ตัวเองไม่อาจรู้ได้ การเมืองดาหน้า ตอบโต้ทันควัน

“ประยุทธ์” ขู่ปี 61 ยังขัดแย้งสูง ไม่รู้การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้หรือเปล่า อ้างปรามพวกก่อหวอด ป่วน ไม่ใช่ส่งซิกเลื่อนเลือกตั้ง ปัดกุมดาบ ม.44 ล้มกฎหมาย โกยอดีต ส.ส.ตั้งพรรคทหาร โวยลั่นทำไมต้องมากลัวนั่งนายกฯ คนนอก “อภิสิทธิ์” สับไม่มีกาบัตร คสช.ต้องรับผิดชอบ บี้ปฏิรูปให้จริงลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน “จุรินทร์” อัดแม่น้ำ 5 สายตีรวนโรดแม็ปไม่นิ่ง ลมปากบิ๊กรัฐบาล-คสช.บ่งบอกเลือกตั้งไม่แน่นอน “วรชัย” ถล่มยับสอบตกทุกเม็ด พฤติกรรม “บิ๊กตู่” เห็นชัดต่อท่ออำนาจ ขณะที่ “อนุทิน” คาด 18 เดือนหย่อนบัตร เชื่อไม่วุ่นวายทุกอย่างถูกรีเซ็ตหมดแล้ว โหร คมช.ทักผู้นำหืดจับปัญหารุมเร้า-บริวารเป็นพิษ เพจดังขยี้ไม่หยุดเปิดอีกนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” เรือนที่ 13 เอพี 5.8 แสนบาท

เพิ่งเริ่มศักราชใหม่ แต่ประเด็นความไม่แน่นอนในการจัดการเลือกตั้งตามโรดแม็ปในเดือน พ.ย.2561 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศไว้หรือไม่ ยังคงเป็นที่จับตาของสังคมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ออกมาส่งสัญญาณปรามไม่ให้มีการก่อความวุ่นวาย โดยประกาศหากสถานการณ์ยังมีความขัดแย้งสูงการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้

นายกฯขอปี 61 สงบสุขไม่วุ่นวาย

วันที่ 31 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ว่า ปีนี้ได้บอกกับทุกคนว่าไม่ต้องมาอวยพร ไม่ต้องมอบของขวัญให้เพราะไม่ต้องการ ส่งการ์ดอวยพรก็พอใจแล้ว แต่ขอให้ทุกคนกลับไปดูแลครอบครัว ลูกน้องให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าปีใหม่นี้มีสิ่งใดที่อยากได้บ้าง นายกฯตอบว่า ไม่อยากได้ความไม่สงบสุข ไม่อยากได้ความขัดแย้ง วันข้างหน้าเมื่อตนไม่เป็นนายกฯก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่อยากได้คือรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล นักการเมืองที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาประเทศ ทำประชาชน มีความสุข วางแผนการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้กว้างๆ มีเพียงหัวข้อแต่ขอทำให้ทำตามกรอบ รายละเอียดไม่ได้บังคับอะไรใคร และขอให้ประชาชนพ้นจากความยากจน ปีหน้ามีเรื่องต้องทำอีกมาก ไม่ใช่การเอาเงินลงไป ไม่ผูกขาดประชาชน ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ ไม่ได้ไปไหนเพราะไม่ได้ไปไหนตั้งแต่ปี 49 แล้ว อาจตีกอล์ฟใกล้ๆแถวนี้กินข้าวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ และทำอะไรอย่างมีสติ

...

ขู่ยังขัดแย้งสูงได้ ลต.หรือเปล่าไม่รู้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่คาดหวังคือ 1.ลดความยากจน ลดความเดือดร้อน 2.เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ไม่มีความขัดแย้งอีกต่อไป “แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้ ผมประกาศไว้เลยสถานการณ์ถ้ายังมีความขัดแย้งสูง การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้มันเกิดขึ้น ถ้าอยากให้มีเลือกตั้ง ถ้าไม่สงบแต่เลือกตั้งไปแล้วยังตีกันอยู่ ผมก็รับผิดชอบไม่ได้ แต่ไม่ได้หมาย ความว่าผมจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพียงแต่พูดปรามไว้สำหรับคนที่จะสร้างความวุ่นวาย และถ้าใครทำตัวแบบนี้ประชาชนอย่าไปสนับสนุน ขอร้องอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน” นายกฯกล่าวและว่า มีเส้นทางไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยก็เดินไป ขอร้องอย่าเอาการเมืองเป็นทุกอย่างของประเทศ ถ้าอย่างนั้นขัดแย้งไม่เลิก วันข้างหน้าอีกพรรคหนึ่งได้ อีกพรรคจะยอมรับได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ เพราะปัญหาเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วถ้าจำได้กับ 2 พรรคใหญ่ แต่ทุกวันนี้กลับมาตีตนก็ไม่เข้าใจ วันนี้ต้องแสดงออกว่าจะไม่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นมาอีก และอย่าพูดอย่างเดียวต้องทำด้วย ไม่ใช่ว่ากลายเป็นว่ามารุมตีตน ยังไม่รู้เลยว่ามาตีตนเรื่องอะไร ทั้งที่ก็พูดคุยกับทุกคน

