดปัญหากระทำขัดต่อคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน หรือเคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมือง โดยในใบที่ยื่นขออนุญาตนั้นจะต้องระบุประเภทกิจกรรม ห้วงเวลา สถานที่ จำนวนผู้เข้าร่วมโดยประมาณ ผู้รับผิดชอบจัดกิจกรรมในแต่ละครั้ง และขออนุญาตด้วยตนเอง ซึ่งขณะนี้มี 2 กลุ่มการเมือง ที่ได้ยื่นขออนุญาตกับ กกต.แล้ว แต่การอนุญาตทาง คสช.จะแจ้งตรงไปยังพรรคการเมือง การยื่นจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ แม้พ้นวันที่ 30 มี.ค.สามารถดำเนินการได้ตลอด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่บังคับใช้อยู่

สรุปช่วงเช้าแห่จองพรรค 41 ชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 12.00 น. มีกลุ่มการเมืองยื่นแสดงความจำนงขอจดจองชื่อพรรครวมทั้งสิ้น 41 ชื่อ โดยในลำดับที่ 41 ขอใช้ชื่อ “พรรคเห็นแก่ตัว” ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเข้าข่ายการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ และ กกต.อาจจะแจ้งให้นำกลับไปแก้ไขหรือไม่ ขณะที่พรรคประชาชาติ มีนายสุรพล นาควานิช เป็นผู้ยื่นคำขอจดแจ้ง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่านายสุรพลมีนามสกุลเดียวกับ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี อดีต ผบ.ทบ.

ตั้งชื่อพรรคเห็นแก่ตัวเรียกเรตติ้ง

นายกริช ตรรกบุตร ว่าที่หัวหน้าพรรคเห็นแก่ตัว กล่าวถึงแนวคิดการตั้งชื่อพรรคเห็นแก่ตัวว่า สังคมทุกวันนี้ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัว เชื่อว่าไม่มีใครเห็นแก่ประเทศชาติ ดังนั้นสมาชิกในพรรคจึงเห็นพ้องที่จะใช้ชื่อนี้เป็นชื่อพรรค และเชื่อว่าชื่อนี้จะผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการ และทำให้ประชาชนจดจำ แต่หากชื่อนี้ไม่ผ่าน ก็ได้เตรียมเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น พรรคเห็นแก่ชาติ เป็นชื่อสำรองไว้แล้ว ยอมรับว่าเป็นการสร้างเรตติ้ง เพราะเพียงแค่มายื่นจดทะเบียนวันแรก ก็ได้รับความสนใจจากสื่อจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ทางพรรคมีแนวทางที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯต่ออีกสมัย แต่ขณะนี้เริ่มไม่แน่ใจในนโยบายของนายกฯว่าทำเพื่อประเทศชาติหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบาย 4.0 ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของประชาชนได้

“พลังพลเมืองไทย” ยังอุบหนุน “บิ๊กตู่”

นายเอกพร รักความสุข แกนนำกลุ่มพลังพลเมืองไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคนอมินีของพรรคเพื่อไทย และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหรือไม่ เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่จุดยืนของพรรคจะทำให้การเมืองเกิดความมั่นคงทางการเมือง

นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ แกนนำกลุ่มพรรคพลังพลเมืองไทย กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักที่ตั้งพรรค เพราะ 1.ต้องการลดความขัดแย้ง เบื่อหน่ายความขัดแย้งที่มีมายาวนาน 2.ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่คนรวย คนจน ต่างกันมาก จึงเสนอตัวเป็นพรรคคนกลางที่จะเชื่อมต่อกับทุกพรรค และไม่มีปัญหากับพรรคเก่าที่สังกัด ส่วนการจะสนับสนุนพลเรือน หรือทหารเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งยังเร็วเกินไป ต้องดูผลหลังการเลือกตั้งก่อน

“เพื่อชาติไทย” ขอว่าตามประชาชน

ว่าที่ พ.ต.กรพต รุ่งหิรัญวัฒน์ แกนนำกลุ่มเพื่อชาติไทย กล่าวว่า มาจดแจ้งเพื่อขอตั้งพรรคเพื่อชาติไทย ที่นางอัมพาพันธ์ ธนเดชสุนทร อดีตภรรยาของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตหัวหน้าคณะ รสช. เมื่อปี 2535 ประกาศไว้ก่อนนี้ โดยเจ้าตัวไม่ได้มาสมัครด้วยตัวเอง ตนมาสมัครแทน ส่วนพรรคจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชน แต่ส่วนตัวนางอัมพาพันธ์ รู้และเข้าใจคณะปฏิวัติว่าต้องการอะไร เพราะเคยร่วมทำงานกับคณะปฏิวัติมาก่อน ขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจความต้องการของฝั่งประชาธิปไตยเป็นอย่างดี

