ผวจ.พัทลุง ระบุ ทรัพย์สินมีค่าที่ชาวบ้านพบและคืนให้จังหวัด ขณะนี้ให้กรมศิลปากรดูแล ยันมีโอกาสสร้างพิพิธภัณฑ์ใน จ.พัทลุง ด้านอดีต ปธ.หอการค้าฯ แฉมีนักธุรกิจสิงคโปร์มากว้านซื้อแล้ว ยันเป็นทองคำโบราณ 99.99% ราคาขายพุ่งเกือบ 50 เท่า ชี้เป็นการขุดพบครั้งประวัติศาสตร์...

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 57 นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง เปิดเผยว่า จากกรณีที่ชาวบ้านขุดพบทองคำในพื้นที่หมู่ 7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และล่าสุด มีชาวบ้านบางส่วนได้คืนทองคำให้กับกรมศิลปากร พร้อมเรียกร้องให้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ในพื้นที่นั้น ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม มีความเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นใน จ.พัทลุง หากมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุเพิ่มเติม โดยจะต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ในเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้พื้นที่ประมาณกว่า 10 ไร่ ส่วนสถานที่ก่อสร้างจะต้องหาสถานที่ที่ความเหมาะสมอีกทีนึง

ผวจ.พัทลุง กล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินที่มีค่า ชาวบ้านบางรายส่งคืนให้กรมศิลปากรนั้น ขณะนี้ได้ส่งมอบให้กับกรมศิลปากรไปเก็บรักษา และในวันพรุ่งนี้มีผู้ประสงค์แจ้งความจำนงส่งคืนทรัพย์สินแผ่นดินอีก 4 ราย ซึ่งจะมีคณะกรรมการตรวจรับ ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ผวจ.พัทลุง ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช นายอำเภอเขาชัยสน และผู้กำกับ สภ.เขาชัยสน เป็นผู้รับมอบ

ทางด้าน นายฐากูร ฉั่ววิเชียร อดีตประธานหอการค้าและที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดพัทลุง เผยว่า ขณะนี้จังหวัดพัทลุง เป็นที่รู้จักไปทั่ว เกี่ยวกับการพบทองโบราณ ที่หมู่ 7 บ้านทุ่งอ้อ ต.เขาชัยสน จ.พัทลุง ซึ่งทองคำนี้มีความมั่นใจว่าจะนำมาทำบุญกับวัดตะเขียนบางแก้ว อ.บางแก้ว จ.พัทลุง อย่างเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งทองที่ขุดพบแล้วที่ผ่านมา มีทองแผ่น กำไร แหวน ตุ้มหู รองเท้า ไม้เท้า พระพุทธรูป ปิ่นปักผม มงกุฎ โดยเฉพาะพบมากจะเป็นทอง รูปแบบแมลงโดยเฉพาะแมลงพลัดมากที่สุด

...

อดีต ปธ.หอการค้าพัทลุง กล่าวต่อว่า จากหลักฐานตัวเลขที่ฝาไหทองคำ มีเลขสลักอยู่ 1962 แสดงให้เห็นว่า ทองคำโบราณนี้มีอายุยาวนาน หากว่าตามราคาของโบราณ ราคาจะพุงขึ้นถึง 50 เท่า และทองคำโบราณที่พบไปแล้ว มีมูลค่าตามราคาของเก่ามากมายทีเดียว และจากการตรวจสอบพิสูจน์ทองที่พบนั้น ตนในฐานะนักนิยมเล่นของเก่า ขอยืนยันว่า เป็นทองคำแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ และการพบครั้งนี้มากที่สุดของประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยก่อนที่กรมศิลปกรจะเข้าควบคุมทองคำโบราณนี้ ได้พบไปจำนวนหลายถัง

นายฐากูร ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจในประเทศสิงคโปร์จะเข้ามากว้านซื้อทองหลายราย นอกนั้นทองคำและทรัพย์สินมีค่าดังกล่าว ได้กระจัดกระจายไปยังนักธุรกิจใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.พัทลุง และ จ.ภูเก็ต จึงขอฝากไปยังกรมศิลปกรว่า ในการค้นหาขุดทองขณะนี้ ให้ตั้งคณะกรรมการหลายฝ่ายขึ้นมาตรวจสอบอย่างรอบคอบ รัดกุม และจะต้องอนุรักษ์คงสภาพทองโบราณไว้ให้ได้ และตนยังมั่นใจว่าทองคำนี้ จะต้องเอาไปทำบุญสร้างวัดเขียนบางแก้ว อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ไม่น่าจะใช่เอาไปทำบุญสร้างวัดพระธาตุ จ.นครศรีธรรมราช เพราะขณะนั้น วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งทองคำและของมีค่าดังกล่าว จะต้องเป็นของ จ.พัทลุง และจะต้องตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ในพื้นที่ที่พบทองดังกล่าว หรือสถานที่ที่เหมาะสมใน จ.พัทลุง เท่านั้น มิใช่นำไปไว้ที่ จ.นครศรีธรรมราช อย่างที่บางคนต้องการ.