โต้กุม ม.44 กอบโกยตั้งพรรคอยู่ต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจเป็นเพราะคำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดระยะเวลา 30 วันในการรับรองการเป็นสมาชิกพรรค นายกฯกล่าวว่า ยืนยันตนไม่ได้สลายความเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง คนที่เป็นสมาชิกพรรคอยู่สามารถมาลงใหม่ได้ มีระยะเวลา 30 วันรับรองสมาชิกอย่างน้อย 500 คนก็ลงสมัครได้ ส่วนที่เหลือมาลงสมัครเป็นสมาชิกได้ตลอด 4 ปี แล้วจะกลัวอะไร หรือถ้าดีจริงจะกลัวอะไร หรือกลัวอุดมการณ์สู้เขาไม่ได้ ถ้าดีจริงสมาชิกเหล่านั้นจะไปไหนได้ สิ่งสำคัญไม่ได้ต้องการรีเซ็ต แค่ต้องการให้เกิดความชัดเจนของสมาชิกพรรค ตนไม่ได้ไปละเมิดหรือล้มกฎหมาย หรือต้องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าการออกคำสั่งครั้งนี้ถูกมองว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังกอบโกยนักการเมืองเพื่อตั้งพรรคการเมืองหรือพรรคทหาร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เรื่องนี้สื่อต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย สมมติใครที่ไปรวบรวมคนแล้วตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแล้วลงเลือกตั้ง ถ้าประชาชนไม่เห็นดีเห็นงาม หรือถ้าห่วยจะเลือกไหม นักการเมืองใหม่ นักการเมืองเก่าถ้าดีอยู่พรรคไหนก็เลือก ทำไมต้องมานั่งคอยระวังตน

ทำไมต้องมากลัวนั่งนายกฯคนนอก

เมื่อถามว่า สรุปแล้วจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะตั้งทำไม ตนตั้ง ได้หรือ เมื่อถามต่อว่า แล้ววันนี้มีคนตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนเป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เห็นมีหลายคนประกาศตั้งพรรคสนับสนุนตนก็ตั้งไปซิ แต่ตนจะรับหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เรื่องนี้เขาต้องถามตน วันนี้เขายังไม่ได้ตั้ง และยังไม่เข้าสู่วันเลือกตั้งก็ยังไม่มีใครมาถาม มีแต่พูดกันไป แล้วตนจะรับหรือเปล่ายังไม่ได้ตัดสินใจ สถานการณ์เป็นตัวกำหนดทุกอย่างนะอย่าลืม และอยู่ที่ประชาชนจะร่วมมือกับใคร คนที่เขาร่วมมืออยู่แล้วตนจะเข้าไปได้อย่างไร และวันนี้ตนไม่ได้ลงเลือกตั้งเองนี่ มากลัวตนอยู่นั่นว่าตนจะเข้าไปเป็นนายกฯคนนอก ต้องหาคนในให้เจอก่อน คนนอกอาจจะไม่ใช่ตนก็ได้ มีตั้งหลายคนเขาอาจจะหาคนอื่นเข้ามาก็ได้ ทำไมต้องมากลัวตน ส่วนวันนี้ที่ลงพื้นที่เพื่อไปพูดคุย ให้เขาคลายเครียดคลายความกังวลได้หัวเราะ ไปทำอะไรตลกๆ แต่พอตลกมากไปก็มองเป็นเรื่องจริงไปหมด