“ไทยศรีวิไลย์” ชูล้างทุจริต–ยึดทรัพย์

ขณะที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธรานนท์ และนายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล เน็ตไอดอล แกนนำกลุ่มไทยศรีวิไลย์ ก็มาจดแจ้งขอตั้งพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยยืนยันพรรคไม่ได้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่สนับสนุนให้มีการปราบทุจริตคอร์รัปชัน และขอให้มีการยึดทรัพย์สินนักการเมืองที่ทุจริตโกงกินให้ตกเป็นของรัฐ และพร้อมจะสนับสนุนเลือกนายกฯจากพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงมาเป็นอันดับ 1

“ธานี” เสียงเพี้ยน บอกไม่รู้เรื่อง

เมื่อเวลา 08.50 น. นายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ น้องชายนายสุเทพให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์หลังไม่ปรากฏว่ามีตัวแทนเดินทางมาจองชื่อเพื่อจดแจ้งเป็นพรรค การเมืองตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้ผมอยู่ที่สุราษฎร์ฯ” เมื่อถามว่าสื่อมวลชนมารอตัวแทนกลุ่มที่จะมาจดแจ้งตั้งพรรค วันนี้จะมาตามที่ระบุหรือไม่ นายธานีกล่าวว่า “ผมไม่ทราบอะไรเลย และก็ไม่ได้เป็นกรรมการในมูลนิธิฯ หรือแกนนำอะไร ขอให้สอบถามคนที่เกี่ยวข้องดีที่สุด”

“สุเทพ” ขอให้แยกแยะใครพูด

ต่อมาเวลา 09.05 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ มปท. และแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงความชัดเจนในการส่งตัวแทนกลุ่มมาจดแจ้งขอตั้งพรรคว่า ที่ตนพูดไปที่หน้าศาลอาญาเมื่อวันก่อนถือว่าชัดเจนที่สุดแล้วว่าไม่ลงเลือกตั้งไม่รับตำแหน่งใดๆทางการเมือง แต่ยืนยันที่ได้ปวารณาตัวว่าจะรับใช้ประชาชน โดยยึด ชาติ ศาสนา และสถาบัน พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก จนถึงวันนี้ยังไม่ได้มีการรวบรวมรายชื่อคน หรือใครเพื่อตั้งพรรค แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมามวลชนกลุ่ม กปปส. มีความสนใจเรื่องตั้งพรรค แต่ก็เป็นต่างกลุ่มต่างคุย เมื่อสิ่งที่ตนพูดไม่ถูกใจสื่อมวลชน เพราะเอาไปพาดหัวข่าวไม่ได้ สื่อจึงไปถามแกนนำ หรือคนใกล้ชิดตน เช่น นายธานี หรือคนอื่นๆ เมื่อสื่อไล่ถามเขา เขาอาจจะคิดอย่างนั้นก็พูดออกไป เพราะมีมวลมหาประชาชนส่วนหนึ่งคิดที่จะตั้งพรรค แต่คนไม่แยกแยะว่าเป็นคนละคนกัน ไม่ใช่นายสุเทพพูด

แทงกั๊กแบ่งรับแบ่งสู้ยังไม่ตกผลึก

“ที่ผ่านมาคนของ กปปส.ต่างคนต่างคิด มีมากที่จะขอให้ตั้งพรรค ผมเองก็ไม่ต้องการชี้นำประชาชน เพราะส่วนตัวของผมมีหลักคิดโดยยึดประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก และบอกมานานแล้วว่า พร้อมรับใช้ประชาชน เรื่องการตั้งพรรควันนี้ยังไม่ตกผลึก แต่ยังมีระยะเวลาคือตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ผมยังยืนยันว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังมีเวลา แม้ขณะนี้สถานการณ์และแนวโน้มทางการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ยังไม่ถึงเวลาของการตั้งพรรค ส่วนบรรดาแกนนำ กปปส.ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผมก็บอกให้กลับพรรคทุกคน” นายสุเทพกล่าว เมื่อถามว่า ทางกลุ่มจะไม่มาจดแจ้งเพื่อตั้งพรรคการเมืองภายในเดือน มี.ค. จะเลยเวลาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ตนเข้าใจว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไปมากกว่า และอย่าคาดคั้นเลย เมื่อถามอีกว่า แสดงว่าเวลานี้ยังไม่ตกผลึกหรือเพราะคุยกับคนที่จะร่วมงาน อาทิ นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกสัยสุข และ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ยังไม่ลงตัว นายสุเทพตอบว่า ตนคุยได้กับทุกคนเพราะผ่านงานต่างๆมามาก

