ทนายกระดูกเหล็ก ยกทัพธรรมร้อง พม. เอาผิดผู้ปกครองเด็กเชื่อมจิตผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ชี้ "น้องไนซ์" อาจผิดฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การเรี่ยไร มีการจัดอบรมกว่า 10 ครั้ง นำเงินไปตั้งสถานปฏิบัติธรรม รวมถึงด่าทอคนอื่นอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท ชี้ ผอ.สำนักพุทธฯ แถลงข่าวยืดเยื้อ ตอบเลี่ยงบาลี
จากกรณีวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พม.สุราษฎร์ธานี และทีมสถาบันสุขภาพจิตเด็กภาคใต้ ได้เดินทางไปยังบ้านแม่น้องไนซ์ เพื่อร่วมพูดคุยถึงแนวกระบวนการทำงาน ติดตาม ประเมิน ค้นหาข้อเท็จจริง ในกรณีกลุ่มนิรมิตเทวาจุติ ซึ่งต่อมา นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เผยว่า จากการพูดคุยไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์
จากนั้นทางสำนักงาน พม.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประชุมคณะทำงาน โดยมีอัยการร่วมประชุมด้วย เพื่อที่จะดำเนินการเรียบเรียงในการทำหนังสือเสนอต่อ ทางอัยการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิเด็กเป็นคนเซ็นหนังสือดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อศาล และจะขอใช้คำสั่งศาลขั้นเด็ดขาดในการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง อ.น้องไนซ์ เนื่องจากพ่อและแม่ขัดขวางและไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ล่าสุด เที่ยงวันที่ 17 พ.ค. นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า วันนี้ทางสำนักงาน พม.สุราษฎร์ธานี ได้ร้องไปยังศาลแล้ว ซึ่งศาลนัดไต่สวนเรื่องดังกล่าวประมาณกลางเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้าน พม.จะได้ดำเนินการหาข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะยื่นต่อศาลขอคุ้มครองสิทธิเด็ก เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองนำไปทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนเช่นที่ผ่านมา
เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม หรือทนายกระดูกเหล็ก พร้อมด้วย ทนาย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน "ลัทธิเชื่อมจิต" ต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
...
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้มูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางมายื่นหนังสื่อถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. เป็นตัวแทนรับเรื่อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนเองทราบว่า พม.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง โดยมีกลุ่มแอดมินและทนายความคอยขัดขวางอยู่ตลอด และเมื่อไม่นานมานี้ พ่อและแม่ของเด็ก 8 ขวบ เพิ่งจะมีการแจ้งความ ม.157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบกับเจ้าหน้าที่ พม. หลังเข้าไปตรวจสอบที่บ้าน
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า โดยสิ่งที่ตนทำอยู่ขณะนี้ เนื่องจากเด็ก 8 ขวบ อ้างตัวเป็นผู้รู้ธรรม รู้เรื่องพระไตรปิฎก โดยอ้างเป็นลูกพระพุทธเจ้า เป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม อ้างตัวเป็นพระอนาคามี และเป็นร่างอวตารเพชรภัทรนาคา ได้รับการมอบหมายจากพระศากยมุนี ซึ่งในส่วนของ พม. ได้ยื่นให้ดำเนินการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 27 ห้ามนำเด็กมาโฆษณา เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะเด็กเสี่ยงทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง พ.ร.บ.การเรี่ยไร มีการจัดอบรมกว่า 10 ครั้ง และนำเงินไปตั้งสถานปฏิบัติธรรม และมีการด่าทอคนอื่น ซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วย วันนี้จึงมายื่นหนังสือเอาผิดพ่อและแม่ของเด็ก 8 ขวบ และให้กำลังใจกระทรวง พม. ตนเองเชื่อว่าเคสนี้เป็นชื่อเสียงและหน้าตาของกระทรวงฯ ถ้าล้มเคสนี้ไม่ได้ พม. ย่อยยับแน่
ด้านเลขาฯ รมว.พม. กล่าวว่า ในนามกระทรวงฯ ขอบคุณ ทนายอนันต์ชัย ที่ส่งข้อมูลมาให้ และเป็นกำลังใจ จุดเปราะเดียวของ พม. เรื่องนี้ คือ น้องอายุ 8 ขวบ อยู่ภายใต้การดูแลของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดย พม. เองได้ยื่นศาลเด็กและเยาวชนแล้ว ศาลนัดวันที่ 27 มิ.ย. โดยร้องขอศาลใน 2 ประเด็น คือ 1. ให้ยุติการนำน้องไนซ์ไปทำประโยชน์ 2. ขอหารือร่วมกับครอบครัวน้องเพื่ออบรม สั่งสอน เลี้ยงดู ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