“บิ๊กป๊อก” ให้ฝ่ายการเมืองทำสิ่งดีๆ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงโรดแม็ปการเลือกตั้งว่า จนถึงขณะนี้นายกฯย้ำว่าจะยังดำเนินการไปตามโรดแม็ป ขณะนี้ถือว่าอยู่ในช่วงการดำเนินการ เมื่อถามว่า กระทรวงมหาดไทยมีส่วนช่วยอย่างไรให้การเดินหน้าโรดแม็ป โดยเฉพาะการเลือกตั้งไปสู่การมีประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ และมีธรรมาภิบาล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามบทบาทภารกิจ โดยจะทำให้ผลประโยชน์ตกกับประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องเร่งรัดให้เกิดขึ้น ส่วนสิ่งที่อยากเห็นสำหรับการเมืองในปี 2561 นั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ทุกคนในประเทศคงเห็นตรงกันว่า อยากให้ฝ่ายการเมืองได้ทำสิ่งที่ดีๆให้กับประชาชนคนไทย มีสิ่งที่ดีๆขึ้นในเรื่องของความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รวมทั้งต้องการให้มีการเมืองที่ดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น และมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในปี 2561

“มาร์ค”ฉะไม่มีเลือกตั้ง-คสช.รับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าววิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปี 2561 ว่า ถือเป็นปีสุดท้ายของโรดแม็ป คสช.ที่กำหนดจะมีการเลือกตั้งปลายปี รัฐบาล คสช.ต้องพ้นไป เว้นแต่จะมีการคว่ำกฎหมาย อยากให้ คสช.ทบทวนตัวเอง ย้อนกลับไปวันที่ 22 พ.ค.57 บอกคนไทยจะเข้ามาทำอะไร จะสร้างระบบบ้านเมือง ปฏิรูปและจะคืนความสุขให้ประชาชน ขอเวลาอีกไม่นาน ถึงปีสุดท้ายแล้วขอให้ทำตามสิ่งที่เคยบอกไว้ให้สำเร็จ ถ้าไม่รีบทบทวนปีสุดท้ายของ คสช.จะจบลงที่ประเทศสูญเสียโอกาสไป 4 ปี อยู่ที่ คสช.เลือกว่าจะให้ประวัติศาสตร์จารึกผลงาน คสช.อย่างไร ถ้าทำไม่สำเร็จ คสช.ต้องรับผิดชอบ ตนไม่กังวลใดๆ แต่อยากให้ประเทศเดินหน้าด้วยการปฏิรูป และบริหารโดยยึดหลักธรรมาภิบาล อย่าหยิบขึ้นมา เป็นเพียงแค่วาทกรรม ต้องเป็นรูปธรรม คนไทยอยากเห็นการกลับคืนสู่ภาวะปกติ ไม่ย้อนกลับไปสู่ ปัญหาเดิมๆที่ใช้อำนาจไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม ส่วนจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 หรือไม่ คสช.ประกาศไว้เองหากไม่เป็นไปตามนั้น คสช.ต้องรับผิดชอบ

อยากถูกจารึกแบบไหนเลือกเอง

“ผมมีความหวังเสมอว่า คสช.จะทบทวนสิ่งต่างๆ และพูดด้วยความหวังดี เพราะทางเลือกของ คสช.จะเป็นตัวกำหนดว่าประวัติศาสตร์จะจารึก คสช.อย่างไร ปี 2557 น้อยคนจะคิดว่าบ้านเมืองจะตกอยู่ในภาวะไม่ปกติยาวนานขนาดนี้ แต่สังคมไทยให้โอกาสตลอด ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงมาก แต่ประชาชนอดทนและให้โอกาสเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเห็นแก่ที่นายกฯบอกจะปฏิรูป อย่าให้สิ่งที่ประชาชนอดทนและให้โอกาสสูญเปล่า เพราะจะย้อนกลับมาเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น ผู้มีอำนาจต้องคิดถึงประเทศในระยะยาว ทำในสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่ดีให้กับสังคม แล้วทุกอย่างจะเดินหน้าได้ ความนิยมมีขึ้นมีลง เปลี่ยนแปลงได้เร็ว ความได้เปรียบเสียเปรียบ การช่วงชิงอำนาจ ต่อรองสืบทอดหรือไม่อย่างไร ทุกยุคทุกสมัยมีคนคิด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืน ไม่ตอบโจทย์ประเทศ จะตอบโจทย์ได้ ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม หลักธรรมาภิบาล” นายอภิสิทธิ์กล่าว

บี้ปฏิรูปลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจ ปชช.