กกต.พอใจคนสนใจเกินคาด

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กตต. กล่าวว่า ภาพรวมพอใจที่มีผู้สนใจจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ไม่คาดคิดว่าจะมีมากขนาดนี้ กกต.พยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ส่วนจะมีการเลือกตั้งในปี 62 หรือไม่นั้น ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการก็ทัน กกต.รีบดำเนินการอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ผู้ที่มายื่นจดจัดตั้งพรรคใหม่นั้น กกต.กังวลเรื่องของนอมินีหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า กกต.ไม่มีหน้าที่กลัว มีหน้าที่บริการรับจดทะเบียนพรรค หากยื่นถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดเราก็ต้องรับจด เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการตั้งพรรคเพื่อขายชื่อพรรคให้คนอื่น นายศุภชัยตอบว่า การตั้งพรรคต้องมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท จะตั้งไว้เพื่อขายให้คนอื่นหรือไม่ เราไม่ทราบ หากตั้งเพื่อขายถือว่าไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนด ต้องดูว่าเขาทำผิดตรงไหน

ปิดจองชื่อวันแรกยอด 42 พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดให้กลุ่มการเมืองยื่นขอแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นวันแรก ตลอดทั้งวันมีกลุ่มที่มายื่นขอจดจัดตั้งพรรค 42 พรรค ประกอบด้วย 1.พรรคพลังชาติไทย 2.พรรคประชาไทย 3.พรรคพลังประชารัฐ 4.พรรคประชาชนปฏิรูป 5.พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน 6.พรรคประชาชาติ 7.พรรคชาวนาไทย 8.พรรคพัฒนาไทย 9.พรรคเครือข่ายประชาชนไทย 10.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 11.พรรคพลังพลเมืองไทย 12.พรรคพลังธรรมใหม่ 13.พรรคไทยเอกภาพ 14.พรรคประชาภิวัฒน์ 15.พรรคสหประชาไทย 16.พรรคทางเลือกใหม่ 17.พรรคชาติพันธุ์ไทย 18.พรรครักษ์แผ่นดินไทย 19.พรรคแผ่นดินธรรม 20.พรรคเพื่อชาติไทย 21.พรรคกรีน 22.พรรคประชานิยม 23.พรรคพลังสยาม 24.พรรคสยามธิปัตย์ 25.พรรคของประชาชน 26.พรรคพลังอีสาน 27.พรรครวมใจไทย 28.พรรคไทยศรีวิไลย์ 29.พรรคประชามติ 30.พรรคพลังไทยยุคใหม่ 31.พรรคไทยรุ่งเรือง 32.พรรคเพื่อสตรีไทย 33.พรรครากแก้วไทย 34.พรรคน้ำใจไทย 35.พรรคไทยเสรีประชาธิปไตย 36.พรรคฅนสร้างชาติ 37.พรรครวมไทยใหม่ 38.พรรคสามัญชน 39.พรรคสยามไทยแลนด์ 40.พรรคปฏิรูปประเทศไทย 41.พรรคเห็นแก่ตัว และ 42.พรรคภาคีเครือข่ายไทย

“วิรัตน์” เผย กปปส.ย้ายกลับ ปชป.

