ชาวบ้านกระบี่ ช็อก พบ "ป่าต้นน้ำ" ถูกบุกรุกไถเตียนโล่งกว่า 70 ไร่ โซเชียลถล่มยับ เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็น ด้าน สส.ก้าวไกล จี้ รมว.ทส.เร่งแก้ปัญหา ตั้งข้อสังเกตปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า มีการเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ของ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ เป็นเอกสารแสดงข้อมูลการเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุก โดยเอกสารระบุว่า พื้นที่ตรวจยึดดังกล่าวมีจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 77 ไร่ 70 งาน บนเทือกเขาพนมเบญจา หมู่ 4 บ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาพนมเบญจา” เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดเมื่อวันที่ 29-30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด โดยสภาพพื้นที่ตามภาพ จะเห็นว่าพื้นที่ป่าดังกล่าวถูกไถ ตัดโค่นต้นไม้ใหญ่จนโล่งเตียน และยังมีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ คาดว่าใช้สำหรับลำเลียงไม้ออกมา
หลังมีการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวออกสู่สังคมโซเชียลของชาวกระบี่ ชาวบ้านที่เห็นสภาพป่าดังกล่าวถึงกับตกใจ และรับไม่ได้ มีการแสดงความเห็นตั้งคำถามว่า การบุกรุกพื้นที่ป่ามากกว่า 70 ไร่ขนาดนี้ น่าจะใช้เวลาทำกันมานาน แต่เพราะอะไรที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงไม่พบเห็น แต่มาพบและตรวจยึดตอนพื้นที่เตียนโล่งแบบนี้แล้ว บางคนระบุว่า นี่เป็นป่าต้นน้ำของเมืองกระบี่ อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกวันนี้เมืองกระบี่ ประสบปัญหาภัยแล้งหรือไม่ เพราะแหล่งต้นน้ำป่าเขาพนมเบญจา จะไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักสำหรับชาวบ้านในเมืองกระบี่ใช้อุปโภค บริโภค ปัจจุบันสภาพน้ำแห้งขอดจนเกิดปัญหาภัยแล้ง
...
ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สภาพป่าเขาที่กระบี่ หลายแห่งถูกบุกรุก แผ้วถาง มากมาย ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับ สนง.ป่าไม้ สำนัก 12, ก่อนหน้านี้เกิดปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนที่เกาะลันตา, ป่าเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่ไฟป่าติดเดือนก่อน พบมีการปักเสาปูนรั้วรวดหนามในเขตอุทยาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีในฐานะผู้เสียหาย เป็นเจ้าพนักงาน และมีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปกครองกับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ที่ไปแอบออกเอกสารในเขตป่าสงวน ป่าอุทยานอีก
เรื่องการกวดขันตรวจป่า ต้องเร่งรีบทำด่วน เพราะกระทบกับสภาวะขาดแคลนน้ำดิบ ที่เอามาทำน้ำประปาทั้งเมืองกระบี่ในปัจจุบัน และอาจสืบเนื่องยาวนานไปอีก จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้าราชการประจำที่เป็นมืออาชีพ ต้องแสดงฝีมือจัดการด้วย ไม่ใช่มีแต่ข้ออ้าง และความกลัว ซึ่งขอตั้งข้อสังเกตว่า การปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตลอดจนอยากบอกกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ว่า เรื่องนี้ต้องประกาศเป็นวาระใหญ่ของจังหวัด และปัดกวาดบ้านเราเสียที ในขณะที่กระบี่ กำลังฉลองเมืองครบรอบ 152 ปี แต่ปัญหายังมีมากมายหมักหมมอยู่.