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงผลงานปฏิรูปของ คสช. ตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมาว่า จนถึงวันนี้คนไทยยังไม่ทราบว่าหลักการปฏิรูปของ คสช.คืออะไร ถ้าจะทำให้สำเร็จต้องมีความชัดเจนก่อน เพราะถ้าจะปฏิรูปต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน สร้างการมีส่วนร่วม แต่จนขณะนี้ยังไม่มีส่วนไหนเดินหน้าในลักษณะดังกล่าว เห็นว่าการปฏิรูปไม่สามารถสำเร็จได้ในรัฐบาลนี้ เพราะการปฏิรูปจะสำเร็จได้ประชาชนต้องรู้สึกว่าเป็นเจ้าของการปฏิรูปนี้ และปกป้องป่วยการที่จะเอามาตรการหรือกฎหมายใดมาบังคับให้ต้อง ทำตาม เพราะรัฐบาลใหม่เปลี่ยนแปลงได้ หากไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนหวงแหน ดังนั้นปีสุดท้ายนี้ คสช.ต้องทำให้ชัดเจนเรื่องหลักการปฏิรูป และดึงประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อบีบบังคับพรรคการเมืองว่าต้องปฏิรูปต่อเนื่อง

อัดโรดแม็ปไม่นิ่งเพราะแม่น้ำ 5 สาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ระบุว่า หากสถานการณ์ยังไม่นิ่งการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 อาจจะไม่เกิดขึ้น ว่า ไม่ทราบว่าที่นายกฯพูดเช่นนั้นเพราะอะไร แต่ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์อะไรแน่นอนหรือเหนือความคาดหมายจากที่ได้ติดตาม ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดเจนคือ โรดแม็ปเดินหน้าเลือกตั้งยังคงไม่นิ่งตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 ความไม่นิ่งนี้ยืนยันว่า เป็นความไม่นิ่งจากแม่น้ำสายต่างๆโดยที่สังคมรับรู้ความไม่นิ่งนี้ได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงสัญญาณของการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการใช้มาตรา 44 เพื่อใช้แก้กฎหมายพรรคการเมือง อีกทั้งยังมีสัญญาณว่าอาจจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งทั่วไป เป็นปัญหาว่าหากการเลือกตั้งท้องถิ่นจะต้องจัดก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ต้องมีการแก้กฎหมาย เรื่องระยะเวลาดำเนินการมาเกี่ยวข้อง

ซัดลมปากบิ๊ก คสช.บ่งชัด ลต.ไม่ชัวร์

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า คำพูดของคนในรัฐบาลคสช.ขณะนี้ก็เริ่มเป็นการส่งสัญญาณสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ระบุว่า ยังไม่สามารถรับประกันได้ 100% เรื่องของโรดแม็ปการเลือกตั้ง เพราะไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคตหรือไม่ ล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯออกมาระบุเช่นนี้ก็จะยิ่งชัดเจนมาก แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเคยประกาศไว้ในต่างประเทศกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และยังกลับมายืนยันในประเทศไทยอีกว่า จะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 แต่มาถึงปีใหม่นี้พอจะเริ่มต้นปี 2561 สถานการณ์ก็ยังคงไม่นิ่งเต็ม 100% ด้วยสัญญาณต่างๆจาก คสช. และแม่น้ำสายต่างๆที่สะท้อนออกมาชัดเช่นนี้ แต่ก็ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอะไร

พท.ถล่มรัฐบาลสอบตกทุกเม็ด

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วงปีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสอบตกในทุกประเด็น เริ่มตั้งแต่การปฏิรูป ที่ตอนแรกพูดชัดจะปฏิรูประบบราชการก่อน แต่วันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงข้าราชการยังห่างไกลประชาชนอยู่ และเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ รวมถึงการปราบปรามการคอร์รัปชัน ประเด็นที่เกิดขึ้นมาช่วงปีนี้ล้วนมีคนใกล้ชิดนายกฯเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานตรวจสอบก็ไม่สามารถทำอะไรออกมาที่จับต้องได้ เรื่องที่ชี้แจงออกมาล้วนแต่มีข้อกังขาประชาชนยังไม่ได้รับความชัดเจน เรื่องปากท้องประชาชนมีปัญหา เกษตรกรร้องเรียนให้นายกฯช่วยเหลือ ที่อ้างจีดีพีสูงขึ้นมันไปรวมอยู่ที่กลุ่มทุน ไม่ถึงประชาชน ไม่เช่นนั้นประชาชนคงไม่มีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว เรื่องการต่างประเทศแม้จะมีต่างชาติบอกว่ายินดีฟื้นความสัมพันธ์ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิต แสดงว่าวันนี้เขายังไม่ฟื้นความสัมพันธ์กับเราเต็มร้อยรัฐบาลไม่ควรดีใจออกนอกหน้า