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.จะตั้งพรรคการเมือง สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ ว่า การที่นายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพออกมาประกาศแล้ว ก็เชื่อได้ว่าจะมีการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองเพื่อมาสนับสนุนหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯต่อแน่ๆ ซึ่งขัดกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ไม่สามารถประกาศจุดยืนสนับสนุนคนอื่น นอกจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กรณีลักษณะแบบนี้เคยเกิดขึ้นสมัย 10 มกรา ตอนนั้นทุกคนกังวลว่าพรรคประชาธิปัตย์จะล่มสลาย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค เป็นแกนหลัก มีอดีต ส.ส.พรรคไปร่วมด้วยหลายสิบคน และมีทุนใหญ่คอยสนับสนุน แต่รอบนี้เท่าที่สอบถามแกนนำ กปปส.ต่างยืนยันจะต่อสู้ยืนหยัดกับพรรค นอกจากนายธานีที่ประกาศชัดเจน ก็ไม่น่าจะมีอดีต ส.ส.คนอื่นไปสังกัดพรรคนายสุเทพ หรือถ้ามีก็เป็นจำนวนเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับสมัย 10 มกรา เชื่อว่าประชาธิปัตย์สามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ส่วนตัวอยู่กับพรรคล้านเปอร์เซ็นต์

กล่อมอย่าสนใจพรรคเฉพาะกิจ

“ยอมรับความจริงว่านายสุเทพกับมวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีความใกล้ชิดสนิทสนม ดังนั้นการที่นายสุเทพประกาศเช่นนี้ ย่อมสร้างความหวั่นไหวให้พอสมควร อนาคตของพรรคจึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน และมวลสมาชิก ว่าจะยืนหยัดตามแนวทางพรรค หรือจะไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าดูตามสภาพ พล.อ.ประยุทธ์คงเล่นการเมืองสมัยเดียว พรรคดังกล่าวน่าจะเป็นพรรคเฉพาะกิจเท่านั้น และที่สำคัญนายสุเทพประกาศไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป” นายวิรัตน์กล่าว

“มาร์ค” นัดสมาชิกรายงานตัว 1 เม.ย.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกอดีต ส.ส.และอดีตผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์มารายงานตัวในวันที่ 1 เม.ย. ว่า เป็นการให้มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค เพราะกฎหมายกำหนดให้สมาชิกพรรคมาแสดงตัวได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป โดยวันดังกล่าวจะไม่มีการประชุมกันอย่างเป็นทางการ เมื่อถามถึงกระแสข่าว นายสุเทพจะตั้งพรรคการเมือง ตอนนี้มีแกนนำ กปปส.มาแจ้งความจำนงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า แกนนำ กปปส.ทุกคนก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ อีกทั้งวันนี้พรรคการเมืองเก่ายังไม่สามารถทำอะไรได้ ใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกจึงยังไม่สามารถมาสมัครได้ และตั้งแต่มีกระแสข่าวนายสุเทพจะตั้งพรรค ตนก็ยังไม่ได้พูดกับนายสุเทพแต่อย่างใด

ยังสงวนท่าทีร่วมพรรค “เทพเทือก”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีการกำชับให้สมาชิกทุกคนต้องมาแสดงตัวในวันที่ 1 เม.ย. เว้นแต่มีกำหนดนัดหมายงานสำคัญไว้ล่วงหน้าเท่านั้น เบื้องต้นคนในพรรคต่างสงวนท่าที หลังมีกระแสข่าวการตั้งพรรคของนายสุเทพ โดยเฉพาะในไลน์กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” ยังไม่มีวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เพราะนายสุเทพและนายธานี ก็ยังอยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวด้วย

“แม่เลี้ยงติ๊ก” ยันยังอยู่ ปชป.

นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่านายสุเทพจะตั้งพรรคหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรส่วนตัวก็ยังจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป แต่เมื่อนายสุเทพประกาศไม่เล่นการเมืองและย้ำมาโดยตลอด ก็ยังเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ในอนาคตตนไม่ทราบ แต่มั่นใจว่าสิ่งที่นายสุเทพต้องการคือทำให้ระบอบทักษิณหมดไป นายสุเทพจึงสนับสนุนแนวทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่จะปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง

“วรชัย” เย้ย กปปส.ได้เต็มที่ 5 คน

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กลุ่่ม กปปส. จะจัดตั้งพรรค การเมืองว่า วันนี้ความนิยมของ กปปส.หมดไปแล้ว กปปส.เกิดจากการระดมคนขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาจากพื้นที่ภาคใต้ ถ้าออกจากพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็น ส.ส.ยาก วันนี้จึงเห็นอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาอยู่ กปปส.ส่วนใหญ่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์หมดแล้ว คงไม่มีใครไปอยู่กับพรรค กปปส. ที่คะแนนนิยมหมดลงแล้ว เพราะนายสุเทพพูดตลอดว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. แต่พบว่าการบริหารประเทศไม่สามารถทำให้ชีวิตประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้น หากมีคนไปอยู่กับนายสุเทพก็คงเป็นญาติพี่น้องเพียงไม่กี่คน สุดท้ายพรรค กปปส.คงมี ส.ส.ไม่เกิน 5 คน และคงไม่มีพลังในการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกครั้ง