ขณะเดียวกัน ทนายอนันต์ชัย ยังเผยถึงการแถลงข่าวของตัวแทนสำนักพุทธฯ และ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ผอ.สำนักพุทธฯ ตอบคำถามไม่มีภูมิ ยืดเยื้อ และตอบเลี่ยงบาลี ทำให้ประชาชนงง และการที่อ้างว่าสำนักพุทธฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่นั้น ตอบแบบนี้ไม่ได้ เพราะสำนักพุทธฯ คือหนึ่งในส่วนงานของรัฐ ซึ่งต้องคุ้มครองเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวที่ทำเนียลรัฐบาล ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา กล่าวว่า เรื่องนี้ทางสำนักพุทธฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำสอนที่ผิดเพี้ยนไป ได้มีการกราบนมัสการพระมหาเถระเพื่อขอคำแนะนำ โดยมีการแจ้งให้ใช้สติ ทำให้รอบคอบ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว และขณะนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการกระทำที่อาจเป็นภัย หรือผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา แม้สำนักพุทธฯ จะไม่มีอำนาจในการห้ามหรือระงับยับยั้งบุคคลที่เผยแพร่คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก แต่ก็ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด มีการยกระดับมาตรการขึ้นมาตามกระบวนการของกฎหมายที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ รวมถึงได้มีองค์กรภาคเอกชนยื่นเรื่องไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของสำนักพุทธฯ ที่จะออกมาให้ความกระจ่างและข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวทางสำนักพุทธฯ ไม่มีอำนาจในการเรียกตัวเด็กหรือผู้ปกครองมาคุย แต่หากเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็จะมีการแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองให้ดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ในระดับพื้นที่ก็พยายามเจรจาเพื่อทำความเข้าใจ แต่ด้วยอำนาจที่ไม่สามารถห้ามหรือระงับยับยั้งบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนที่อาจจะคลาดเคลื่อนได้ จึงต้องใช้อำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
...
ด้าน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เผยว่า พระพุทธศาสนามีความมั่นคงมาถึงทุกวันนี้ เพราะมีคัมภีร์หลักคือ "พระไตรปิฎก" และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า "การเชื่อมจิต" ไม่มีปรากฏแต่อย่างใด อีกทั้งยังขัดต่อหลักธรรมคุณ 6 ประการ ที่พระพุทธเจ้ามีดำรัสไว้ให้เราได้ศึกษาปฏิบัติ นั่นหมายความว่าผู้อื่นไม่สามารถที่จะบอกให้เราเชื่อตามเขา แต่ให้ศึกษาและปฏิบัติเอง รู้เองเท่านั้น ส่วนเรื่องอนาคามี ได้แสงสีทองของพระพุทธเจ้ามาเชื่อมจิต และที่บอกว่าได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้าเพื่อฟื้นฟูศาสนานั้น เหล่านี้เป็นตัวที่ทำให้เราต้องนึกถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความจริง ความรู้ ความอิสระเสรีภาพ และเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ ฉะนั้นเมื่อมีศรัทธาก็ต้องมีปัญญากำกับเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่คนอื่นบอก ไม่ว่าใครบอกสิ่งที่ต้องมีคือสติและปัญญาทุกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าเชื่อมจิตได้ และเป็นบุตรของพระพุทธเจ้านั้น นายบุญเชิด เผยว่า เรื่องนี้ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก เพราะสิ่งที่เราการันตีคือต้องยึดพระไตรปิฎกเป็นตัวอ้างอิงทุกบรรทัด นั่นเท่ากับว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานก็มีความเชื่อในเรื่องดังกล่าว ฉะนั้นในประเทศไทยจะยึดแค่ฝ่ายเถรวาทเท่านั้น
นอกจากนี้ หลังจากการแถลงข่าวของสำนักพุทธฯ มีความเคลื่อนไหวจากเพจนิรมิตเทวาจุติ โพสต์ข้อความว่า "อาจารย์น้องไนซ์ บอกมาตลอดว่า การเชื่อมจิตเป็นวิธีการ ไม่เคยยืนยันว่าเป็นคำสอน และสำนักพุทธฯ ก็ไม่เคยบอกว่าอาจารย์น้องไนซ์ สอนไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า" ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังแม่ของน้องไนซ์ แต่แม่น้องไนซ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ
...