เรื่องใช้เงินเก่ง ใช้เงินไม่อั้น ใช้เงินเกินหน้าตัก ต้องยกให้รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนะขาด

สาเหตุที่รัฐบาลบิ๊กตู่จ่ายหนักแจกกระหน่ำยิ่งกว่ารัฐบาลอื่นๆ เพื่อเร่งอัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่ๆไปกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นจากสลบ

แม้ว่าบัดนี้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นแล้วก็จริง รัฐบาลยังต้องเร่งอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และต่อไปให้สุดลิ่มทิ่มประตู

ล่าสุด รัฐบาลประกาศอัดฉีดงบกลางปีเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท

เพิ่มพิเศษจาก พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2561 ซึ่งกำหนดวงเงินไว้ที่ 2.9 ล้านล้านบาท

เพื่อเร่งอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าให้เห็นผลทันตาก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหญ่

เรียกว่าวางแผนจัดหนักซื้อใจรากหญ้าเต็มอัตราศึก

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการที่รัฐบาล คสช.จัดงบอัดฉีดกลางปีเพิ่มอีกก้อนใหญ่ ทำให้งบประมาณรายจ่ายประเทศปี 2561 ต้องขาดดุลสูงถึง 5.5 แสนล้านบาท

ถ้าเปรียบเทียบงบรายจ่ายประเทศปีนี้ กับงบรายจ่ายประเทศปี 2560 พบว่าขาดดุลบานทะโร่เท่ากันคือ 5.5 แสนล้านบาท

สรุปว่าในเวลาเพียง 2 ปี (2560-2561) รัฐบาลบิ๊กตู่ใช้เงินมือเติบเกินหน้าตักไปถึง 1.1 ล้านล้านบาท

คือเก็บภาษีเพิ่มเท่าไหร่ก็ยังไม่พอจ่ายว่างั้นเถอะ

“แม่ลูกจันทร์” มองข้ามช็อตไปถึงงบประมาณรายจ่ายประเทศปีหน้า 2562 ซึ่งจะเริ่มเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ รัฐบาลตั้งกรอบวงเงินไว้สูงถึง 3.3 ล้านล้านบาท

สูงกว่างบปี 2561 ถึง 4 แสนล้านบาท

แต่ยังจัดเป็นงบขาดดุล “รายรับน้อยกว่ารายจ่าย” อีก 4.5 แสนล้านบาท

แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่ นอกจากไม่เพลาการใช้จ่ายเงินลงยังมุ่งมั่นใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกตะหาก

แน่นอน...ผลจากรัฐบาลจัดงบขาดดุลติดลบตัวแดงติดต่อกันทุกปี ทำให้รัฐบาลต้องแบกหนี้ (เงินกู้) เป็นดินพอกหางหมูโตขึ้นๆเช่นเดียวกัน

...

“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตรวบรวมสถิติงบประมาณรายจ่ายขาดดุลยุครัฐบาล คสช. ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2562 ให้เห็นภาพรวม ดังนี้คือ...

ปี 2558 ขาดดุลจิ๊บๆ 2.5 แสนล้านบาท

ปี 2559 ขาดดุลเบาะๆ 3.9 แสนล้านบาท

ปี 2560 ขาดดุลพุ่งพรวดเป็น 5.5 แสนล้านบาท

ปี 2561 ขาดดุลมากเท่าเดิมคือ 5.5 แสนล้านบาท

และปีหน้า 2562 ตั้งวงเงินขาดดุลซ้ำอีก 4.5 แสนล้านบาท

รวมเบ็ดเสร็จ 5 ปี ของรัฐบาล คสช. จัดงบรายจ่ายประเทศขาดดุลติดลบตัวแดงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.19 ล้านล้านบาท

นี่ยังไม่รวมที่รัฐบาลจะต้องกู้เงินไปลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เช่น โครงการลงทุนจัดการปัญหาน้ำทั้งระบบ โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง ฯลฯ อีกหลายแสนล้านบาท

นี่แหละคือประเด็นที่ “แม่ลูกจันทร์” เป็นห่วง

แต่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ออกมายืนยันว่า “ไม่ต้องห่วง!”

ไม่ต้องห่วง เพราะยอดหนี้สินเงินกู้ของรัฐบาล หรือหนี้สาธารณะล่าสุด ยังอยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

แต่เพดานการก่อหนี้สาธารณะกำหนดไว้ไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลยังสามารถกู้เงินก่อหนี้เพิ่มได้อีกสบายๆ

โอเค ตอนกู้เงินมาใช้มันสบายก็จริง

แต่ตอนใช้หนี้น่ะซี มันไม่สบายนะอาจารย์.

"แม่ลูกจันทร์"