“วิษณุ” ชี้เป็นสิทธิหนุนนายกฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการเปิดให้จดจองชื่อพรรคการเมืองใหม่เป็นวันแรกว่า พรรคการเมืองใหม่สามารถประชุมผู้ก่อตั้งพรรค 250 คนได้เพื่อสรรหากรรมการบริหารพรรค และร่างข้อบังคับพรรค เมื่อร่างเสร็จต้องดำเนิน–การจดทะเบียนพรรค แต่ระหว่างนี้หากจะประชุมพรรคต้องขออนุญาต คสช.ก่อน โดยใช้ช่องทางขออนุญาตผ่าน กกต. ที่ทำหน้าที่สอดส่องดูแลก่อนจะส่งให้ คสช.พิจารณา คสช.จะพิจารณาเป็นกรณีไป และจะดูการเคลื่อนไหวต่างๆไม่ให้เกินขอบเขต เพราะยังไม่ได้ปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมือง ส่วนที่บางพรรคประกาศสนับสนุนบุคคลต่างๆ เป็นนายกฯแล้วนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ เพียงแต่จะยังไม่สามารถเสนอนโยบายของพรรคได้ในตอนนี้ อย่างไร ก็ตาม ตนตอบไม่ถูกว่าพรรคการเมืองที่จดทะเบียนใหม่จะสามารถเคลื่อนไหวได้มากน้อยแค่ไหน แต่ให้ถือหลักว่าถ้าจะทำอะไรให้แจ้ง คสช.ไว้ก่อน

กำลังดูเลิกบางคำสั่ง ม.44

นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับว่า เท่าที่ทราบ กกต.ส่งข้อเสนอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นกลับมายังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าส่วนของ กกต.จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในสัปดาห์หรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของรัฐบาล สามารถพิจารณาอะไรเพิ่มเติมได้หรือไม่ถ้ามีการส่งร่างกฎหมายมา นายวิษณุตอบว่า มีสิทธิทำได้ รัฐบาลสามารถปรับปรุงหรือแก้ไขได้ เพียงแต่ต้องมีการพูดคุยกับ กกต.ก่อน ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณายกเลิกคำสั่งมาตรา 44 นายวิษณุกล่าวว่า กำลังพิจารณากันอยู่ ได้บอกให้มีการพิจารณาทบทวนกันตั้งแต่เดือน ม.ค. ย้ำไปแล้วว่าพอขึ้นปีใหม่จะถือเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว ต้องพยายามไม่ออกใหม่เพิ่ม ตอนนี้รู้แล้วว่าจะยกเลิกคำสั่งอะไรบ้าง เพียงแต่ยังยกเลิกไม่ได้เพราะเขาใช้อยู่และยังไม่มีกฎหมายใหม่มาแทน

“อิสสระ” ไม่เชื่อเลือกตั้ง ก.พ.62

นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ระบุจะมีการเลือกไม่เกินเดือน ก.พ.62 ว่า จากการรับฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความเชื่อมั่นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะโรดแม็ปของท่านเลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง ล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับจะผ่านการพิจารณาของ สนช. เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถสั่งสนช.ได้ใช่หรือไม่ และที่ กมธ.3 ฝ่าย และ สนช.ต่างดาหน้ายืนยันว่าจะไม่มีการคว่ำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ หมายความว่าอย่างไร เรื่องเหล่านี้คอการเมืองจึงไม่ให้ความเชื่อถือว่าจะมีการจัดเลือกตั้งจริง แต่ถ้าจะอ้างว่าอยู่ต่อเพื่องานการปฏิรูปประเทศ ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าจะสำเร็จจับต้องได้สักเรื่อง