สับพฤติกรรมชัด “บิ๊กตู่” ต่อท่ออำนาจ

นายวรชัยกล่าวด้วยว่า ความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดคือการคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน การที่รัฐบาลบอกจะคลายล็อกพรรคการเมืองเป็นขั้นๆ แล้วนำไปสู่การเลือกตั้งนั้นไม่มีเหตุผล ถ้าจะเปิดให้มีการเลือกตั้ง ควรปลดล็อกให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรม ไม่ใช่มากั๊กๆอยู่เช่นนี้ และจากเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดชัดว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ แต่มาวันนี้การกระทำชัดเจนว่าต้องการสืบทอดอำนาจ เพราะจากเดิมรัฐบาลใช้ทหารเป็นฐาน ตอนนี้เริ่มขยับไปสู่กลุ่มการเมือง เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ไปยืนคู่กับนักการเมืองหลายที่ ทั้งที่สุโขทัย นครปฐม และการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ก็เป็นเหมือนการหาเสียงไปในตัว แต่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ตกลงมาจากเดิมเรื่อยๆ สะท้อนว่าคนเขาไม่เอาแล้ว ไม่เหมือนรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่สมัยที่สองมีเสียงตอบรับดีกว่าสมัยแรก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรรีบจัดการเลือกตั้งคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกคนที่เขาเชื่อใจมาบริหารประเทศ

“นพดล” ไม่รู้เจตนาคนปล่อยภาพ “ปู”

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพถ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยอ้างว่าเป็นภาพจากประเทศอังกฤษว่า ตนไม่ได้ติดต่อกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งแต่ก่อนวันนัดตัดสินคดีจำนำข้าว ในเดือน ส.ค. จึงไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่อังกฤษตามที่มีการอ้างหรือไม่ ส่วนคนที่ปล่อยภาพออกมามีจุดประสงค์ใดนั้น คงต้องการสื่อถึงการปรากฏตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่คนทั่วไปยังให้ความสนใจอยู่ แต่เมื่อไม่ใช่ภาพที่ถ่ายอย่างชัดเจนและไม่รู้ว่าสถานที่ตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ จึงคาดเดาเจตนาของผู้ปล่อยภาพยาก เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการปล่อยมาเพื่อกลบกระแสข่าวอะไรหรือไม่ นายนพดลตอบว่า คงคาดเดาได้ยากว่าเป็นการต้องการกลบกระแสอะไรหรือไม่ และคิดว่าในปัจจุบันที่การสื่อสารเป็นไปอย่างสะดวกคนบริโภคข่าวสามารถเลือกรับสื่อได้ เขาคงติดตามในประเด็นที่สนใจคงกลบกระแสกันได้ยาก

“อนุทิน” คาด 18 เดือนเลือกตั้งแน่

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 61 ว่าทุกอย่างคงเดินหน้าตามโรดแม็ปของ คสช. ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกพรรคทุกคนเท่ากันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีใครเคยห่างจากการบริหารราชการแผ่นดิน 4-5 ปีแบบนี้ อำนาจเส้นสายต่างๆ จางลงหมดแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะออกมาอย่างไร ทุกคนต้องยอมรับ ส่วนพรรคภูมิใจไทยรอด้วยใจจดจ่อว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ส่วนตัวเชื่อว่าจากปีใหม่เป็นต้นไปอย่างช้าไม่เกิน 18 เดือน การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้น พรรคมีความพร้อมอยู่เสมอ ส่วนรัฐธรรมนูญใหม่และกฎหมายต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนั้น เห็นว่าถ้าเราปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ตนมองทุกอย่างเป็นบวกว่าประเทศกำลังรีเซ็ตใหม่ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าอย่างราบรื่น