“วิษณุ” ชี้ “สมชัย” รู้ได้ด้วยตัวเอง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิจารณ์นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. สมัครเลขาธิการ กกต. ทั้งที่เป็นผู้ยกร่างระเบียบกฎเกณฑ์การสมัครเอง จะถือว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ว่า ตนไม่รู้ ไม่น่าจะเป็นข้อห้ามอะไร ตอนเขียนคงไม่ได้เขียนสำหรับตัวเอง เป็นการเขียนไปตามหน้าที่ คิดว่าไม่ขัดกัน อย่างเช่น ส.ส.และ ส.ว.เขียนและพิจารณากฎหมาย พอถึงเวลาเขาก็ลงสมัคร ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดังนั้นเราต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็นเรื่องความเหมาะสม ไม่เหมาะสม และอะไรเลยขั้นตอนของกฎหมาย อะไรเป็นเรื่องที่ผิดรัฐธรรมนูญ ส่วนเหมาะสมหรือไม่ตนไม่ตอบ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ หมายความว่าวิญญูชนพึงรู้ได้ด้วยตนเอง คนอื่นหาควรไปรู้แทนไม่ เมื่อถามว่า แสดงว่านายสมชัย ควรรู้ได้ด้วยตนเองใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ไม่รู้ ผมสวดมนต์ให้ฟัง แล้วไปคิดเอาเอง”

โว กกต.ลาออกยกเข่งก็มีวิธีแก้

เมื่อถามว่า มีการเตรียมรับมือกรณีที่ กกต.จะเหลือเพียง 3 คนหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หายไปสักคน กฎหมายมีทางออกอยู่ แต่ถ้าอธิบายตอนนี้เสียเวลาเปล่า บางคนไปวิตกจริตและไปตกใจเสียก่อนแล้วลงมือด่าก่อนเลยวุ่นวาย ถึงเวลาปัญหาก็แก้ของมันได้ เมื่อถามว่า กฎหมายมีช่องให้แก้ไขได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ใช่ถึงจะลาออกหมดทั้ง 5 คนก็แก้ไขได้”

“สมชัย” ไม่สะดุ้งถูกเตะตัดขา

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารโจมตีระบุว่าขาดคุณสมบัติในการลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กกต.ว่า ขึ้นอยู่คณะกรรมการสรรหาของ กกต.ที่จะตรวจสอบคุณสมบัติของตน โดยใช้เวลาประมาณ 30 วันคงไม่ไปดำเนินการอะไร ผลออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ

“บิ๊กตู่” ลั่น “ไทยนิยม” ไม่ผลาญงบ

ค่ำวันเดียวกัน เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ยึดหลัก 9 ประการคือ 1.คนไทยรักกัน สร้างความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้นให้ได้ 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน ดูแลผู้มีรายได้น้อย 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข พัฒนาความเป็นอยู่อาชีพและรายได้ 4.วิถีไทยวิถีพอเพียง 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี 6.รู้กลไกการบริหารราชการ 7.รู้รักประชาธิปไตยในหลักธรรมาภิบาล 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี และ 9.บูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนเพิ่มภารกิจให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อน 4 ระดับคือ ระดับประเทศ จังหวัด อำเภอ และตำบล ขอให้เชื่อมั่นรัฐบาลจริงใจช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ไม่ยอมให้เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างที่บางคนพยายามชักใบให้เรือเสีย และกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับทำงานอย่างซื่อสัตย์ และช่วงที่เรากำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนต้องช่วยกันรักษาความสงบ มีเสถียรภาพในทุกมิติ เราต้องพัฒนาประเทศ พร้อมกับการเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล

ขอให้ช่วยกันสอดส่องทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการขจัดปัญหาทุจริตว่า ขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร้องทุกข์กล่าวโทษ การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ลงไปในทุกพื้นที่ ไม่ให้มีการทุจริตในทุกโครงการ เพราะบางครั้งการตรวจสอบในขั้นตอนของราชการทำได้ไม่สมบูรณ์ ขอย้ำข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องดูว่าเอกสารที่ได้มาถูกต้องหรือไม่ เช่นข่าวความไม่ปกติของการช่วยเหลือผู้ยากไร้เอกสารต้องดูให้ครบ เมื่อมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษมาหรือให้ข้อมูลมา เราก็นำไปสู่การพิสูจน์ ต้องช่วยกันอย่าปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของนายกฯคนเดียว ไม่ต้องกลัวรัฐบาลปกป้อง อย่างเช่น น้อง 2 คนก็ได้ดูแลไปแล้ว ควบคู่การเรียนรู้กฎหมาย เรียนรู้สิทธิของตัวเอง อย่าให้ใครมาใช้สิทธิของเราไปในทางที่ไม่ถูกต้อง