เชื่อไม่วุ่นวายทุกอย่างถูกรีเซ็ตแล้ว

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรกับ คสช.ในการบริหารประเทศปี 61 นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ มีอะไรต้องฝาก เพราะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องใช้เวลากว่าจะเข้ารูปเข้ารอย ตนไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ขอเอาใจช่วยให้จัดการเลือกตั้งได้ในเวลาที่สมควร ขณะที่การบริหารประเทศของ คสช.ช่วงที่ผ่านมาถือว่าไม่เลวร้าย หากย้อนไปช่วงก่อนเกิดรัฐประหาร ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองมีแต่ความไม่สงบ ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งเชื่อว่าประเทศจะไม่กลับไปวุ่นวายอีก เพราะทุกอย่างถูกรีเซ็ตแล้ว

โหร คมช.ชี้ปัญหารุมผู้นำหืดจับ

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังเจ้าของฉายาโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า ในปี 2561 เท่าที่ดู พล.อ.ประยุทธ์จะเหนื่อยมาก มีปัญหาต่างๆเข้ามารุมเร้า ท่ามกลางคนหมู่มากทำให้ปวดหัวไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน เจอปัญหาคนนั้นคนนี้สารพัด ส่งผลเกิดปัญหามากมาย แต่แก้ไขไปได้ โดยเฉพาะพวกที่ดึงมาร่วมงาน มาเป็นที่ปรึกษา เริ่ม มีอะไรปรากฏให้เห็นเกิดสนิมเนื้อใน เกิดเรื่องจากคนเหล่านี้ จึงขอให้พิจารณาดีๆในการรับใครเข้ามาทำงาน สืบประวัติให้ดี บอกได้เลยจะเกิดเรื่องจาก คนเหล่านี้ ต้องเข้าใจปัญหาบ้านเมืองที่ใหญ่ๆต้องมี โดยเฉพาะเรื่องของคนที่ในปีจอคนจะสร้างปัญหาใหญ่ให้ ดูแล้วเหนื่อย และที่น่าห่วงอีกอย่างคือเรื่องสุขภาพนายกฯ อย่าให้เครียด ปล่อยวางให้มาก ทำทุกอย่างตามกฎหมาย ระเบียบที่วางไว้น่าจะดีที่สุด จะได้ผ่อนคลาย

อีก 6–9 เดือนมีปรับ ครม.ประยุทธ์ 6

นายวารินทร์กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งเท่าที่เห็นเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน ส่วนการเลือกตั้งใหญ่มีแน่ โรดแม็ปไม่ขยับแต่อาจขยับเลือกตั้งใหญ่ออกไปบ้าง เพราะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมา แต่ไม่ใช่เป็นไปตามกลไกว่าเป็นแผนยืดการเลือกตั้งอย่างที่กล่าวอ้าง เป็นการเลือกตั้งตามกาลเวลา แต่เกิดขึ้นแน่ขอให้รอเวลา สำหรับภาระหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ถือว่ายังไม่หมด ต้องทำหน้าที่ต่อไปอีกสมัย เมื่อหมดหน้าที่ก็ลงมาเอง และอีก 6-9 เดือนจะมีการปรับ ครม.อีกครั้งหนึ่ง ใน ครม.อาจมีผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยเกิดวัฏสงสาร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รวมถึงผู้ที่ทำงานไม่ได้ตามเป้าต้องถูกปรับแน่นอน หลายคนเมื่อหมดหน้าที่ต้องหมดไปโดยปริยาย แต่จะไม่ชี้ชัดว่าเป็นใคร ขอให้จับตาดู หลายคนมีอายุมากแล้ว บางคนที่เหนื่อยไม่ไหว น่าตรวจเช็กตัวเองให้ดี บางคนควรพักผ่อนได้ก็ควรพักผ่อน เพราะงานต่างๆเข้ามารุมเร้า ส่วนปัญหาภัยธรรมชาติ อย่างน้ำท่วมยังมีแต่ไม่หนักเท่าปี 60

เพจดังแฉนาฬิกา “บิ๊กป้อม” เรือนที่ 13

อีกเรื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก CSI LA เผยแพร่ข้อมูลนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. เพจดังกล่าวยังคงเดินหน้าเผยแพร่ภาพและข้อมูลนาฬิกาเรือนงามบนข้อมือของ พล.อ.ประวิตร เป็นเรือนที่ 13 ระบุว่า Audemars Piguet Royal Oak Stainless Steel หน้าปัดสีดำ Black Dial ขนาด 44 มม. รหัส 15400ST.OO. 1220ST.01 ราคาตลาดอยู่ที่ 580,000 บาท โดยภาพนี้ถ่ายได้ในวันที่ 25 เม.ย.2560 จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการหัวข้อ “บิ๊กป้อม” แจงซื้อเรือดำน้ำผ่าน ครม. นานแล้ว เป็นเอกสารลับเปิดเผยไม่ได้ ย้ำจำเป็นรักษาทรัพยากรทางทะเลและจาก Nation ตอน พล.อ.ประวิตรไปดูงานแข่งขันฝีมือคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ในโพสต์ดังกล่าวได้ลงภาพ พล.อ.ประวิตรสวมนาฬิกา บนข้อมือข้างขวา

“คงชีพ” ยันนายแจงได้ไม่หวั่นถูกโค่น

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรทำงานหนัก เปรียบเหมือนพี่ใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ไว้วางใจมอบหมายงานให้ทำค่อนข้างมาก เลยไปถึงการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ นั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ หลายชุด คนไม่มองเรื่องที่ท่านทำ โดยเฉพาะการปราบปรามผู้มีอิทธิพล การจัดระเบียบสังคม ถามว่าใครกล้าทำ ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์นาฬิกาหรูที่ตกเป็นกระแสโจมตี เป็นเรื่องส่วนตัวว่าไปตามกฎหมาย ต้องหาทางออกเรื่องกฎหมาย เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เวลามีคนนินทาทางที่ดีบ้างหรือไม่ดีบ้างย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจ และความรู้สึกบ้าง ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ แต่ในฐานะที่ท่านเป็นทหาร ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ทำ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ยังเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติก็ทำไป อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ที่มีปัญหาต้องแก้ไขต่อไป

เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นขบวนการขยายผลล้ม พล.อ.ประวิตร ทำให้ คสช.อ่อนแอหรือไม่ พล.ท.คงชีพตอบว่า มีแน่นอน เราเข้ามาทำงานย่อมกระทบกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์ กระแสออกมาแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องโจมตีกันทางการเมือง ถือเป็นเรื่องมาจากการเมือง จะเกี่ยวข้องกับการที่มีข่าวว่าท่านเป็นกำลังสำคัญในการตั้งพรรคทหาร ยืนยันว่าไม่จริง พล.อ. ประวิตรไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคนพูดคุยได้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายไม่หักใคร

“ศรีสุวรรณ” แขวะอย่าทำเกินหน้าที่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมฯได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้โฆษกกระทรวงกลาโหมอย่าทำงานเกินหน้าที่หรือเชียร์จนเกินงาม ตามที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมว่าทำงานหนักในหลายด้าน อาทิ ความร่วมมือกับต่างประเทศ การแก้ไขปัญหามาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และ พล.อ.ประวิตรเป็นทหารไม่กลัวอะไรแล้ว ถ้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งที่หน้าที่ของโฆษกกระทรวงต้องสะท้อนความจริง ไม่ใช่มาทำหน้าที่โฆษกส่วนตัวให้ พล.อ.ประวิตร บางเรื่องมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว ถ้าจะชี้แจงทุกเรื่องเช่นนี้ ขอให้อธิบายว่าทำไม พล.อ.ประวิตรที่เป็นข้าราชการทั้งชีวิต ถึงมีนาฬิการาคาแพง มูลค่านับล้านบาทแล้วทำไมจึงไม่รายงานบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เหมือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ พล.อ.ประวิตรมีกฎหมายอะไรพิเศษรองรับหรือ ขอให้ช่วยอธิบายให้สังคมเข้าใจด้วย ถ้าอธิบายไม่ได้ควรพูดเฉพาะแต่งานในหน้าที่อย่าทำเกินหน้าที่จึงจะถูก

สนช.จ่อแก้ ม.77 รับฟังความเห็น ปชช.

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า หลังจากรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ตั้งแต่เดือน เม.ย.2560 สนช.พยายามประสานงาน ครม.ให้เร่งเสนอกฎหมายที่กำหนดรายละเอียดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ ขณะนี้มีปัญหาการตีความ เช่น บางฝ่ายตีความเพียงให้หน่วยงานราชการ นำเสนอร่างกฎหมายผ่านเว็บไซต์ หรือกรณีการเสนอกฎหมายโดยการเข้าชื่อของประชาชนต้องผ่านมาตรา 77 เช่นกัน หากตีความเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชน เป็นการผลักภาระที่เป็นต้นทุนการรับฟังความคิดเห็นให้ประชาชน ซึ่งไม่เหมาะสม ต้องมีกฎหมายออกมารองรับให้ชัดเจน ทั้งนี้ประเด็นเกี่ยวกับมาตรา 77 ที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคือ เนื้อหาร่างกฎหมายที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามมาตรา 77 ก่อนเข้าสภาเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอกฎหมายออกจากสภาแล้วกลับแก้สาระสำคัญเป็นอีกอย่าง สนช.เห็นว่าควรต้องแก้ไข หลักการมันแก้ไขไม่ได้ ข้อบังคับการประชุมของสภาห้ามแก้ไขหลักการกฎหมาย แต่มีบางกรณีแก้ไขถ้อยคำ แต่ทำให้หลักการเดิมเปลี่ยนแปลงไป ต้องนำไปรับฟังความคิดเห็นประชาชนอีกหรือไม่ สนช.จะหาข้อยุติในปี 2561 ให้ได้

เล็งขยายเวลาถก ก.ม.ภาษีที่ดิน

นายสุรชัยกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ส่วนตัวได้ติดตามการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ขอขยายเวลาการทำงานเพิ่มเติม เพราะติดขัดเรื่องการศึกษาผลกระทบจากการใช้กฎหมายดังกล่าว อาจต้องจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งหนึ่ง เช่น กรณีที่ดินที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ได้ใช้ประโยชน์เอง แต่ให้ผู้อื่นเช่า อาจมีผลต่อตัวผู้เช่าคือ เจ้าของที่ดินผลักภาระภาษีให้ผู้เช่า อาจต้องรับฟังความคิดเห็นให้เกิดความรอบคอบมากขึ้น การขยายเวลาการพิจารณาร่างกฎหมาย ข้อบังคับการประชุมสภากำหนดให้ขยายได้ไม่เกิน 60 วัน แต่หากมีเหตุผลพิเศษ และความจำเป็น ถ้าที่ประชุม สนช.เห็นด้วยจะมีมติให้ขยายเวลาตามประสงค์ต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากฎหมายไม่น่าจะตก สภารับมาแล้วเว้นแต่ว่าสภาจะลงมติไม่ให้ผ่านในวาระที่ 3 ขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสภาแล้ว ต้องทำให้เสร็จ

ศูนย์บริการ ปชช.โอ่คลี่ปัญหาได้ 89%

วันเดียวกัน นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสถิติเรื่องร้องเรียนต่อนายกฯ และ กสช.ที่ศูนย์บริการประชาชน ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-28 ธ.ค.60 ว่ามีประชาชามาร้องเรียนทั้งสิ้น 156,424 ครั้ง รวม 90,606 เรื่อง แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป 90,353 ราย และกลุ่มมวลชน 253 กลุ่ม ดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว 80,984 เรื่อง คิดเป็น 89.38% และอยู่ระหว่างดำเนินการ 9,622 เรื่อง คิดเป็น 10.62% ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมและสวัสดิการ 51,045 เรื่อง การเมืองการปกครอง 11,046 เรื่อง ร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ 9,717 เรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจ 8,232 เรื่อง กฎหมาย 7,333 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3,111 เรื่อง และ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก 122 เรื่อง

นายกฯดีใจคนไทยจับจ่ายคึกคัก

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนัก นายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ได้รับรายงานการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทั่วประเทศในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ว่าเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่ตลาดสดและห้างสรรพสินค้า ที่ราคาไม่ได้แพงเกินส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาอย่างเหมาะสม นายกฯ ดีใจที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ จากข้อมูลยังพบว่า ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดและกลับภูมิลำเนาในสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยนิยมไปทำบุญไหว้พระ สังสรรค์กับญาติมิตร และซื้อของขวัญของฝากให้แก่ผู้อื่น ธนาคารออมสินคาดการณ์ว่าประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยจะจับจ่ายใช้สอยรวมกันประมาณ 57,000 ล้านบาท เฉลี่ยต่อคน 3,765 บาทในช่วงเทศกาลนี้ อย่างไรก็ตาม นายกฯเป็นห่วงการขับขี่ยานพาหนะและการเดินทางขอให้ทุกคนระมัด ระวัง และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันอันตราย